วันนี้ที่คุณเดิน คุณเดินเพื่อใคร?



...

เราฉลองมื้อแรกของวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยการสั่งอาหารแขกชุด (thali) ที่เสิร์ฟบนถาดรองด้วยใบตอง ฉันสั่งปอเปี๊ยะสดมาเพิ่มอีกสองแถว ท่ามกลางผู้คนที่ค่อนข้างแออัดในช่วงกลางวันของวันหยุด เราโชคดีที่ได้ที่นั่งเป็นโต๊ะเดี่ยวเล็กๆ ในฟู้ดคอร์ทชั้นใต้ดินที่นอร์ทพอยน์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่สถานีรถไฟยีสุน (Yishun MRT)

เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะหาโต๊ะนั่งตามฟู้ดคอร์ทได้ค่อนข้างยากในช่วงกลางวันและตอนเย็น โดยเฉพาะฟู้ดคอร์ทที่อยู่ในชุมชนใหญ่ ผู้คนจะยืนค้ำหัวรอที่จะได้จับจองโต๊ะที่เรากำลังนั่งทานอยู่ บางครั้งที่ถึงแม้เราจะไม่รีบ แต่พอทานเสร็จ เราก็มักจะเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ใช้โต๊ะอาหารทันที เราคุยกันเบาๆ ในระหว่างที่ทานอาหาร ทันใดนั้นก็มีคนสองคนวิ่งผ่านโต๊ะที่เรานั่งด้วยความรวดเร็ว พร้อมมีเสียงตะโกน "Mother, table over there...faster faster faster! (แม่ แม่ โต๊ะตัวโน้น เร็วๆๆๆ!) ในระหว่างที่วิ่งผ่าน กระเป๋าสะพายของเด็กหญิงก็ชนโต๊ะที่เรานั่งอยู่จนน้ำในแก้วกระฉอกออก โชคดีที่เด็กหญิงไม่เสียหลักล้มลงในขณะวิ่ง

เรามองตามแม่ลูกคู่นั้นซึ่งวิ่งไปจับจองโต๊ะที่เพิ่งมีคนลุกเดินไปได้สำเร็จ เด็กหญิงที่วิ่งนำแม่ของเธอไปที่โต๊ะคงจะอายุไม่เกินสิบขวบกระมัง เธอรีบเอาร่มที่ถือติดตัวมาวางบนโต๊ะเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของก่อนเดินไปสั่งอาหาร ทักษะการจับจองโต๊ะอาหารของเด็กคนนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ เราต่างยิ้มให้กับภาพที่เห็น นี่แหละหนึ่งในการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดของคนเมือง

หลังอาหารกลางวันเราแวะซื้อกาแฟ ที่ร้านกาแฟโบราณเจ้าประจำที่ชื่อยาคุน (Ya Kun) ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ผู้คนก็แน่นเสมอ เมื่อในร้านไม่มีโต๊ะว่างอยู่ เราจึงตัดสินใจซื้อกลับบ้าน ในขณะที่เดินออกจากอาคารช้อปปิ้งเซ็นเตอร์เพื่อข้ามถนนไปยังอีกอาคารหนึ่งซึ่งเราจอดรถไว้ ไฟสีแดงบอกให้รถบนท้องถนนหยุด และเมื่อไฟสีเขียวกระพริบให้คนเดินข้ามได้ รถยนต์คันหนึ่งแทนที่จะจอดอยู่หลังช่องทางให้คนเดินข้ามก็ขยับมาจอดอยู่กลางช่องทางเดินสำหรับคนพอดี มองอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าเป็นกรณีของการเหยียบเบรคไม่ทัน เพราะถึงกระนั้นเขาก็สามารถถอยรถกลับได้ เพราะรถที่จอดอีกคันข้างหลังก็จอดห่างออกไปไม่น้อย แต่ชายคนขับรถไม่มีท่าทีตระหนักถึงสิ่งใด เขามองไปข้างหน้าพวงมาลัยอย่างแน่นิ่ง จ้องไปที่ไฟจราจรข้างหน้าอย่างจดจ่อและรอว่าเมื่อไหร่ไฟจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวให้รถเขาแล่นผ่านไปได้เท่านั้น คนที่เดินข้ามถนนต้องเดินเลี่ยงรถเขาไปโดยที่เขาไม่หันมามองคนเดินสักนิด ฉันก็ไม่เข้าใจว่าแค่การจอดรถหลังช่องทางเดินห่างออกไปอีกไม่เกินสองเมตร ให้คนอื่นได้ข้ามถนนโดยสะดวก จะทำให้เขาไปถึงที่หมายช้าไปกี่วินาที 

คนข้างกายชะโงกหน้ามองชายคนนั้นที่กระจกรถ ฉันพอจะเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ จึงรีบดึงแขนเขาข้ามถนนไปก่อนที่จะมีเรื่องให้คุยกันยาวเกินจำเป็นบนท้องถนน ในเมืองใหญ่ที่มีผู้คนหนาแน่น เรื่องราวเล็กน้อยแต่ชวนให้หงุดหงิดเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ มิสเตอร์เกียซูออกมาแสดงตัวอยู่ทุกที่ทุกหน (เกียซู เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน หมายถึง กลัวที่จะแพ้ เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่มีลักษณะนิสัยที่เข้าข่ายเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงคนอื่น กลัวแพ้ กลัวเสีย) ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเก็บสิ่งเหล่านั้น คนเหล่านั้นมาใส่ใจมากน้อยแค่ไหน จะเก็บมากี่เรื่องต่อวัน หรือเราจะเพิ่มทักษะการป้องกันตัวเองจากอาการหัวเสียด้วยการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วยักไหล่ให้มันผ่านไป หรือยิ่งไปกว่านั้น หากเราสามารถยกระดับมิสเตอร์และมิสซิสเกียซู ให้เห็นเป็นหนึ่งในตัวตลกที่เราโปรดปรานก็น่าจะเป็นการสร้างความสนุกสนานให้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินไปนั่งหัวเราะ

...


...

และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะหนีความวุ่นวายในเมือง ห่างไกลรถรา และเรื่องราวบนท้องถนนบ้าง เรากลับบ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้า เตรียมน้ำดื่ม และข้าวของที่จำเป็นใส่เป้ บ่ายวันนั้นเราชวนกันไปเดินป่าตามเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นปอดขนาดใหญ่กลางเมือง ในบริเวณเครือข่ายของเขตสงวนทางตอนกลางของประเทศ (Central Catchment Nature Reserve) และเป็นที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่งด้วยกัน คือ อ่างเก็บน้ำ MacRitchie, Peirce และ Seletar ครอบคลุมพื้นที่กว่าสามพันเฮ็กเตอร์ ซึ่งคิดเป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ของประเทศนี้

เราตั้งใจไปเดินในแถบที่เป็นบริเวณของอ่างเก็บน้ำ MacRitchie ซึ่งที่จริงแล้วที่นี่ก็มีทางเดินเลาะไปจนถึง Bukit Timah Nature Reserve ด้วย แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเพียงตอนบ่ายของวัน เราจึงชวนกันเดินตามระยะทางสั้นๆ ด้านหน้าของอ่างเก็บน้ำ MacRitchie จัดเป็นสวนสาธารณะสวยงามให้ผู้คนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ และภายในมีเส้นทางเดินธรรมชาติสำหรับคนที่ชอบเดินป่า ซึ่งมีระยะทางประมาณ 11.5 กิโลเมตร เมื่อไปถึงบริเวณทางเข้าเส้นทางเดินธรรมชาติ ฝูงวานรหลายต่อหลายตัวก็ให้การต้อนรับผู้คนอย่างเป็นธรรมชาติ บ้างก็หาของกิน บ้างก็นั่งหาหมัดกำจัดแมลงให้กัน บ้างก็เล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างสนุกสนาน ป้ายห้ามการให้อาหารลิงมีติดอยู่ทั่วไป มีคำแนะนำด้วยว่า พยายามอย่านำอาหารมาที่สวนสาธารณะ และหากลิงมาแย่งถุงอาหารในมือ ให้ปล่อยถุงอาหารในมือเสีย อย่าไปแย่งกับลิง และให้หลีกเลี่ยงการจ้องตากับลิงเป็นต้น

หลายปีมาแล้วที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการรณรงค์ให้ลิงหาอาหารเองในป่าตามธรรมชาติ ด้วยการปรับคนที่ให้อาหารลิง ค่าปรับในการละเมิดกฎต่อครั้งนั้นถ้าคิดเป็นเงินไทยก็หลายหมื่นบาท นับว่าสูงกว่าค่าปรับจากการทิ้งเศษขยะเรี่ยราดหลายเท่าตัว นั่นก็เพราะที่ผ่านมามีข่าวคนถูกลิงกัดและทำร้าย ลิงถูกคนทำร้ายบาดเจ็บเพราะแย่งอาหาร ลิงถูกรถชนตาย ลิงสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนที่มีบ้านเรือนใกล้เขตสงวนด้วยการคุ้ยเขี่ยขยะ และเข้าไปหาอาหารในบ้านคน เป็นต้น

ว่ากันว่าลิงที่มีนิสัยก้าวร้าวนั้นก็เพราะคนให้อาหารลิงด้วยความไม่รับผิดชอบ บ้างก็ให้อาหารลิงด้วยการจอดรถข้างถนน เพราะความเห็นแก่ตัว อยากล่อให้ลิงมาอยู่ใกล้ๆ ให้เด็กๆ (ที่อยู่ในรถ) ได้เห็นลิงชัดขึ้น หาได้ให้เพราะความเมตตาต่อลิงไม่ และอาหารที่ให้ลิงก็มักเป็นพวกขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด ที่ไม่มีอยู่ในธรรมชาติ ลิงจึงติดนิสัยการรับของกินที่อาจจะมีรสชาติดีด้วยสารปรุงแต่งที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากคน มากกว่าการไปหาอาหารเช่นผลไม้ ใบไม้และแมลงตามธรรมชาติ และเมื่ออาหารไม่พอลิงจึงมีนิสัยก้าวร้าวยิ่งขึ้น กฎหมายที่บังคับใช้ พร้อมข่าวการถูกปรับของใครบางคนได้ผลค่อนข้างดีทีเดียว อย่างน้อยที่สุดจำนวนคนจอดรถข้างถนนยื่นอาหารให้ลิงก็มีให้เห็นไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อน

เราเดินผ่านฝูงลิงและผู้คนที่ยืนถ่ายรูปลิงเหล่านั้นเข้าไปในเขตป่าสงวน ป้ายห้ามต่างๆ นาๆ ติดอยู่ที่ทางเข้าป่าสงวน ห้ามใช้รถจักรยาน ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป ห้ามดักนก ห้ามให้อาหารลิง ฯลฯ แม้แต่ในป่าก็ยังต้องมีกฏระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม กฎเหล่านี้มีไว้เพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แปลก...ที่กฎพวกนี้ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอึดที่จะปฏิบัติตาม แต่ฉันกลับรู้สึกอึดอัดที่จะเดินร่วมป่ากับคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎมากกว่า...ฉันคิดเช่นนั้น

จากถนนคอนกรีตราบเรียบของทางเดินในสวนสาธารณะ มาเป็นทางเดินเล็กๆ แคบๆ ขรุขระไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อย สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่น้อยอยู่เต็มไปหมด บางช่วงก็ขึ้นเนิน บางช่วงก็ลงเนิน บางช่วงก็เป็นโคลนเหนียว ลื่นๆ สลับกันไปตลอดทาง ให้ความรู้สึกต่างไปจากความเป็นเมืองที่เห็นอยู่ทุกวัน

เสียงใบไม้กิ่งไม้กระทบกันยามลมพัด ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง แทรกด้วยเสียงจั๊กจั่นหลายต่อหลายตัวที่ประโคมเสียงกันเหมือนวงออเคสตร้าในป่าใหญ่ บางช่วงเวลาฉันรู้สึกว่าจั๊กจั่นในที่นั้นคงจะมีหลายสายพันธุ์ที่ส่งเสียงได้ต่างคีย์กัน ผสมผสานเป็นดนตรีที่บรรเลงอย่างไม่มีวันหยุด 

ผีเสื้อหลากต่อหลายตัวบินมาอวดโฉมแล้วจากไป ไม่ค่อยมีตัวไหนเกาะโพสท่าให้ถ่ายรูปมากมายนัก นอกจากเจ้าตัวผีเสื้อหางริ้วสีเหลืองสดใส สวยงามตัวนี้ ผีเสื้อที่บินมาทักทายเป็นดั่งสีสันที่แต่งแต้มสองข้างทางที่เป็นป่าทึบให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอีกมากมาย 

ฉันพยายามมองไปตามต้นไม้เพื่อหาต้นตอของเสียงร้องอันเจื้อยแจ้วสลับไปกับเสียงจั๊กจั่น แต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าตัว ใช่ค่ะ ฉันกำลังตื่นเต้นกับเสียงนกต่างชนิดกันขับขานอย่างมีความสุข ถึงจะมองไม่เห็น แต่ฉันก็อุ่นใจที่ได้รู้ว่ามีพวกเขาอยู่ในที่นั้นมากมาย ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตรแรกจึงตื่นตา ตื่นใจไปด้วยสิ่งแวดล้อมรอบตัว 

ยามบ่ายวันหยุดที่ฝนไม่ตกเช่นนี้ จึงมีคนออกมาเดิน วิ่ง ออกกำลังกายมากมาย บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นครอบครัว กับเพื่อนฝูง บ้างก็คุยกันไปเสียงดังแข่งกับเสียงของป่า บ้างถึงแม้จะเดินมาคนเดียว แต่ก็ยกปัญหาที่ออฟฟิสตามมาเดินด้วย เมื่อเขาคุยโทรศัพท์เดินผ่านไป

...



...

มีช่วงหนึ่งเราเดินคุยกันถึงเรื่องการเดินของหลวงปู่ติช นัท ฮันท์ ที่อ่านจากหนังสือที่ในหัวข้อเดินกับบุพการีที่ว่า เวลาเดิน เราเดินเพื่อใคร เราเดินไปไหนมาไหนเสมอ แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถใช้การเดินเป็นการทำสมาธิ ใช้การเดินเพื่อคนที่เรารักเช่นพ่อแม่ที่ไม่อาจรู้จักวิธีการเดินด้วยความตื่นรู้ ด้วยการตั้งจิตอธิษฐานให้ท่านมาเดินกับเรา เพราะเราเองก็มีเลือดเนื้อของท่านอยู่ ให้ท่านรับรู้ถึงความสงบสุขที่เกิดจากการเดินนั้น และเมื่อเดินพร้อมกับคนที่เรารักแล้ว เราก็สามารถเดินเพื่อคนที่เราไม่ได้รักได้ เดินให้คนที่เขาไม่มีความรักให้ตัวเองและให้ผู้อื่น เมื่อเราคิดได้เช่นนี้ในขณะที่เดิน ความเมตตาก็จะบังเกิด เวลานั้นฉันคิดว่ามิสเตอร์และมิสซิสเกียซูทั้งหลายคงตามมากันเป็นพรวน

ในที่สุดเราก็เดินมาถึงที่พักกลางทาง ซึ่งเป็นอาคารเล็กๆ ให้เราได้ไปเข้าห้องน้ำ เติมน้ำดื่ม และนั่งพักก่อนที่จะเดินขึ้นไปที่สะพานแขวนกลางป่า ซึ่งเรียกว่า HSBC Tree Top Walk จากที่พักเดินขึ้นไปที่สะพาน เป็นระยะทางแค่สองร้อยเมตร แต่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจถี่ขึ้น หนักหน่วงขึ้น เพราะช่วงทางเดินนั้นเป็นช่วงที่ขึ้นเขาที่ค่อนข้างชัน ฉันจึงรู้ตัวว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันฟิตเหมาะกับการมาเดินขึ้นเขาแบบนี้เลยจริงๆ 

และแล้วเราก็ไปยืนรับลมอยู่บนสะพานแขวนที่เชื่อมต่อระหว่างจุดที่สูงที่สุดสองจุดของป่าไว้ด้วยกัน ข้างล่างคือต้นไม้นานาชนิด ไกลออกไปคืออ่างเก็บน้ำ ด้านซ้ายเป็นแนวป่าสีเขียวเข้มที่เราเดินผ่านมา และทางขวามือคือสีเขียวอ่อนของสนามหญ้าของสนามกอล์ฟสิงคโปร์คันทรี่คลับ ด้านหนึ่งเป็นที่สาธารณะ อีกด้านเป็นที่ส่วนบุคคล ความแตกต่างที่ชัดเจน แต่จากมุมที่มองอยู่ สวยงามค่ะ

หลังจากสะพานแขวน เรารู้ว่าเราได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว เราเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะเกรงจะมืดก่อนถึงทางออก ในระหว่างทางเราได้เห็นงูเขียวตัวหนึ่ง นกแซงแซวหางปลา นกเหยี่ยวตัวหนึ่ง ตัวเงินตัวทองสองสามตัว กระรอกที่กำลังหาเศษวัสดุมาทำรัง และลิงที่หากินบนต้นไม้อีกฝูง นับว่าไม่เลวนักสำหรับป่าที่มีพรรณไม้กว่า 1190 ชนิด นกกว่า 207 ชนิด และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 44 ชนิด และสัตว์เลื้อยคลาน 72 ชนิด

หลายต่อหลายคนเดินวิ่งแซงหน้าเราไป เพราะเขาฝึกฝนมาดีกว่า บนทางเดินที่ขรุขระช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงทางเดินที่ปูด้วยไม้ริมน้ำก่อนถึงทางออก มิสเตอร์เกียซูคนหนึ่งวิ่งมาจากด้านหลัง ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมคำว่า Excuse me! ฉันหันหลังไปดู ปรากฎว่าเขาวิ่งมาจนเกือบประชิด ด้วยทางเดินที่ลื่นและแคบ ฉันพยายามเอี้ยวตัวหลีกแต่ไม่ทันการ เขาวิ่งชนแขนขวาจนฉันเสียหลักเกือบล้มลง โชคดีที่มืออุ่นๆ ของคนข้างกายที่ยืนข้างหลังคว้าแขนฉันไว้ทัน ชายคนนั้นวิ่งต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง คนใกล้ตัวร้องเรียกชายคนนั้นด้วยความโมโหแต่ก็ไม่มีผล เพราะหากเขาคิดถึงคนอื่น เขาก็คงจะหยุดโดยไม่ต้องรอให้มีคนร้องเรียก มิสเตอร์เกียซูมาปรากฎกายให้เห็นอีกครั้ง แม้แต่ในป่ากว้างเช่นนี้ ฉันยิ้มให้คนร่างสูงบอกเขาว่าไม่เป็นไรเพราะฉันยังไม่ทันล้มสักหน่อย แล้วเราก็เริ่มออกเดินให้เขาคนนั้นต่ออีก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันนึกถึงผู้คนในชีวิต ที่บางครั้งคนที่วิ่งแซงเราไปก็ไม่ได้สนใจเราสักนิด ดังนั้นจึงป่วยการที่เราจะวิ่งตามเขา บ่อยครั้งการหยุดและเหลียวมองข้างหลังก็ทำให้เราอุ่นใจว่ายังมีอีกหลายคนที่ยืนให้กำลังใจเราอยู่ เราจึงควรเดินร่วมไปกับเขาเหล่านั้น ใส่ใจกับคนที่อยู่กับเราเสมอ ดีกว่าร้องเรียกตามหลังคนที่ไม่สนใจเราเลย จริงไหม?

ทางเดินที่เป็นสะพานไม้ริมน้ำในช่วงสองกิโลเมตรสุดท้าย ทำให้เราเดินได้อย่างสบาย เมื่อเทียบกับเกือบสิบกิโลเมตรที่ผ่านมา แสงแดดระยิบระยับจับแผ่นน้ำก่อนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทำให้ทั่วทั้งอ่างเก็บน้ำเป็นสีเงินสวยงามยิ่ง เป็นการปิดฉากการเดินที่งดงามมากที่สุดอีกวัน 

ฉันถามคนข้างกายก่อนกลับออกจากอ่างเก็บน้ำว่าเขาเดินเพื่อใครในวันนี้ เขาบอกว่าเขาระลึกถึงแม่เขา และเดินเพื่อปล่อยมิสเตอร์เกียซูทั้งหลายให้ออกไปจากใจ เพื่อจะได้มีช่องว่างเก็บความงดงามของวันเวลาไว้แทนที่ 

จากรอยยิ้มในความสลัว....ฉันคิดว่าเขาทำได้แล้ว 

นำภาพธรรมชาติบนเส้นทางเดินมาฝากค่ะ

...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...


...



Bogoshipda (When I miss you): Piano

หมายเลขบันทึก: 532381เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2013 12:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน 2013 15:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

  • ชอบครับ งดงามเช่นเคย 
  • ปณิธิ ภูศรีเทศ

เกียซู = กลัวแพ้

ขอบคุณสำหรับศัพท์เตือนใจคะ

การมุ่งมั่นกับเป้าหมายทำให้สายตามุ่งตรงเท่านั้น (เหมือนม้าลำปาง) 
จนละเลยการมองบริบทรอบข้าง
ขณะเดียวกัน เคยขับรถชมนกชมไม้ คนข้างตัวบอกให้ขับเร็วกว่านี้
เพราะรถข้างหลังเขารอตามเป็นพรวน
..
ชีวิตนี้ยากจังกับการหาจุดพอดีคะ

เกียซู...ที่เมืองไทยก็มีอยู่ไม่น้อย ยินดีที่คุณปริมและคนข้างกาย สามารถปลดปล่อย และวางมันลงได้ อย่างงดงาม..

วันนี้ที่คุณเดิน คุณเดินเพื่อใคร?

คำถามนี้ศักดิ์สิทธิ์และมีพลังจังครับอาจารย์ปริม ;)...

ผมเดินเพื่อพ่อแม่ ครอบครัว ตัวเอง และอยากเดินเพื่อใครสักคน

ซาบซึ้งจัง

ป.ล. ชอบเสียงเปียโน Bogoshipda (When I miss you)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ปณิธิ

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่มาให้กำลังใจค่ะ ปิดเทอมหน้าร้อนนี้ไปพักผ่อนที่ไหนบ้างไหมคะ

;)

บนเส้นทางเดินของชีวิตบั้นปลาย..นั้นเป็นการเดิน..อย่างโดดเดี่ยว..หากไม่เดียวดายและมั่นคงด้วยสุขขณะจิต..และเป็นการเดินทางสู่ ปลายทาง..ณเส้นขอบฟ้า..และ บึ้งแห่ง นทีที่ไม่อาจหยั่งถึง.อันเป็นการเดินเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง..(ยายธีแอบคิด..หลังจากอ่าน..ค่ะ)

การเดินด้วยปัญญามักเห็นคุณค่าความงามทั้งภายในและภายนอกเสมอค่ะ เดินเพื่อระลึกรู้ช่างมีความสุขแท้นะคะ

เขียนดีเกลือเกินครับคุณปริ่ม

เป็นก้าวย่างชีวิตที่ทรงคุณค่ามากเลยครับ

งดงามมากค่ะ  เดี๋ยวขอหาคำตอบให้ตัวเองก่อนนะคะ

สวัสดีวันหยุดราชการที่เมืองไทยนะคะคุณปริม

บันทึกได้ครบถ้วนกับสาระและความรู้สึกที่บอกว่า "เดินเพื่อใคร"  ภาพทุกภาพสวยงาม ชัดเจนค่ะ เพลงบรรเลงเพราะเสมอทุกครั้งนะคะน้องปริม มาเยี่ยมพร้อมกับเข้าระบบได้แล้วค่ะ  

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันนึกถึงผู้คนใน ชีวิต ที่บางครั้งคนที่วิ่งแซงเราไปก็ไม่ได้สนใจเราสักนิด ดังนั้นจึงป่วยการที่เราจะวิ่งตามเขา บ่อยครั้งการหยุดและเหลียวมองข้างหลังก็ทำให้เราอุ่นใจว่ายังมีอีกหลายคนที่ ยืนให้กำลังใจเราอยู่ ชอบประโยคนี้ค่ะคุณหมอ

ธรรมชาติสวยงามค่ะ ไม่ว่าจะมองมุมไหน  ส่วนจิตคนเดิมแท้สวยงามค่ะ เพียงเราใส่ใจ ใคร่ครวญ ครุ่นคิดสักนิด

ภาพสวยมากเลบครับ ผมอ่านแล้วเหมือนผมเข้าไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ....


สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

จุดพอดีของชีวิตคงต้องอยู่ที่ที่เราทำแล้วรู้สึกดีที่สุดมังคะ นั่นก็รวมไปถึงจุดที่ไม่มีใครเดือดร้อนเพราะการกระทำของเรา เพราะในยามที่เรารู้ตัวว่าคนอื่นไม่แฮปปี้ ความสุขที่มีในใจก็มลายไปในบัดนั้น

ขอให้คุณหมอค้นพบจุดพอดีนั้นทุกวันนะคะ ;)

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพิชัย,

ในเมืองที่ผู้คนมากมาย ต่างคนต่างความคิด ต่างการกระทำ เราคงต้องดูตัวเราเองให้ดีที่สุดค่ะ หน้าที่นี้ใครคงทำให้เราไม่ได้ สำหรับคนที่เรายังทำใจให้รักการกระทำของเขาไม่ได้ หากป้องกันให้เขาเข้ามาไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เขาออกไปให้เร็วที่สุดนะคะ

สุขสันต์วันทำงานอีกวันค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์วัส,

ปริมขอให้อาจารย์ได้เดินกับ 'ใครสักคน' คนนั้นของอาจารย์เร็วๆ นะคะ เอ...แล้วปริมจะไปแอบดูได้ไหมเนี่ย....

มีความสุขในวันดีดี...วันนี้นะคะ ;)

สวัสดีค่ะคุณยายธี,

เห็นด้วยกับคุณยายค่ะ เดินเพื่อลด ละ กิเลสในใจทั้งหมดทั้งมวล เพื่อตัวเองอย่างแท้จริง 

มีความสุขในการเดินบนเส้นทางนั้นนะคะคุณยาย

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณศิลา

ขอบคุณค่ะ รู้สึกโชคดีที่ได้มีโอกาสเดินสัมผัสความคิดของตัวเองค่ะ

สุขสันต์วันทำงานนะคะ

สวัสดีค่ะคุณแสงแห่งความดี,

ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจดีดีนะคะ

สุข ทุกวันค่ะ

สวัสดียามบ่ายค่ะคุณหมอธิรัมภา,

ว่างๆ มาบอกเล่าคำตอบให้กันและกันฟังด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ...

มีความสุขในวันทำงานวันนี้นะคะ ;)

สวัสดีค่ะพี่ครูตูม...

ดีใจด้วยค่ะที่เข้าระบบได้สำเร็จ...ความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามนะคะ 

ขอบคุณค่ะที่มาทักทายกันเสมอ ;)

สวัสดีค่ะคุณ tuknarak,

บ่อยครั้งที่เราเสียพลังงานมากมายไปกับคนที่ไม่ได้คิดอะไรกับเรานะคะ เอาใจใส่คนที่อยู่ใกล้ดีกว่า

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณสายนที

ธรรมชาติช่วยรักษาใจคนให้เป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ ธรรมชาติที่สงบ ที่ทำให้มองเห็นความจริงของชีวิตแล้วปล่อยวางลง

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณคุณลูกหมูเต้นระบำที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจค่ะ

มีความสุขในยามค่ำของวันนะคะ

ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มาร่วมเดินไปบนหนทางนี้ค่ะ หนทางแห่งธรรมชาติ หนทางแห่งความเป็นจริง เพื่อความสงบสุขในใจของเราและคนรอบข้างนะคะ

ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ

ดูแล้วบ้านเขารักษาธรรมชาติได้ดีมากเลยครับ

ดูธรรมชาติแล้วมีความสุข

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆครับ

-สวัสดีครับ...

-ภาพสวย/คมชัดมาก ๆ ๆครับ..

-เสียงเปียโนเคล้าบรรยากาศ ดับร้อนได้ดีทีเดียวครับ..

-ขอบคุณบทความดี ๆ ครับ

อ่านบันทึกคำบอกเล่า ฟังเสียงเปียโนไพเราะ และมองภาพที่งดงาม ชวนให้ผมเดินทางชีวิตด้วยความคิดบวก 

ขอบคุณมากครับ และส.ค.ส. ปีใหม่ไทยครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท