บล็อกของ Steve Denning ซึ่งเป็น Guru ด้าน Storytelling
พูดถึงความสำคัญของเรื่องเล่าเร้าพลังไว้ที่
http://stevedenning.typepad.com/steve_denning/2005/10/why_storytellin.html
ประโยคเด่นที่ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ควร Quote ไว้ในบล็อกคือ “…leaders establish credibility and authenticity through telling the stories that they are living…”
ผมมองว่าเรื่องเล่าเป็น vehicle หรือ package สำหรับสื่อ tacit knowledge ออกมาสู่กัน tacit knowledge อยู่ลึกมากในคนและในความสัมพันธ์ระหว่างคน ถ้าไม่มี vehicle ก็เอาออกมาไม่ได้
วิจารณ์
ขออณุญาตยก วลีของ ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในวงการศึกษาพื้นฐานที่ได้จากการพูดคุยในเวทีนำเสนอโครงการวิจัยด้านการศึกษาพื้นฐาน
"การจัดการเรียน การสอนในโรงเรียนบ้านเรานั้น พบว่าติดอยู่กับ Explicit Knowledge มาโดยตลอด ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหันมามอง Tacit knowledge ของครูเก่งๆ (รวมทั้งครูในโรงเรียน และครูภูมิปัญญาท้องถิ่น) เอาความรู้ประเภทนี้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง"
หากอาจารย์จันทวรรณได้ไปบรรยาย blog ให้ครูปักษ์ใต้ฟัง อย่าลืม เชียร์ให้ครู หรือศิษย์ของอาจารย์เขียนเรื่องเล่าดีๆแบบนี้ลงใน blog ด้วยนะครับ โดยเฉพาะครูบ้านนอกที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ share เรื่องเหล่านี้สู่ภายนอกซักเท่าไร
คุณธวัชจะลงไปทำ KM ที่นครศรีฯ เมื่อไหร่ บอกด้วยนะคะ เผื่อจะได้ลงไป Join คะ :)
เรื่องเล่าคือการวาดภาพในใจ เป็นภาพต่อเนื่อง
ภาษาบรรยายของบางคน คือการวาดภาพในใจเช่น กัน แต่เป็นภาพเดี่ยว
ทำไมวาดภาพจึงสำคัญต่อการสื่อสาร
อาจเพราะเราชินกับภาษาประจำวันที่เป็นนามธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหมดความสามารถที่จะวาดภาพในใจ เมื่อสื่อสาร จึงสื่อสิ่งที่เป็นนามธรรม ซึ่งอยู่ในระดับผิวนอกของการรับรู้ สามารถล่อนหลุดกระเทาะแตกได้ง่าย ส่งต่อแทบไม่ได้
นิทานจำนวนมาก ก็เป็นภาพวาดลายเส้นที่สะท้อนให้เห็นเหตุการณ์จริงในมุมมองที่ตลกขบขัน เนื่องจากเป็นภาพวาด จึงเข้าไปในใจได้ง่าย วันดีคืนดีภาพวาดลายเส้นเหล่านี้มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงแล้วเราเห็นทั้งสองเรื่องเกิดขึ้นแบบคู่ขนาน เราก็จะรู้สึกว่าทั้งสองเรื่องไม่ได้ต่างกันเลย และผลที่เกิดขึ้น ก็คือ เราจะพยายามปรับตัวเพื่อไม่กลายเป็นตัวตลกในเรื่องไปเสียเอง
ตัวอย่างเช่น นิทานองุนเปรี้ยวมะนาวหวาน สะท้อนให้เห็นปฎิกิริยาตอบสนองของเรายามไม่รู้ตัวต่อเรื่องที่เข้ามากระทบอย่างไม่เป็นดั่งใจ
มองในแง่นี้ "เรื่องเล่า-นิทาน-บันทึกเหตุการณ์-ภาษาเชิงภาพพจน์" จึงเป็นการบีบอัดชีวิตจริงหรือเหตุการณ์จริงลงมาเป็นภาพ (ลายเส้น-ภาพถ่าย-ภาพยนต์) ทำให้บีบอัดข้อมูลได้แน่นมากและเร็ว ส่งง่าย ถึงผู้รับแน่ แต่จะมีผลกับเขาหรือไม่ ขึ้นกับความสุกงอมทางวุฒิภาวะของผู้รับ