การสอนโดยสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
เฉลิมลาภ ทองอาจ
โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สัปดาห์นี้นับว่าเป็นสัปดาห์ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เพราะหลังจากที่ผู้คนต่างชื่นชมและให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักในคริสตศาสนาแล้ว ในฐานะของพุทธศาสนิกชน เราเองก็ควรย้อนกลับมาพิจารณาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วย นั่นก็คือ “วันมาฆบูชา” หรือการบูชาในเดือน ๓
เมื่อหลายพันปีก่อน สมเด็จพระบรมศาสนา ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่พระขีณาสพกว่า ๑,๒๕๐ รูป ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ โดยได้ทรงแสดงหัวใจของพระพุทธศาสนาอันเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้กล่าวไว้ ซึ่งในค่ำคืนนั้น พระตถาคตเจ้า ได้กล่าวถึงหัวใจพุทธศาสนาไว้ว่า
สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺสูปสมฺปทา. สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
แปลความได้ว่า การไม่ทำความชั่ว ทั้งปวง ๑, การบำเพ็ญแต่ความดี ๑, การทำจิตของตนให้ผ่องใส
๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
การทำจิตของตนให้ผ่องใสนั้น เริ่มต้น ง่าย ๆ จากการสร้างความเห็นที่ถูกต้องหรือที่เรียกกันว่า สัมมาทิฏฐิ หรือความเห็นชอบ คำถามคือ เห็นชอบอย่างไร และควรจะไม่เห็นชอบในสิ่งใด สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้ทรงอรรถาธิบายไว้โดยสรุปได้ว่า ความเห็นชอบ คือ การขจัดความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิ ๓ ประการ ให้สิ้น ก็แล้วมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ ประการที่ว่ามีอะไรบ้าง ?
ตอบได้ว่า มิจฉาทิฏฐิ ๓ คือ เห็นว่าการกระทำไม่ก่อให้เกิดบุญหรือก่อให้เกิดบาป ๑ (อกิริยทิฏฐิ) เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีสาเหตุ ๑ (อเหตุกทิฏฐิ) และเห็นว่า ไม่มีสิ่งที่เป็นคติธรรมต่าง ๆ ๑ (นัตถิกทิฏฐิ) ความเห็นทั้ง ๓ ยังให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ และทำให้จิตใจตกไปสู่อบาย
ผู้อ่านที่เป็นครู หากพบว่านักเรียนของเรากระทำสิ่งต่าง ๆ โดยมิได้คิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้น จะยังผลให้เกิดบุญหรือบาปอะไร แต่ทำไปตามแต่ใจของตนจะปรารถนา เช่น เราสามารถที่จะ พูดผิด คิดร้าย หรือกระทำผิดในการศึกษาเล่าเรียนได้ เช่นนี้ ย่อมถือว่าเกิดความเห็นผิดเป็นประการแรก หากผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียน ไม่เชื่อในหลักเหตุผล เห็นว่า การเกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ เป็นผลมาโชคอำนวยอวยเคราะห์ไปตามกาลเวลา เช่น เห็นว่า ที่ตนไม่ประสบความสำเร็จใน การเรียนเป็นเพราะเคราะห์กรรมบันดาล เป็นโชคเคราะห์ที่พัดพาตามโอกาส ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับตนเองนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นความเห็นผิดในประการที่สอง และประการสุดท้าย หากนักเรียนเห็นว่า เราไม่จำเป็นจะต้องเคารพเชื่อฟังบิดามารดา ครูอาจารย์ และเห็นว่าหลักธรรมะต่าง ๆ เป็นเพียงลมปาก โป้ปดมดเท็จ หาสาระประโยชน์อะไรมิได้ เช่นนี้ จึงเรียกว่าความเห็นผิดเป็นประการที่สาม และครบองค์ ๓ ของมิจฉาทิฏฐิ ธรรมดาแล้วผู้เห็นเช่นว่านี้ ท่านว่าย่อมจมดิ่งสู่อบายภูมิ และหากมีความเห็นที่ยึดแน่น หรือยิ่งมีอุปาทานที่ทำให้เชื่ออย่างแรงกล้าด้วยแล้ว ก็ยากนักที่จะเข้าถึงความเข้าใจชีวิตและโลกได้ เพราะชนเช่นนี้ ย่อมไม่เชื่อในผลกรรมและ คติธรรมใด ๆ ซึ่งส่งผลให้ในที่สุดแล้ว เขาย่อมติดอยู่ในบ่วงแห่งทุกข์ และยากนักที่จะนำตนไปสู่อริยภูมิได้
ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนพอสมควร หากเราสามารถสอนภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาความรู้ใด ๆ จะเป็นหลักภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม หรือหลักการใช้ภาษา หากครูภาษาไทยสามารถที่จะสร้างความเห็นชอบ คือ เรียนแล้ว สามารถพูดคุยสนทนากับนักเรียน เพื่อคลายมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ ประการ ซึ่งหมายถึง สอนแล้ว นักเรียนเข้าใจและเห็นถึงผลของการกระทำ ที่ก่อให้เกิดบุญและบาป ความดีหรือความชั่ว เช่น ถ้าใช้ภาษาอย่างนี้ จะก่อให้เกิดผลเช่นใด จะใช้ภาษาอย่างไรให้เกิด สิ่งที่ดีงาม หรือสอนแล้ว นักเรียนสามารถวิเคราะห์สาเหตุ หรือความเป็นไปของสิ่งต่าง ๆ ว่าเพราะเหตุใด จึงใช้คำหรือประโยคเช่นนี้ เพราะเหตุใดตัวละครจึงกลายมามีลักษณะอย่างนี้ หรือได้รับผลอย่างนั้น ฯลฯ หรือสอนแล้ว นักเรียนเกิดความเข้าใจในคติธรรม แนวทาง ความเป็นไปของโลก วินิจฉัยได้ว่า อะไรคือความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม อะไรคือความดีงามและอะไรคือความจริงแท้ การสอนเช่นนี้ คือ การสอนภาษาไทยให้คลายมิจฉาทิฏฐิ นำไปสู่ความเห็นชอบ เห็นถูกต้อง ของทั้งเนื้อหาภาษาไทยที่สอนอยู่ และชีวิตที่ได้เรียนรู้ตลอด ทุกวัน เพราะกระทำดั่งนี้ ที่กล่าวถึงการสอนโดยสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม จึงจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม จะต้องพึงระวังว่า การสอนให้นักเรียนตระหนักในบุญบาปและ คติธรรมต่าง ๆ นั้น จะต้องไม่กระทำด้วยการยัดเยียดหรือโน้มน้าวให้เชื่อ แต่ควรเน้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและสะท้อนความคิดของตนเอง คือ ไดมีโอกาสใคร่ครวญว่าเหตุใดสิ่งนี้ จึงถูก จึงผิด หรือไม่ถูก ไม่ผิด โดยครูคอยแต่เป็นผู้กำกับและกระตุ้นให้นักเรียนใช้ความคิด ทดลองป้อนคำถามหรือประเด็นสะท้อนความคิดต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นไปได้ เพื่อให้นักเรียนกลับไปไตร่ตรอง ต่อยอดความคิดของพวกเขา นี่จึงเป็นลักษณะของการสอนที่มิได้มุ่งเน้นให้เกิดความเชื่อจาก การฟัง แต่ตรงกันข้าม กลับมุ่งเน้นให้นักเรียนนำหลักไปสู่การปฏิบัติและรู้จักที่จะคิดใคร่ครวญด้วยตนเองมากกว่า
________________________________________________
ไม่มีความเห็น