กลอยเชื่อว่าทุกๆ คนอยากเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในชีวิต แต่บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบกับอะไรที่มันเลวร้ายในชีวิต ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากกรรมที่เกิดขึ้นกาลก่อน หรือผลที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (อาจารย์สมลักษณ์หรือผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้ช่วยวิจารย์หน่อยนะคะ)
ตามหลักของทางพระพุทธศาสนานั้นเชื่อว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการปฏิบัติธรรมให้บรรลุถึงขั้นนิพพานนั่นเอง แต่เราปถุชน คนธรรมดา คงไม่สามารถขนาดนั้น (เพราะคำว่านิพพานนั้นหมายถึงความตายนั่นเอง) กลอยเชื่อว่าทุกคนนั้นกลัวความตายกันทั้งนั้น
จากการที่ได้ไปเข้าค่ายธรรมมะมา ทำให้กลอยได้รู้ว่าชีวิตของการเป็นผู้สืบทอดศาสนานั้น เป็นชีวิตที่เรียบง่ายมาก และทำให้ตัวกลอยเองรู้สึกว่า ท่านมีความเสียสละมาก ต้องเสียสละทั้งความสุขทางโลก เพื่อจะเข้าสู่ความสุขทางธรรมนั่นเอง ท่านน่ายกย่องมากค่ะ
ส่วนเรื่องอื่นๆ โต้งคงเล่าให้อาจารย์และเพื่อน ๆพี่ๆ ฟังกันหมดแล้วนะคะ
อยากฝากบอกทุก ๆคนว่า สมาธิเป็นส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จในชีวิตนะคะ ควรจะฝึกฝนเป็นประจำทุกวันค่ะ
น้องกลอย
นิพพานนั้นไม่ได้หมายถึงความตายอย่างที่เข้าใจกัน เป็นการตายจากกิเลสทั้งปวง เมื่อดับกิเลสได้แล้ว ก็ไม่ต้องมาเกิด ไม่ต้องมาทำกรรมและรับผลของกรรม จริง ๆ นิพพานนั้นไม่สูญไปไหนแต่มีโลกของนิพพานอยู่
ท่านผู้รู้หลายท่านได้พูดถึงความตายว่า "ความตาย ก็คือการเปลี่ยนบ้าน" สำหรับคนที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ การเปลี่ยนบ้านก็คือการเปลี่ยนภพ เปลี่ยนร่างนั่นเอง
คนเรียนหนังสือกับสมาธิเป็นของคู่กันอยู่แล้ว
ความสุขเกิดจากการปฏิบัติธรรม ตามที่เข้าใจนั้น...ถูกต้องครับ.
คำที่ถูกของที่เขียนผิด/พิมพ์ผิด ปุถุชน
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการปฏิบัติธรรม (ธรรมชาติ) หากไม่ฝืนหรือทำลายธรรมชาติ ก็เป็นความสุข เช่นการมองว่าเราแก่ลงทุกวันเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากไปฝืนก็คือผ่าตัดดึงนั่น อัดไอ้นี่ สุดท้ายเกิดอันตราย หรือไม่ก็ไม่เป็นธรรมชาติ อันนี้ไม่สุขก็คือทุกข์ (ไม่ได้เทศน์นะ) การที่เราอยากจะฝืนธรรมชาติก็คือกิเลส ส่วนธรรมะก็คือเครื่องมือขัดเกลากิเลสที่พระพุทธองค์สั่งสอนไว้
ทีนี้ถ้าจะเพิ่มสุขต้องทำไงก็คือลดกิเลส จะเป็นการลดทุกข์ นั่นคือสุขจะมีเพิ่มขึ้น คงามสุขสูงสุดคือธรรมชาติมากที่สุดผมรายละเอียดเรื่องนี้ที่ลองเข้าไปแลกเปลี่ยนรู้กันบ้างนะ การจัดการความรู้ (ปัญญา) เพื่อความสุข
นิพพานไม่ได้หมายถึงความตาย แต่เป็นภาวะหลุดพ้น (ไม่มีทั้งสุขและทุกข์) ครับ