หน้าที่ของเราคืออะไร....ทำแค่ไหนถึงจะดี


เราตัดสินเอาเองได้ไหม...น่าจะไม่ได้แน่ค่ะ

บันทึกนี้เกิดขึ้นเพราะ ได้ยินคำพูดที่ทำให้หยุดคิดว่า หน้าที่หลักของเราคืออะไร ทำให้มาทบทวนว่าอะไรคือหน้าที่หลักของเรา เราทำอะไรขาดเกินที่ต้องปรับปรุงต่อไปบ้าง

สัปดาห์นี้งานในหน้าที่สำหรับตัวเองภายในหน่วยเคมีฯก็คือ จุด H ซึ่งงานที่ต้องทำคือ ช่วยลงทะเบียน(ขั้นตอนละเอียดยิบตามที่เคยเล่าไว้แล้ว)ในครึ่งเช้าทุกวัน ทำการทดสอบ Citrate ในวันจันทร์ ส่วนในวันอังคารและวันพฤหัสช่วยผู้ที่ตรวจ Osmolality และโปรตีนในปัสสาวะ โดยจุด H ต้องทำ Osmol. เนื่องจากอังคารและพฤหัสงานตรวจโปรตีนเยอะกว่าวันอื่นๆ ตรวจเช็คผลซ้ำในวันศุกร์ และอยู่เวรเที่ยงวันพุธ

งานในจุดนี้ได้รับการแบ่งสรรขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ตัวเองกลับมาทำงานอีกครั้ง เป็นการช่วยลดโหลดงานจากจุดอื่นๆ พวกเราคนทำงานก็จะหมุนเวียนงานกันสัปดาห์ละครั้ง โดยมีตารางแน่นอนตลอดทั้งปี

คนที่อยู่จุดนี้จะสามารถปลีกตัวไปทำงานอื่นได้ในกรณีจำเป็น เพราะเรามีผู้ที่อยู่จุดลงทะเบียนหลักอยู่แล้ว รวมทั้งในจุดตรวจ Osmol.ด้วย

ดังนั้นในสัปดาห์นี้ ตัวเองจึงตอบรับงานจากคุณเอื้อ ไปนำเสนอชุมชนภาคปฏิบัติ Smart Path ของเราในที่ประชุมของมหาวิทยาลัยในวันจันทร์ บกพร่องในการไปร่วมงานเล็กน้อย เพราะไม่สามารถไปให้ทันเวลาเริ่มได้ เนื่องจากอยู่เวรช่วงเช้า ตั้งแต่ 7.30 น.ถึง เกือบ 10 โมง เหตุที่ต้องอยู่ยาวกว่าปกติ เพราะน้องอ๋งซังผู้รับผิดชอบงานเครื่องอัตโนมัติลงเวรดึกไม่มีคนทำแทน คนอยู่เวรเช้าจึงต้องอยู่โยงไปก่อน
          การประชุมมีเต็มวัน จึงไม่ได้ทำการตรวจ Citrate ในวันนี้ (เป็นการทดสอบพิเศษที่ทำสัปดาห์ละครั้ง)

วันอังคารเช้าได้อยู่เวรเช้าแล้วทำงานไปจนถึง 9 โมง ก็ต้องพาคุณแม่สามี (อายุ 79 ปี)ไปตรวจข้อและขอยาให้ลูกชายซึ่งนอนป่วยด้วยอาการอาหารเป็นพิษอยู่ที่บ้าน แวะกลับไปเอายาให้ลูก ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเวลาเที่ยงครึ่ง
ตามกำหนดแล้วต้องไปเป็นวิทยากรในช่วงบ่าย เดินไปถึงศูนย์คอมฯแล้วจึงทราบว่ามีการเลื่อนการอบรม (เป็นวิทยากรที่อาภัพมาก ไม่ได้รับการแจ้ง) จึงได้มีโอกาสกลับมาทำการตรวจ Citrate ในช่วงบ่ายได้

วันพุธ ได้ทำงานเต็มที่ รวมทั้งได้เข้าร่วมการอบรมวิธีใช้เครื่องอัตโนมัติตัวใหม่ในห้อง lab ด้วย และได้ทำการขอแลกหน้าที่ตรวจเช็คผลซ้ำกับพี่ปนัดดาจากวันศุกร์มาทำแทนในวันนี้ พร้อมทั้งอยู่เวรเที่ยงด้วย

วันพฤหัสและศุกร์ไปร่วมงานสัมมนากรรมการพัฒนาระบบการจัดการความรู้ของม.อ.ที่สงขลา กับคุณเอื้อ-ท่านอ.หมอปารมีและพี่เม่ย 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ทั้งในฐานะที่เป็นนักเทคนิคการแพทย์ ลูก แม่ และสมาชิกของมหาวิทยาลัย ต่างก็มีความสำคัญในบริบทที่ต่างกัน หากพิจารณาโดยใช้เวลาของวันเป็นหลักแล้วจะเห็นว่า ตัวเองบกพร่องในหน้าที่งานประจำไปค่อนข้างมาก แต่พอใช้ได้ในหน้าที่ลูกและแม่ ส่วนงานในฐานะสมาชิกของมหาวิทยาลัยนั้นรู้สึกว่าได้ทำเต็มที่ เกินกว่าหน้าที่ไปมาก  

ทบทวนแล้วชักรู้สึกว่า ตัวเองคงจะสับสนต้องปรับปรุงเสียแล้ว แต่จะทำได้สัมฤทธิ์ผลหรือไม่นี่ คงต้องเริ่มด้วยการสอนตัวเองให้ใช้ "สมองคิด"มากกว่า "ใจสั่ง"ละมังคะ

 

หมายเลขบันทึก: 52665เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2006 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ผมมีเพื่อนที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่วชิรพยาบาล กทม.ตรวจ slide เนื้อเยื่อทั้งวัน หมกตัวอยู่ ในห้อง lab ทั้งวัน ดูเหมือนว่า เธอจะขาดๆเกินๆไปหลายอย่าง เธอยังโสด หน้าที่รับผิดชอบของเธอ คือ อยู่ตรงนั้น ในห้อง lab โทรไปคุยด้วยบางครั้ง การพูดคุยดูสับสนในชีวิต สมดุลของชีวิตหลายอย่างขาดๆเกินๆครับ เพราะทุ่มเทกับงานที่รับผิดชอบเต็มที่ แต่ส่วนอื่นๆ ขาดไป พักผ่อนน้อย ไม่สนใจเรื่องราวภายนอก ไม่ค่อยดูแลบุคลิกภาพของตัวเอง ฯลฯ บอกให้เขาลองทบทวนว่าอะไรคือหน้าที่หลักของเรา เราทำอะไรขาดเกินที่ต้องปรับปรุงต่อไปบ้าง

จะทำอย่างไรครับ ที่จะให้เธอ
ใช้ "สมองคิด"มากกว่า "ใจสั่ง" บ้าง

เอาเป็นว่าคนห้องเรา "สามารถ" ทุกคนค่ะ พี่โอ๋ ไม่ต้องเป็นกังวล "ไม่มีปัญหา" ผู้เขียนภูมิใจด้วยซ้ำ ที่ใคร ๆ ก็เห็นความ "สามารถ" ของคนห้องเรา และได้ดึงตัวไปช่วยงาน ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความ "สามารถ" ของพี่โอ๋

ชื่นชมและชื่นชมค่ะ  

***รอฟัง Idea ของพี่ที่ว่ากระฉูดในวันจันทร์นี้น๊ะค๊ะ ยังไม่ลืม (อยากให้ถึงวันจันทร์ เร็ว ๆ จัง)***^_^  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท