ปริศนาจากดอยภูโอบ


ท่านเคยเสียใจจากความปรารถนาดีไหม?
โจทย์นี้ ข้าพเจ้าอยากขอเชิญชวนท่านผู้อ่านร่วมตีความไปด้วยกัน 
จากเหตุการณ์ วันที่ 14-15 เมษายนนี้
ซึ่งข้าพเจ้ามีโอกาสได้ติดตามกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง
ไปเป็นนักเรียน ป.1 วิชาชีวิต ที่สำนักปฎิบัติธรรมดอยภูโอบ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่



หตุการณ์ที่ 1 : งูบนเลนซ้าย

ขณะอยู่ที่ดอยภูโอบ ข้าพเจ้ากับกัลยาณมิตรเดินลงไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย
ระหว่างทาง เจองูสีน้ำตาลตัวเล็กชูคอบนถนนเลนซ้าย
ด้วยความกลัวว่ามันจะถูกรถทับ จึงจะเขี่ยให้มันหลบ
แต่หนึ่งในกัลยาณมิตรติงว่า มันอยู่นิ่งไม่หนีคนแบบนั้นอาจเป็นงูพิษก็ได้ 
แทนที่จะเขี่ยมัน  เราจึงบอกรถที่ผ่านมาคันหนึ่งให้หลบเข้าเลนขวา
แน่นอนว่า เราไม่สามารถอยู่บอกรถทุกคันให้หลบงู
เพราะเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปยังจุดหมาย
.


##

เหตุการณ์ที่ 2 : คนเมากลางถนน
หลังจากเดินเจริญสติ ที่วัดพระพุทธบาท จนถึง 2 ทุ่ม
ข้าพเจ้าและกัลยาณมิตรหญิงอีกสองท่าน เดินกลับที่พักด้วยทางสายเดิม
คราวนี้งูตัวเก่า หายไป (โล่งใจที่ไม่เห็นมันแบนติดถนน)
แต่กลับมีผู้ชายเมา นอนบ่นพึมพำกลางถนน
พวกเราลังเลใจว่าควรเดินเข้าไปดูหรือไม่
กัลยาณมิตรท่านหนึ่งเกรงว่าจะเมายา
จึงชวนกันกลับไปตั้งหลักที่วัดใหม่ พร้อมชวนพี่ผู้ชายเดินมาด้วย
แต่กลับมาอีกที ชายคนดังกล่าวก็หายไปแล้ว
.


##

เหตุการณ์ที่ 3: คนไข้เยี่ยมบ้าน
ขณะที่กัลยาณมิตรท่านหนึ่งขับรถมาส่งข้าพเจ้าที่บ้าน
ระหว่างทางลงดอย มีฝูงหมูป่ามาตั้งด่านขออาหาร
(หมูป่าเหล่านี้ ชาวบ้านนำมาปล่อย ไม่มีใครทำร้าย)


.
ก็พอดีมีโทรศัพท์จากญาติผู้ป่วยที่ข้าพเจ้าเคยไปเยี่ยมบ้าน
ถามด้วยความเกรงใจ ว่าผู้ป่วยมะเร็งตับ
ทานอาหารไม่ได้ อาเจียนเป็นน้ำดี ปนลม จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอม
ข้าพเจ้ารู้สึก 'จนใจ' ที่ได้แต่เพียงแนะนำให้มาโรงพยาบาล
เพื่อดูว่า เป็นลำไส้อุดตัน หรือไม่
ข้าพเจ้าวางโทรศัพท์ด้วยจิตใจสั่นคลอน
'เราน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้' - 'ทำไม่เราไม่มี Hospice..' 'ทำไมเราไม่มีทีม on call.."
กัลยาณมิตร รับฟังข้าพเจ้าระบาย แล้วตั้งคำถาม
"ถึงแม้เราไปที่บ้านเขา แล้วสถานการณ์นี้เราใช่คนที่ช่วยเขาได้ดีที่สุดหรือ"
"เธอจะทุกข์ทำไม ในเมื่อเราเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง?"
..
ข้าพเจ้าฟังแล้วต้องทวนคำถามในใจ
'นั่นสิ ใครกันแน่ที่เราเอา
เป็นศูนย์กลาง 
 ...เราปรารถนาให้เขามีสุข จบแค่นั้น
หรือแฝงด้วยปรารถนาให้คนอื่นยอมรับตัวตนเราด้วย..'


###

"มีเมตตาต่อเขาผู้เป็นทุกข์ นั้นดีนัก แต่อย่าลืมเมตตาตน
ตนเองปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ เพราะเมตตาเขา
ไม่มีอำนาจใด จะไปสู้กับอำนาจกรรมของใครได้ 
เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้...
ใจที่มีเมตตา ก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้อง อย่างมีปัญญา 
ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อน ด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง"
           สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก



"เมตตาที่ถูกต้อง พึงเข้าใจด้วยว่า
สัตว์มีกรรมเป็นของตนเอง
สัตว์ต่างดิ้นรนเพื่อระบายทุกข์
ตราบใดที่เรามีสังขาร สิ่งที่เราพึงกระทำ
คือเบียดเบียนผู้อื่นให้น้อยที่สุด"

           พระอาจารย์ไพโรจน์อภิปุญโญ จากสำนักปฏิบัติธรรมวัดป่าหิมพานต์ อ.วังสะพุง จ.เลย

หมายเลขบันทึก: 533043เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2013 21:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน 2013 14:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)

เรื่องเล่า...ชวนคิดสะกิดใจจริงๆ

คำถาม...ที่นำไปสู่คำตอบ...สุดท้าย

และธรรมะเน้นเรื่องเมตตา... เน้นสัตว์มีกรรมเป็นของตน

ขอบคุณบันทึกไข...ปริศนา...ของฝากจากดอยภูโอบค่ะ

เราต่างมีทางเดินต่างกัน 

เราคิดต่าง ทำต่าง อาจเพราะปัจจัยแวดล้อมต่าง

..

อาจมีเพียงสิ่งเดี่ยวหรือเพียงไม่กี่สิ่ง ...ที่เราหรือใครบางตน คิดเหมือนกัน รับรู้เท่ากัน แต่อาจปฏิบัติต่างกัน

สิ่งที่อยู่ในใจอาจไขคำตอบทั้งหมด...ไขปริศนาธรรมได้ ต้องไขปริศนาใจก่อนเสมอ

..

ผมคิดเช่นนั้นนะครับ คุณหมอ ป.


ชื่นชมความติดแนวคิด และการกระทำของหมอ ป. นะครับ


สาธุ สาธุ สาธุ ครับคุณหมอบางเวลา ;)...

เป็นข้อพิจารณาที่ดีค่ะ..เมตตา+อุเบกขา..

'เราน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้' - 'ทำไม่เราไม่มี Hospice..' 'ทำไมเราไม่มีทีม on call.."กัลยาณมิตร รับฟังข้าพเจ้าระบาย แล้วตั้งคำถาม
"ถึงแม้เราไปที่บ้านเขา แล้วสถานการณ์นี้เราใช่คนที่ช่วยเขาได้ดีที่สุดหรือ""เธอจะทุกข์ทำไม ในเมื่อเราเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง?"

A real moral bender! At a junction of humanity, what we do is more important than what we think or feel.

ขอบคุณมากครับหมอหลายเหตุการณ์นั้นเป็นครูจริงๆ ในหลายๆเรื่อง ผมอ่านแล้วมาทบทวนตัวเองเช่นกันให้สามารถปล่อยวางบางเรื่องลงได้ครับ  

ขอขอบคุณ คุณหมอ ป. มากครับ

ผมเริ่มคิดอะไร ๆ ได้ชัดเจนขึ้น จากบันทึกนี้ครับ

สาธุค่ะ การค้นพบจากการปฏิบัติย่อมประเสริฐแล้วค่ะ 


ขอบคุณที่คุณมะเดื่อนำภาพก่อเจดีย์ทรายมาให้ชมคะ ไม่เคยได้ก่อในวัดกับเขาเลย :)

อ่านแต่ละเรื่องแล้วได้แนวคิดดี

การเมตตาต่อตนเองสำคัญเมื่อเกิดจะได้สงผลต่อการเมตตาคนอื่นด้วย

สาธุเรื่องดีๆครับ

อ่านด้วยรักและศรัทธาในตัวคุณหมอ ป. ค่ะ

เข้าใจค่ะสถานการณ์อย่างนี้ พี่อรเคยเจอค่ะ

ปราถนาดีต่อผู้คนด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ แต่บางคนบางครั้งก็เป็นภัยและทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ครั้นจะไม่ช่วยก็รู้สึกเป็นบาปในใจที่เรามีศักยภาพที่จะช่วยได้แต่ไม่ช่วย คุณพ่อบอกให้เดินสายกลาง บางครั้งต้องวางใจให้วางเฉยไปบ้างค่ะ


ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ คุณตะวันดิน
พิจารณาดู พื้นนิสัยตัวเอง เป็นคนขี้หงุดหงิด โกรธง่าย
เคยคิดว่า ตัวเองมีเมตตา ด้วยอาชีพ 
แต่เอาเข้าจริง เรื่องร้ายๆ ที่กวนใจ
เกิดจากเราขาดเมตตา ต่อเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมโลก 
ที่เราทำไปนั้นมีอัตตาเป็นตัวขับเคลื่อน
เมื่อทำไม่ได้ดั่งใจ ใครไม่เป็นดั่งใจ  จึงร้อนใจ


ความเห็นที่แฝงข้อคิดลึกซึ้งคะ ขอน้อมนำมาพิจารณา
ด้วยพื้นนิสัยที่เมตตายังอ่อน เพียงเราเผลอเล็กน้อย
 'ความรู้สึกเป็นปฎิปักษ์' เกิดได้กระทั่งกับผู้ที่ไม่ได้ทำอะไร 
เพียงแค่เพราะเขาทำให้อัตตาเราสะเทือนเท่านั้น
...
ขอบคุณที่เตือนสติคะ :)

ผมก็เป็นประจำครับ...ความทุกข์ใจที่กิดจากความยึดมั่นถือมั่น...ไม่ยอมปล่อยวาง...

แต่ที่โชคดี...ที่ชีวิตของผมมีและจับต้องได้ คือ "เวลา"

ได้ใช้เวลาในการเดินทาง  เรียนรู้  และฝึกฝนไปเรื่อยๆ ครับ

ขอภาวนาและให้กำลังใจอาจารย์หมอนะครับ

เหตุการณ์ทั้งสามของอาจารย์...ทำให้ผมมองว่า

อาจารย์มีแสงสว่างในตนเองแล้วหล่ะครับ...

ขอบคุณบันทึกของอาจารย์ที่ให้ใจของผมได้ฝึกฝนและเรียนรู้ไปด้วยนะครับ.............



ขอบคุณคะ สาธุกับอาจารย์ที่หมั่นบันทึกแฝงธรรมะ ให้อ่านเสมอนะคะ


ขอบคุณคำสรุปที่กระชับคะพี่ใหญ่
เมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้เพิ่งได้เข้าใจว่า อุเบกขานั้นสำคัญเพียงไร

ขอบคุณบันทึกดีๆ ค่ะ


ขอบคุณสำหรับความเห็นให้คิดต่อคะ
ไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจคำว่า "Moral bender" ถูกต้องหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้ ไม่ไปโรงพยาบาลจนวันนี้
ไปเยี่ยมที่บ้าน พร้อมเครื่องมือและยา และทำเท่าที่ทำได้คะ


ยินดีคะ เมื่อวางได้แล้ว เราจะมีมือในการปีนป่าย ในการกอด และในการให้ มากขึ้นนะคะ :)


ขอบคุณคะอาจารย์ 
บทเรียนสำคัญที่ได้กับตัวเองคือ
ก่อนที่เราจะ 'สามารถ' เมตตาผู้อื่นได้  เราต้องเมตตาตัวเองก่อนได้คะ
ไม่ได้หมายความว่า เราต้องรวย ต้องสมบูรณ์แบบก่อน 
แต่เรามีศรัทธาในการกระทำและดำรงอยู่ของชีวิตเราคะ

   ขอบคุณคะ เคยอ่านในบันทึกของพี่ศิลา เรื่องพัฒนาตนเองจากภายใน 
ตรงใจกับภาพนี้คะ


ไปเรียนเพื่อสร้างภูมิใจ เมื่อ 'ขาดความร่วมมือในองค์กร' ปล่อยวางโดยไม่ต้องปล่อยทิ้ง
แล้วเดินหน้า เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าคะ


สรุปประเด็นได้ตรงเผ็งเลยคะอาจารย์ขจิต ชาวเชียงใหม่ยินดีต้อนรับนะคะ

แค่ได้อ่านและรับรู้ถึง ความเอื้ออาทร ต่อคนอื่นก็ทำให้ ปิติ แล้วค่ะ

เพิ่งเีขียนอนุทินไปค่ะ...

ต้องทำตัวให้มีความสุขมากๆนะ
เพราะคนที่มีความสุข 
จะทำให้คนอื่นมีความสุขไปด้วย
(◠‿◠✿)❤•♥


ขอบคุณคะพี่อร ความเป็นคนมีน้ำใจ อ่อนโยน ทำให้ความขัดแย้งใจว่าเรามีศักยภาพจะช่วยได้ แต่ไม่ได้ช่วย
เพราะอาจเป็นภัยกับตัวเราเอง..
ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่อเมริกา กลางดึก ลงจากรถไฟฟ้ามา 
คนผิวดำใส่แว่นดำ ถือไม้เท้าข้ามถนน 
ลังเลใจจะเข้าไปช่วยเขาข้ามถนนดีไหม  แต่ก็ต้องระวัง เพราะกลางคืนและเราเป็นผู้หญิง
ทุกวันนี้ก็ยังติดในใจ ว่าเราใจดำหรือเปล่า ?


แต่ที่โชคดี...ที่ชีวิตของผมมีและจับต้องได้ คือ "เวลา"

ได้ใช้เวลาในการเดินทาง  เรียนรู้  และฝึกฝนไปเรื่อยๆ ครับ

...

ชวนคิด..เวลาที่จับต้องได้  ขอบคุณคะ:)


ขอบคุณคะ อาจารย์หยั่งรากฯ เป็น 'Prototype' ของผู้มีความสุขเผื่อแผ่ถึงผู้อื่น
แม้ไม่เห็นหน้า แต่วิธีตอบความเห็นอาจารย์ ทำให้คนอ่านยิ้ม มีความสุขไปด้วยคะ

สวัสดีคุณหมอป.แวะมาอ่านบันทึกที่มีประโยชน์มากๆนะคะ เป็นคนที่เคยมีจิตใจที่หวั่นไหว คิดอยากช่วยคนนั้นคนนี่ให้มีความสุข ให้พ้นจากความทุกข์ พ้นจากความยากลำบาก แต่เปล่าเลย เขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ เราไปคิดแทนเขา เราคิดไปเองต่างหาก  ซ้ำบางคนยังถมไม่เต็ม เพราะการช่วยที่ผิดวิธีของเราเองก็มี ทุกวันนี้จิตใจนิ่งขึ้นมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็เกิดความสบายใจไม่กังวลใจในเรื่องไกลตัวค่ะ


ดีใจที่อาจารย์มาเยี่ยมเยียนคะ
สิ่งที่อาจารย์สะท้อนมานั้น ตนเองเคยรู้สึกเช่นเดียวกันคะ (ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ)
ตอนนี้เห็นภาพสวยๆ แล้วมีความสุขเบิกบานไปด้วย
...

คนเรามีหลายประเภท อย่างหนังสือเล่มนี้ Give and take วิเคราะห์อย่างน่าสนใจ 
บางคนมี trait เป็น Taker (ต้องการได้เปรียบ), Giver (ยอมเสียเปรียบ) และ Matcher (ยื่นหมูยื่นแมว) ในสัดส่วนต่างกัน..และน่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อพบว่า Giver trait ตกอยู่ใน 2 extreme ของการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ

คือ สูงสุด กับ ต่ำสุด
ในหนังสือเล่มนี้จึงตีความว่าปัจจัยใด ทำให้ Giver สองกลุ่มนี้ต่างกันสุดขั้ว

"มีเมตตาต่อเขาผู้เป็นทุกข์ นั้นดีนัก แต่อย่าลืมเมตตาตนเองปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ เพราะเมตตาเขาไม่มีอำนาจใด จะไปสู้กับอำนาจกรรมของใครได้ เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้...ใจที่มีเมตตา ก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้อง อย่างมีปัญญา ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อน ด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง"

จะจำนำไปถือปฏิบัติค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท