ผ่านมาจนถึงวันนี้
ก็ถึงวันที่เด็กๆได้มาแสดงดนตรีจริงๆ ภายใต้การสนับสนุนจากทั้งมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข และมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ณ ลานเวทีสุขภาพ รพ.
วงเครื่องทองเหลืองเริ่มต้นด้วย สรรเสริญพระบารมี ทุกคนรอบๆนั้น ต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ผมเหลียวมองไปดูก็ขนลุกซู่ เพราะมีคนมาดูการแสดงมากมาย
โดยส่วนตัวนั้น ผมรักเพลงนี้มาก มากจริงๆ
วงนี้แสดงไป ๗ เพลง ทั้งบรรเลงและมีเพลงร้อง
ความสุดยอดมิใช่มีเพียงนักดนตรี แต่นักร้องก็เรียกให้ขนแขน stand up ไปหลายหน เพราะเธอและเขา เสียงดีเหลือเกิน
ต่อด้วยวงที่ ๒ เป็นเครื่องสาย เขาเรียกว่า "ดนตรีในห้อง" chamber orchestra
เช่นกันครับ ทั้งเพลงบรรเลง เพลงร้อง
มาจบด้วยเพลง "ชัยชนะ" ที่ผมต้องปรบมือให้อย่างดัง
อาจารย์สุกรีเคยพูดให้ฟังว่า หมอกับนักดนตรี มีความเหมือนกัน ที่ความเป็นศิลปิน หมอจำต้องใช้ศิลป์ในการรักษาคนไข้ แต่งานของหมอนั้นเปื้อนเลือด เปื้อนไข้ เปื้อนความเศร้า แต่นักดนตรี ใช้ศิลป์ในทางสุนทรียะ (อาจารย์พูดทำนองนี้ แต่ผมขออนุญาตแต่วเติมบ้างด้วยศิลปะส่วนตัวนะครับ)
ผมขอบคุณจริงๆ อย่างจริงใจ แก่น้องๆและผู้ใหญ่ ที่ช่วยทำให้ดนตรีคลาสสิกจับต้องได้ ผู้คนมากมายหลายหลากต่างได้ร่วมกันเสพศิลป์ในเช้าวันนี้ที่สงขลานครินทร์ คนฟังดนตรีมีความสุข แต่คนเล่นดนตรีมีความสุขกว่า
จบการแสดง ผมกล่าวขอบคุณบนเวที แต่ด้านล่างเวที ผมไปขอบคุณเป็นการส่วนตัวด้วยคำว่า "สุดยอด"
ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ช่วงบ่าย นักดนตรีได้ไปแสดงที่อาคารเย็นศิระ ผมไม่ได้ตามไปดู แต่สายข่าวรายงานมาว่า "ดีไร้ที่ติ" เด็กๆได้มีโอกาสไปเยี่ยมคนไข้ที่เตียงด้วย บางคนถึงกับหลั่งน้ำตา
ความสุขในวันนี้เก็บไว้ไม่ได้ จึงต้องเล่าออกมาดังๆ
เห็นคนทำดี ก็ต้องเล่าให้ฟังดังๆ