ฟุ่มเฟือยให้เป็น


ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้นผมกับ อ.จัน ใช้เงินฟุ่มเฟือยกับการดื่มน้ำชามาก นับรวมๆ แล้วเราจ่ายเงินไปเกือบหมื่นบาททีเดียวครับ

เริ่มต้นจากช่วงกลางเดือนเมื่อมีงาน OTOP ที่ศูนย์ประชุม มอ. แล้วมีผู้ผลิตชาอินทรีย์มาออกงาน เราซื้อใบชาอูหลงเก็บไว้จากผู้ผลิตรายนี้หลายกล่องเพื่อรวมน้ำหนักให้ได้หนึ่งกิโลกรัมเพื่อให้ได้ส่วนลด 10 เปอร์เซนต์ หมดเงินไปเกือบสามพันบาท เพราะปีที่แล้วเราซื้อจากเจ้านี้แล้วพบว่าชาของเขาคุณภาพดี

นอกจากซื้อใบชาแล้วเรายังซื้อกาน้ำชาดินเผาจากเขามาอีกลูกหนึ่งราคา 1,800 บาท พร้อมวิชาการชงชาอีกขนานใหญ่

ไม่กี่วันหลังจากนั้น อ.จัน ไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่งเพื่อซื้อของใช้ต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือกาต้มน้ำขนาดเล็กเพื่อใช้ต้มน้ำร้อนชงชาให้ได้ 100 องศาเซลเซียสก่อนจะปล่อยให้เย็นลงนิดหนึ่งเพื่อชงชาอูหลงให้ได้รสและกลิ่นที่ดี กาต้มน้ำราคาพันกว่าบาท

ระหว่างเดินซื้อของเขาโทรมาบอกผมว่าเขาเจอกาน้ำชาเหล็ก (iron cast teapot) อยู่หนึ่งตัวที่ห้างราคาลดแล้วเหลือ 1,280 บาท ผมบอกว่าซื้อกลับมาเลย การน้ำชาเหล็กนั้นชงชาเชียวอร่อยมาก

สรุปว่าเดือนมกราคมที่ผ่านมาผมกับ อ.จัน ใช้เงินไปกับการดื่มชาแล้วเกือบหนึ่งหมื่นบาททีเดียวครับ เล่นเอาเหงื่อตกตัวเบาทีเดียว เงินจำนวนนี้สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่สำหรับผมสองคนนั้นเป็นเงินจำนวนไม่น้อยครับ

แต่มาถึงวันนี้ผมคิดว่าเป็นการจ่ายเงินที่คุ้มค่ามากทีเดียว เพราะผมกับ อ.จัน ได้มีเวลาอยู่ร่วมกันเพื่อดื่มน้ำชาอย่างช้าๆ สบายๆ ทุกวันทีเดียวครับ

ศิลปะของการดื่มชาในวิถีพุทธนั้นเขาบอกว่าให้ดื่มแบบ "drink tea to drink tea" ผมไม่รู้ว่าจะแปลเป็นไทยให้สวยงามว่าอย่างไร แต่ความหมายก็คือให้ดื่มชาด้วยสติอยู่ที่น้ำชาที่ดื่มและดื่มด่ำกับความสุขของชาที่ได้ดื่มนั้น แนวคิดนี้น่าจะเป็นสายมหายานเสียมากกว่า เพราะพระเถรวาทไม่ค่อยดื่มชากันเป็นหลักเป็นฐาน แล้วสำนวนอย่างนี้ก็ต้องนึกถึง Thich Nhat Hanh กันแน่ๆ ครับ

ผมกับ อ.จัน ได้ drink tea to drink tea เกือบทุกวันครับ แถมบางวันได้มีเจ้าต้นไม้มาดื่มด้วย โดยเราจะผสมน้ำชากับน้ำเปล่าให้อ่อนๆ ให้เขา

ผมอ่านบันทึกหนึ่งของ (ฝรั่งที่ไหนก็ไม่รู้เพราะไม่ได้เก็บไว้) ไม่นานมานี้เองว่า นักธุรกิจเขาคำนึงถึง Return On Investment (ROI) เวลาเขาลงทุน การใช้จ่ายสำหรับชีวิตส่วนตัวก็เหมือนกัน เราก็ต้องนึกถึง ROI เหมือนกัน แต่ ROI ของชีวิตไม่ได้ตอบแทนเป็นตัวเงินแต่เป็นการตอบแทนที่วัดผลเป็นตัวเลขไม่ได้

ดังนั้นการวัด ROI ของชีวิตนี้อยู่ที่ "ใจ" ของเราเองที่จะมีความสามารถวัดคุณภาพของการลงทุนของเราว่าคุ้มค่าหรือไม่ เราก็เลยต้องฝึกฝนใจของเราให้วัดผลได้อย่างเที่ยงตรงถูกต้อง นั่นคือวัดความจริงไม่วัดมายาภาพ สำหรับชาวคริสต์นั้น Christian Meditation สอนตรงนี้ ส่วนชาวพุทธก็ต้องฝึกวิปัสสนาสมาธิ (Insight Meditation) นั่นเองครับ

หมายเลขบันทึก: 519770เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2013 16:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2013 09:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ขอบคุณค่ะอาจารย์ สำหรับบันทึกฟุ่มเฟื่อยแห่งความสุข 

คนเรามักมีเรื่องฟุ่มเฟื่อยที่ไม่เหมือนกัน  แล้วเรามักมองเรื่องฟุ่มเฟื่อยของคนอื่นเป็นเรื่องไร้สาระก็มี  สำหรับ อ.ธวัช กับ อ.จันนี่  ถือว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ ทั้งร่างกายและจิตใจทีเดียว

สำหรับเรื่องฟุ่มเฟื่อยของชลัญนี่  ออกไร้สาระนิดสส์  ค่ะ คือจะชอบซื้อ  อุปกรณ์งานฝีมือเอามาไว้มากมาย  ตอนซื้ออยากทำ แต่พอซื้อมาก้ขี้เกียจซะ  มีของเป็นห้อง  แต่ได้ประโยชน์บ้างเวลาจะให้ใครนี่ ไม่ต้องซื้อหา  เรียกว่า เนรมิตรแปล๊บๆ  ได้ของชิ้นสวยแล้วค่ะ  แต่ต้องบอกว่าซื้อมาแบบฟุ่มเฟื่อยจริงค่ะ ตอนนี้ไอเดียใหม่ก็กำลังกระชูดอีกแล้ว ยิกๆคุณป๊าต้องรอปราม  "อันเก่าน่ะทำให้เสร็จก่อนเถอะชลัญธร" ประมาณนี้ค่ะ 

ยินดีด้วยกับความสุขในครัวเรือนที่อบอุ่นนี้ค่ะ..

การซื้อที่ลงท้ายด้วยความคุ้มแสนคุ้มอบอุ่น หอมกรุ่นกลิ่นชาในบ้านค่ะอาจารย์

เมื่อปลายปีที่แล้วก็ซื้อชามาทานแทนน้ำเลยค่ะ

แต่พอไปหาหมอฟัน หมอบอกว่าให้หยุดทานถ้าไม่อยากให้ฟันเปลี่ยนสีค่ะ^___^

ผมเพิ่งซื้อกาต้มน้ำตัวหนึ่ง ซื้อเพราะชอบ "ไอเดีย" ผู้ผลิตครับ จริงๆแล้วเวลาเราซื้อผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง เราซื้อ "ไอเดีย"ของผู้ผลิตด้วยครับ ดังรูป 

ชอบจัง.. ดื่มชาอย่างที่สติ "drink tea to drink tea

มีพี่สาวที่น่ารักอยู่ที่ตรังค่ะ ชอบดื่มชามาก มีความรู้เกี่ยวกับชามากมาย.. ชากลิ่นนี้ดื่มแล้วหลับสบาย. ช่วยย่อย, อารมณ์ดี และอีกหลายอย่าง ไปตรังทุกครั้งต้องได้นั่งจิบชา เคล้าการพูดคุยตามประสาเพื่อนพ้อง

หลายปีก่อนผมขึ้นไปเที่ยว อ่างข่าง ไปแบบราชการกับ สถาบันวิจัยมหาวิทยาบัยขอนแก่น จึงมีวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆของกิจกรรมอ่างขาง น่าสนใจมากครับ ที่สนใจสิ่งหนึ่งคือ ชาอ่างข่างที่ผลิตหลายชนิด ผมได้มาสองอย่างคือ ชา "เจียวกู้หลาน" และชา "ปู่เฒ่าทิ้งไม้เท้า" ปกติผมเคยดื่มชามาบ้างแต่ไม่ชอบเลย เพราะแปลกร่างกายผมหากดื่มชาประเภทใบทั่วไป หรือชาลิบตั้น ท้องจะผูก จึงไม่ชอบ แต่พอมาดื่มสองชนิดนี้ ชอบมากครับ ผมดื่มกาแฟประเภท กาแฟสด ซื้อเครื่องมาทำที่บ้าน เลิกกาแฟแบบ instant ไปเลย มาช่วงหลังนี้ผมชอบดื่มชามากกว่าครับ เพราะ ดื่มน้ำอุ่นดีกว่าน้ำเย็น  และดื่มชาที่เพื่อสุขภาพก็ยิ่งดีใหญ่

ชาเจียวกู้หลานนั้นหาซื้อได้ทั่วไป มีหลายสูตร ส่วนชา ปู่เฒ่าทิ้งไม้เฒ่านั้น หาได้เฉพาะร้าน โครงการหลวงเท่านั้น ไม่ต้องไปอ่างขาง  เวลาอาจารย์เดินทางเครื่องบิน ที่สนามบินมีร้านโครงการหลวง ที่นั่นจะมีชาสองชนิดนี้วางขายครับ

เสียเงินเพื่อสุขภาพนั้นไม่เป็นไรครับ เสียไปเถอะ และกาต้มน้ำ เครื่องชงชานั้นใช้ไปตั้งนาน คุ้มอยู่ครับ

สำหรับ "ชาปู่เฒ่าทิ้งไม้เท้า" นั้น วิทยากรกล่าวว่า ส่งเข้าวังตลอด และข้าหลวงที่เป็นผู้ใหญ่หลายท่านสั่งให้ส่งประจำครับ ที่ผมทราบมีผลิตที่เดียวเท่านั้นคือที่อ่างขางครับ

ขอบคุณทุกท่านสำหรับความเห็นและดอกไม้ครับ

อ.อาลัมครับ กาต้มน้ำแบบนี้ดูดีจังครับ เป็นเซรามิคแต่เสียบปลั๊กได้ เหมาะกับการต้มน้ำชงชามากเลยครับ ถ้าเป็นชาสมุนไพรนั้นน่าจะใส่ใบเข้าไปได้เลยนะครับ ผมต้องลองหาซื้อมาใช้แล้วครับ

พี่บางทรายครับ ผมเคยดื่มชาเจียวกู้หลานครับ อร่อยดีครับ แต่ไม่ได้ซื้อมาดื่มนานแล้วครับ ลืมไปเลย เดี๋ยวมีโอกาสแล้วผมต้องซื้อมาลองใหม่ครับ ส่วนชาปู่เฒ่าทิ้งไม้เท้านั้นไม่เคยดื่มเลยครับ คงต้องหาซื้อมาลองเหมือนกันครับ

ROI ของชีวิตไม่ได้ตอบแทนเป็นตัวเงินแต่เป็นการตอบแทนที่วัดผลเป็นตัวเลขไม่ได้

ดังนั้นการวัด ROI ของชีวิตนี้อยู่ที่ "ใจ" ของเราเองที่จะมีความสามารถวัดคุณภาพของการลงทุนของเราว่าคุ้มค่าหรือไม่ เราก็เลยต้องฝึกฝนใจของเราให้วัดผลได้อย่างเที่ยงตรงถูกต้อง นั่นคือวัดความจริงไม่วัดมายาภาพ 

ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ

คุณมะเดื่อไม่ชอบน้ำชา  และงดกาแฟ  แต่ก็ชอบการเขียนบรรยายความของอาจารย์ อ่านแล้วเกิดมโนภาพในการดื่มชาได้เป็นอย่างดีจ้ะ  happy ba  จ้ะอาจารย์จัน  อาจารย์ธวัชชัย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท