วันนี้กลับมาดูบันทึกเวทีแกนนำ PLC ครูสอนดี/ครูเพื่อศิษย์ฯ เมื่อ 16-18 ต.ค. 2555 ณ โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ที่ผ่านมา อ่านสิ่งที่ทีมแกนนำคุณครูแลกเปลี่ยนความคิดกัน แล้วน่าสนใจทีเดียวค่ะ กับโจทย์ที่เราตั้งไว้หวังกระตุ้นและกระตุกคุณครู จึงอยากนำบางส่วนที่เครือข่ายคุยกัน....มาแบ่งปันกับชาว Gotoknow ค่ะ
....................................................................................................................................................................
"ทำไมเด็กต้องมาโรงเรียน"
- มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นเด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน รวมถึงความเป็นเพื่อนช่วยเหลือกันในสังคมจากการมาโรงเรียน
- โรงเรียน เป็นการจำลองสังคมในอนาคต เข้าโรงเรียนก็จะทำให้รู้จักสังคม มีสังคม การมาโรงเรียน คือ การจำลองสังคมให้เด็ก โรงเรียนช่วยจัดระเบียบสังคมขนาดย่อย
- โรงเรียนฝึกการยอมรับกัน ตามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักปรับตัวก็จะอยู่กับใครไม่ได้ เมื่อรู้จักปรับตัวทำให้อยู่กับใครก็ได้ และทำให้เรียนดีขึ้น
- เด็กได้ความรู้จากครู เด็กจะได้เรียนรู้การู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย การเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมื่อเด็กเรียนรวมกันกลุ่มใหญ่ เด็กก้จะรู้กว้างขึ้นไปอีก อยู่ในสังคมใหญ่ได้มากขึ้น ถ้ามาดรงเรียนเด็กก็จะได้พื้นฐานเหล่านี้ไป
- ถ้ามองในละแวกชุมชนที่เป็นชุมชนชนบทก็จะมีวัด อนามัย ท้องไร่ ท้องนา แล้วก็มีโรงเรียน ถ้าเด็กไม่ไปโรงเรียน เขาจะไปไหน ในบริบทแบบนี้โรงเรียนเป็นแหล่งที่ให้ความรู้ ทักษะ ชีวิต จิตวิญญาณ แล้วก็ยังมีครูดีๆ อยู่อีกหลายคน เพราะฉะนั้น เด็กจึงควรจะไปโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ที่จะหล่อหลอมและสร้างให้เขาเป็นคนที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้
- ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงวัยที่ต้องได้รับการดูแลจากที่ใดที่หนึ่ง แต่โดยภาระของครอบครัวแต่ละครอบครัวต้องทำมาหากิน ดังนั้นสังคมควรมีความรับผิดชอบสร้างกลไกมาดูแลเด็กในช่วงวัยที่เขากำลังเจริญเติบโตเพื่อที่จะไปเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพของสังคม ของประเทศ ดังนั้น ความจำเป็นที่เด็กต้องมาโรงเรียนคือ มาเพื่อที่จะได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะโรงเรียนระดับประถมและมัธยม ซึ่งแม้ว่าทั้งผู้ปกครองและเด็กอาจคิดว่าไม่ได้นำความรู้จากการเรียนในช่วงวัยนี้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถทำงานได้ดีในวิชาชีพของตนเองได้ในอนาคต
- การไปโรงเรียนคงไม่ได้ไปเพื่อให้ครูสอนอย่างเดียว แต่เด็กได้ไปอยู่ในท่ามกลางหมู่เพื่อนมากๆ บทบาทภาวะผู้นำหรือการเป็นสมาชิกกลุ่มที่เกิดขึ้น เพราะได้อยู่ในแวดวงของเพื่อนๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถหล่อหลอมให้เป็นคนที่สมบูรณ์ได้
- โรงเรียนให้มากกว่าความรู้ได้ จึงยังมีความสำคัญอยู่ แต่ต้องเปลี่ยนให้เป็นโรงเรียนที่ดีเพื่อสอนทักษะชีวิตให้เด็กได้ด้วย
- โรงเรียนยังเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมชนบท ครอบครัว พ่อแม่ มักฝากความหวังไว้ที่โรงเรียน แม้ในบางครั้งระบบจะทำให้เกิดการติดขัดขึ้นก็ตาม แต่โรงเรียนก็ยังสามารถช่วยสอนทักษะชีวิตให้เด็กได้ จึงควรช่วยกันปรับระบบ โดยเฉพาะโรงเรียนของรัฐบาล ซึ่งต้องกลับมาย้อนมองดูตัวเอง เมื่อได้มาร่วมโครงกาารนี้ก็ทำให้คิดว่ายังต้องฝึกอีกนานเพื่อให้พร้อมยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลง
- เด็กๆ ยังจำเป็นต้องมาโรงเรียน แต่ต้องปรับรูปแบบโรงเรียนให้หลากหลายขึ้น รูปแบบการจัดการศึกษาของประเทศเรายังไม่ตอบโจทย์ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ คือ เราจัดการศึกษาภาคบังคับ คำว่า "บังคับ" ก็ฟังไม่ค่อยดี ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ว่าเป็นแบบเหมาโหล เด็กก็ได้รับสิ่งที่เขาไม่ต้องการแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น จริงๆ แล้วการศึกษาต้องจัดให้ละเอียดกว่านั้นไปอีก คือ ต้องจัดไปถึงให้ตรงกับความต้องการของเด็กหรือแม้แต่ความต้องการของผู้ปกครอง เช่น จัดรูปแบบของโรงเรียนในท้องถิ่นให้มีหลากหลายรูปแบบ โรงเรียนนี้เน้นจารีตประเพณีเรื่องนี้ โรงเรียนนี้เน้นทักษะเรื่องนี้ โรงเรียนในท้องถิ่นประมงเน้นสอนเรื่องทักษะอาชีพประมง เป็นต้น หรือในโรงเรียนเดียวก็สามารถจัดให้หลากหลายได้ แล้วให้เด็กเลือก ผู้ปกครองเลือก เขาจะได้มีความสุขเพราะตอบสนองตรงกับความต้องการของเขา เราไปวางรูปแบบทุกอย่างที่เหมือนกันหมดก็กลายเป็นบังคับเหมือนเดิม แล้วทำให้เด็กบางส่วนไม่อยากเรียน นอกจากเด็กไม่อยากเรียนแล้วบางครั้งครูก็ไม่อยากสอนด้วย
.........................................ฯลฯ........................................
ถ้าลองอ่านทั้งหมด โดยไม่คิดจะตัดสินว่าประโยคไหน ใครพูดดีกว่ากัน จะมองเห็นภาพใหญ่ที่น่าคิดต่อทีเดียวว่า เรามองเห็นโรงเรียนจะช่วยหล่อเลี้ยงเด็กให้เติบโตไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่างดงามต่อสังคมที่เขาอยู่
........แล้วตอนนี้เราจะช่วยให้โรงเรียนทำหน้าที่เหล่านี้ให้เด็กๆ ได้อย่างไรบ้าง ??
.........ชุมชนการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ (PLC) เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่จะช่วยครูและโรงเรียนให้ทำหน้าที่นี้ให้ดีขึ้นได้ไหม?
........... มีวิธีการไหนอีกบ้าง?