เพลงวันเด็ก ที่มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งว่า ..... เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ยังก้องในหูครูอ้อย เพราะจะได้ยินมาทุกปี เท่าที่จำความได้ แต่ที่ประทับใจที่สุด เมื่ออายุ 15ปี คือ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว พ.ศ.2514 กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครูอ้อยเป็นลูกทหาร ที่มีวินัย มีระเบียบ รักความสะอาดทั้งกายใจ มีจิตสาธารณะ ครูอ้อยถูกสั่งสอนและสั่งสมให้เป็นเด็กดี จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีด้วย จะต้องรับส่งต่อทำหน้าที่แทนคุณพ่อคุณแม่ที่จะอบรมดูแลสั่งสอนและสั่งสมเด็กต่อไป
เด็กจะดีไปด้วยตัวเองนั้นน้อยนัก เด็กดีได้ด้วยครอบครัว สังคมรอบข้าง บริบทต่างๆที่จะกล่อมเกลาให้พวกเขา คิดดี พูดดี และทำดีต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม
คุณพ่อคุณแม่สอนครูอ้อยอย่างไร ครูอ้อยจะเล่าและเปรียบเทียบกับในยุคปัจจบันที่เราจะเสริมสร้างให้เด็กอย่างไร
ประการที่หนึ่ง ติดอาวุธทางปัญญา .....ต้องกราบขอบคุณพ่อคุณแม่ท่านมากๆ ที่ได้ติดอาวุธให้ครูอ้อยหลายเรื่อง จนทำให้ครูอ้อยมีความมั่นใจ มีปัญญาที่จะคิด ที่จะพูด ที่จะทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคมรอบข้างตามศักยภาพ ดังนั้น เด็กๆจะดีได้ด้วยครอบครัว ผู้ปกครองที่ต้องวางแผนให้ลูกว่า การที่จะมีอาวุธทางปัญญานั้นคืออะไร ที่จะเหมาะสมกับบุตรหลานของตนเอง ครูอ้อยมีน้อง 3คน ทั้งหมด 4คน คุณพ่อคุณแม่ ติดอาวุธทางปัญญาที่แตกต่างกัน ด้วยลูกๆของท่านมีศักยภาพที่ต่างกัน ครูอ้อยคิดได้มาตังแต่ยังเด็กและจดจำมานำมาใช้เสมอในเรื่องของความแตกต่างนี้
ประการที่สอง มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็น เสริมสร้างความคิด วิเคราะห์ด้วยการตั้งคำถาม การแก้ปัญหา การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล .....คุณพ่อคุณแม่ ฝึกให้ลูกทุกคนคิดตอบคำถามง่ายๆ ฝึกให้คิด ฝึกให้พูดแสดงความคิดเห็น ฝึกให้วางแผนและตัดสินใจโดยมีเหตุผลเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ครอบครัวจึงมีความสำคัญต่อเด็กมากที่จะก่อสร้างทักษะเหล่่านี้ให้กับเขา ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อื่นหรือเป็นหน้าที่ของครูที่โรงเรียน เพราะบทบาทนี้พ่อแม่ผู้ปกครองเท่านั้นที่จะทำได้อย่างเหมาะสมและมีผลประโยชน์ต่อบุตรหลานมากที่สุด
ประการที่สาม การจัดการกับความเครียดอย่างสร้างสรรค์ ....สมัยก่อนไม่ได้มีความเครียดอะไรมากนัก ครูอ้อยเป็นเด็ก ได้เล่นขายของ เล่นตุ๊กตา เล่นตีแบดกับเพื่อนๆ กระโดดยาง กระโดดเชือก เล่นไพ่อีแก่กินน้ำ อีมอญซ่อนผ้า เล่นกับเพื่อนทำให้เรามีทางออกในการจัดการกับความเครียด ทุกวันนี้ เวลามีความเครียดของแต่ละคน จะมีความแตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ของครูอ้อยจะฝึกให้ครูอ้อยและน้องๆมีการจัดการความเครียดด้วยการมีงานอดิเรก สะสมแสตมป์ วาดรูป แต่งกลอน คัดลายมือ ตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักรเย็บผ้า ครูอ้อยทำเป็นทุกอย่างจนเป็นสิ่งที่ดีที่เรียกว่าทักษะมาจนปัจจุบัน เสียดายไม่ได้ทำอาหาร คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองในปัจจุบัน อาจจะต้องเปลี่ยนกิจกรรมเพราะไม่มีการเขียนจดหมายที่จะสะสมแสตมป์กันแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นสะสมอย่างอื่น การพาลูกไปมีกิจกรรมทางกีฬา ว่ายน้ำ เทนนิส หรืิอดนตรี ปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมคือ การร้องเพลง ก็ทำได้ให้เหมาะสมกับศักยภาพและความสนใจของเขาด้วย ซึ่งเขาจะจัดการกับความเครียดของเขาได้เลย
ประการที่สี่ การสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น ครูอ้อยไปวัดตั้งแต่ยังเด็ก ไปเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เรียนรำไทยทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์กับชุมนุม ชมรมต่างๆมากมายตามระดับที่กำลังศึกษา การทำกิจกรรมทำให้ครูอ้อยเข้าใจเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ พอได้เข้าเรียนเป็นครู จึงเข้าใจและปฏิบัติตนได้ถูกต้องเสมอมา มนุษยสัมพันธ์เป็นการสร้างด้วยตนเองโดยใช้กิจกรรมที่ทำร่วมกันเรียนรู้ไปด้วยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีการให้เกียรติกัน ยอมรับฟังกัน มีความสุภาพเป็นพื้นฐาน ประกอบกันทั้งหมดนี้ที่ทำให้บุตรหลานของท่านมีมุษยสัมพันธ์ที่ดี
แบบสั้นๆค่ะ คงตอบคำถามของผู้ที่ถามมา นะคะ
ขอให้มีความสุขในวันเด็กนะคะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูก ทุกคน
เห็นด้วยกับครูอ้อยค่ะ "...เด็กดีได้ด้วยครอบครัว สังคมรอบข้าง บริบทต่างๆ ที่จะกล่อมเกลาให้พวกเขา คิดดี พูดดี และทำดีต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม"
คำขวัญวันเด็กแต่ละปี จึงไม่ใช่มีไว้แค่ให้เด็กท่อง เพื่อนำไปตอบคำถามที่มักจะถามกันก่อนมอบรางวัลในวันเด็ก แต่เป็นสิ่งที่สถานศึกษา ครอบครัว และองค์กรต่างๆ ในสังคมจะต้องนำไปวางแผนและดำเนินการ ว่า จะต้องทำอย่างไรบ้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กไทยของเรา พัฒนาคุณลักษณะตามที่รัฐบาลและสังคมคาดหวัง
ขอบคุณค่ะ น้องอร Bright Lily มีความสุขมากๆนะคะ ในวันเด็ก
ก็เป็นเด็กกว่า พี่อ้อย ก็เป็นเด็กได้ค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ไอดิน-กลิ่นไม้ มีควาวมสุขมากๆนะคะ
ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ธ.วั ช ชั ย คนเก่ง
ขอบคุณ น้อง ...ปริม ทัดบุปผา... มากๆค่ะ
เมื่อย้อนกลับมาดู มีพฤติกรรมหลายอย่างที่เราเหมือนพ่อ-แม่ นะคะ
มีบางอย่างที่เราได้รับมาจากการสั่งสอนของคุณครู
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์น้องสาว จันทวรรณ
สวัสกีค่ะ น้อง kunrapee
ครูอ้อยมีความเห็นคล้อยตามน้องนะคะ ที่กล่าวถึงพฤติกรรมได้มาจากการสั่งสมของครอบครัว และขัดเกลาโดยครูที่โรงเรียน แต่บทความในบันทึกนี้ คือ เมื่อ 40ปีที่แล้วกับสถาบันครอบครัว เมื่อพี่ครูอ้อยยังเด็ก เน้น สถาบันครอบครัว ค่ะ
ยิ้มยิ้ม
ขอบคุณ น้องโอ๋ โอ๋-อโณ มากๆค่ะ
ขอบคุณน้องนก noktalay มากๆค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ น้อง พิชชา
เด็กเมื่อ40 ปีที่ผ่านมาเป็นเด็กดีแล้วมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันนี้
ขอบคุณมาก ค่ะท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- รักษาสุขภาพนะคะ
ขอบคุณ น้อง tuknarak มากๆค่ะ
ขอบคุณ คุณ อ.นุ มากๆค่ะ
ขอบคุณ น้อง สาวน้อยใจดี นู๋ยุ้ยแก้มตุ่ย มากๆค่ะ
ขอบคุร คุณพี่ใหญ่ นาง นงนาท สนธิสุวรรณ มากๆค่ะ
พ่อ กับแม่ ไม่ค่อยมีเวลามาสอนหนูค่ะ
วันๆ แม่เอาแต่บ่น พ่อก็เดินหนีไปนอกบ้าน
แม่เลยบ่นเรื่องพ่อต่อให้หนูฟัง
หนู่ไม่กล้าเดินหนี เดี๊ยวโดนด่า
555
ได้อ่านที่อาจารย์เขียนแล้วรู้สึกดี
อย่างน้อยก็เรียนรู้คำสอนจากอาจารย์
ขอบคุณ ท่าน เขียวมรกต มากๆค่ะ
ขอบคุณ มนัสนันท์ มากๆค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ท่าน ปณิธิ ภูศรีเทศ
ขอบคุณ คุณ กานดาน้ำมันมะพร้าว มากๆค่ะ