โรงแรมวัด (ฟรีพร้อมอาหารเช้า ABF = Ascetic Buddhist Feast) (ลดค่าใช้จ่าย ปชช. ..๓)


ประชานิยมที่น่าทำ (ลดค่าใช้จ่ายปชช.  ตอน ๓)

มหาลัยดีไม่มีกวดวิชา

คนไทยเราวันนี้เสียเงินกันมากเพื่อกวดวิชาลูกเต้าเพื่อให้เข้ามหาลัย  วิธีแก้คือปรับข้อสอบให้มีการสอบเพียงครั้งเดียว  คือการสอบไล่ปลายปีม.๖ เหมือนสมัยโบราณ โดยให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ  แล้วใช้เป็นตัววัดเข้ามหาลัย  (สัก ๗๐%  อีก ๓๐%  มาจากตำแหน่งร้อยละในห้องเรียน  หรือ percentile rank)   ข้อสอบไม่ยากไม่ง่ายเกินไป อยู่ในเนื้อหาที่เรียนในห้องตามหลักสูตรที่กระทรวงกำหนด  ถ้าทำแบบนี้ทุกคนจะหันมาสนใจเรียนในห้อง  รร.กวดวิชาจะสูญพันธุ์ทันที  

ที่ข้อสอบเข้ามหาลัยทุกวันนี้มันแสนยาก จนต้องไปกวดวิชานั้น เป็นเพราะมันยากเกินไปแบบนอกหลักสูตร  เพราะเราไปเห่อให้พวกนักเรียนนอกมันมาออกข้อสอบ  มันก็เลยกลัวว่าถ้าออกง่ายแล้วจะทำให้พวกมันเสียความเท่ห์ (...ไรวะ...จบนอกทั้งที่  ออกข้อสอบได้รากหญ้าปานนี้เลยหรือ   มันก็เลยต้องรักษาหน้า (โง่ๆ) ของพวกมันไว้ ด้วยการออกให้ยากๆ  ) 

โรงทานเครื่องใช้ไม้สอย

คนมีตังต์  เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้  แทนที่จะทิ้ง  ให้เอามาบริจาคโรงทานของวัด  แล้วคนจนๆ (หรือรวยแต่อยากประหยัด)  ก็มาเลือกเอาไปใช้ฟรี  หรือ ซื้อด้วยราคาถูกมากๆ  แบบนี้ไดหลายต่อมากๆ คือ คนรวยได้บุญ (ที่บริจาค)  คนจนได้ของดีราคาถูกไปใช้ ..........ที่ usa มีร้าน salvation army (กองทัพธรรม) ผมไปซื้อประจำ  ราคาถูกมากกว่าร้านข้างนอก 10-100 เท่า 

โรงแรมวัด  (ฟรีพร้อมอาหารเช้า  ABF = Ascetic Buddhist Feast)

วัดไทยเราวันนี้ตลกมาก  มีการติดป้ายว่า  “เขตวัดห้ามเข้า”   หรือ เข้าได้แต่ต้องในเวลาราชการเท่านั้น  ส่วนคลับ บาร์ รร. ม่านรูด  มันเปิดตลอด ๒๔ ...ถามว่าพระเราขี้เกียจทำงานปานนี้แล้วศาสนาจะรอดหรือ  (แล้วไปเทศน์ด่าผับบาร์ เฉยเลย)   .............  ผมจึงขอเสนอให้วัดควรเปิดตลอด ๒๔  แถมมีที่นอนให้นอนฟรี แยกหญิงชาย ห้องน้ำรวม  ...ตอนเช้าตื่นมามีอาหารเหลือบุฟเฟต์ที่พระไปบิณฑ์มาให้กินฟรีอีกต่างหาก  แบบ ABF ...ของคริสต์เขายังมี  ymca ywca เลย  ....ตื่นกันได้แล้ววัดไทยทั้งหลายเอ๋ย  สัตว์ผู้ยากเขาง่วงมา หาที่นอนไม่ได้  มาพึ่งวัดได้ไหม  จะให้ไปนอนผับหรือไง...หลวงพ่อจ๋า

ชุดประจำชาติ

ไทยเราเมืองร้อน แต่ดันไปแต่งสูต ผูกไท ทำให้เสียเงิน เปลืองเงินค่าแต่งตัว แล้วยังต้องเปลืองค่าซื้อแอร์ ค่าไฟ  (เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง)  ดังนั้นควรหันมาแต่งชุดไทยกันได้แล้ว (พลเอกเปรม ท่านนำทางมานานแล้ว)  เช่น กางเกงเล (ออกแบบให้ดูดีหน่อย กว่านี้ก็ได้ ไม่ยากเลย)  เสื่อม่อฮ่อม (ไทยพวนต้นตำรับ)   รองเท้าสาน  ไม่ต้องใส่ถุงเท้า  แต่งกายโปร่งแบบนี้ห้องทำงาน ประชุม ไม่ต้องติดแอร์ก็ได้  แต่ออกแบบอาคารให้มีการระบายลมธรรมชาติ  ก็พออยู่ได้   สบายดี

ห้องสมุดส่งถึงที่

คนฉลาดคือสมองของชาติ ที่จะนำพาชาติรอดได้  แต่วันนี้คนอยากฉลาดมันช่างยากยากจริงๆ (ส่วนอยากโง่ไม่ยากเลย)   เพราะห้องสมุดมีน้อยกว่าผับบาร์ร้อยเท่า   แถมกว่าจะไปหาอ่านได้ก็ต้องเสียเงินอีกมาก  จึงเสนอให้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ด้วยการ ให้สั่งหนังสือได้ทางอทน.  จากนั้นห้องสมุดส่งหนังสือให้ถึงบ้าน ฟรี  ด้วยระบบบุรุษไปรษณีย์  เวลาคืนหนังสือก็คืนผ่านไปรษณีย์  .....ถ้าทำแบบนี้จะมีคนฉลาดเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า เพื่อเป็นกำลังปัญญาให้ชาติแบบกำไรเป็นร้อยๆ เท่า...จากงบลงทุนเพียงนิดเดียว  ...

แต่ลงทุนแบบนี้นักการเมืองเขาไม่ได้ค่าหัวคิว  คงเกิดยากส์ส์ส์

....คนถางทาง (๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 512428เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2012 21:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม 2012 21:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เหมือนการปกครองในระบบ สังคมนิยม ป่าวคะ ทุกอย่างรัฐ จัดให้หมด และ เท่าเทียมกันด้วย --  ไม่มีการค้ากำไร 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

วัดใหญ่ๆที่มีชื่อเสียง

อาหารจากพระบิณฑบาต/ชาวบ้านนำมาถวายพระ เหลือแล้วทิ้ง เสียหายมีแต่ของดีๆ

ถ้าทำได้แบบอาจารย์ก็ดีครับ

ส่วนเรื่องกวดวิชา ทำไมนิยมกันจัง สถาบันกวดวิชาก็รวยๆๆๆๆ 

เห็นว่ารัฐบาบจะคุม และจัดเก็บภาษี  ตอนนี้ก็เงียบไปแล้ว...



เห็นด้วยทุกข้ออีกแล้วครับ

พูดถึงวัดผมเองคิดว่าคติความเชื่อแบบหินยานยังอยู่ในประเทศไทยซ่อนอยู่ในเถรวาท เราเห็นเรือลำน้อยๆ ขออาตมาไปสบายคนเดียวเยอะมาก เมื่อเทียบกับกิจกรรมของวัดมหายาน คริสเตียน หรือมุสลิม ที่มีต่อสังคมรอบข้างก็จะเห็นความแตกต่างมากทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ความผิดพระอีก ผมเชื่อว่าพระที่ประสงค์ดีมีความตั้งใจดีก็ไม่น้อย เผลอๆ จะเป็นพระส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เพียงแต่พระเหล่านั้นไม่มีต้นแบบและไม่มีแนวทางในการทำครับ

เรื่องกวดวิชา เท่าที่เจอมา บาง รร ทั้งเทอมนักเรียนเรียนได้บทสองบท

เพราะอาจารย์ไม่มีเวลาสอน ต้องไปทำเรื่องคุณภาพ ;) ก็เลยต้องไปหากวดวิชาตามระเบียบ


กวดวิชา:

1) (as ธ.วั ช ชั ย commented) Teachers are too busy doing other things but teaching.

2) Some students are using extra-class as excuses to go out to see friends at shopping centres rather than to do homework at home. (Are your kids in this group? Check it out!)

โรงแรมวัด:

There are some complications such as security and privacy for both monks (who should have a sanctuary for meditation) and 'clients' (paying in money and in work). We don't really want 'wat' to be a place where uncared people are left to live (like unwanted dogs and cats) on surplus of monks' alms.

[I had spent a night on the floor of the funeral pavilion at Wat Ban Tad (วัดบ้านตาด นครพนม - where the cremation of หลวงตามหาบัว took place) and saw many types of people who came to stay the night. Many areas of work and organization are to be learned and implemented before that would be a suitable hospice. Experience from Christian organizations may of some use. One major concern I had was about epidemic disease control -- many people coughed all night.]

ท่าน sr ครัีบ  ...คงหมายถึงวัดป่าบ้านตาด นครพนม ครับ   ...คนมามากผิดปกติเป็น 10,000 เท่าครับ มันก็เลยลำบาก  แม้มหานครนิวยอร์ค ก็น่ามีปัญหากับการจัดการคนขนาดนี้   ....แต่ผมกำลังพูดถึงกรณีปกติ ที่คนจรมากันคืนละไม่น่าเกิน 20 คน ในกรณีปกติ  และไม่เกิน 100 คนในกรณีฤดูสูง (high season)  ก็จัดการได้ครับ   โดยมีพระเวร คอยรับการเ็ช็คอิน  และให้โอวาทก่อนเข้าพักว่าต้องสงบ ห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด ต้องรักษาศีล



เป็นการหาลูกค้าเข้าวัดที่ง่ายที่สุด  วินวิน ทั้งสองฝ่าย   ปชช.ประหยัด พระได้สอนเวไนยสัตว์  


เอาแ่ค่พวกรถเร่   รถส่งของ ก็ได้แล้ว  (ซึ่งมีจำนวนมาก  ส่วนใหญ่ไปพักรร. คืนละ 500  ผมรู้เพราะไปพักร่วมกับเขาประจำเพราะมัน "ถูก" ดี  ทั้งที่ผมมีสิทธิ์พักตามอัตราราชการที่ 3000 บาท )    แล้วสอนเขาว่า ขายของต้องมีศีล ไม่เอาเปรียบลูกค้า  พระก็ได้บุญ คนก็ได้สินค้าดีราคาถูก  

It was last September that I was at Wat Pa Ban Tad. About 10 people spent the night. Most were people who stayed nights to do a meditation (m-days) course. We were by best description 'backpackers' and freebees ;-)

There was a lady upasika who received us and provided mats and suggested a good pole with electric fans to settle down. Two dogs came to investigate. One stayed on as my companion for half a night. I felt welcome and safe but not comfortable or in private (I did not expect any anyway). I had concerns over contacting flu and fleas and soil worms... But I shook them off from my mind and slept (for 5 hours). Then the monks in the enclosed and separate area some 30 meters away from the pavilion, were up and did their things (I could not see). So, I decided that it was time to go too. It took 5 minutes to clear out (no check-out ;-).

I had some thought about providing accommodation for strictly Thai backpackers so kids can travel and see the country. But, I could not see that happened without freeing up many old "traditions" and "rivalry". Maybe, we can if we try --and work hings out as we go--.

 วัดบางวัดดีมากครับ เช่น วัดป่าสุคโต (ของท่านไพศาล วิสาโล) ที่แก้้งคร้อ ชัยภูมิ  มีบ้านพักเป็นหลังๆให้อยุ่ วอล์คอินเข้าได้เลย วัดป่าบ้านตาดเรือนพักอุบาสิกาแย่มากยังกะสลัม ส่วนกุฎิพระดีมาก  (แบ่งชนชั้นไปหน่อย ทั้งที่อุบาสิกาทั้งนั้นที่ดูแลวัด) 


อ้อ ป่าบ้านตาด อุดรธานี้ครับ ไม่ใช่นครพนม

การให้คนมาพักนี้ยังได้"ลูกค้าธรรม" โดยปริยายด้วยนะครับ  ได้หลายต่อมาก  ตอนเช้าๆ พระน่าจะชวนคนพวกนี้ร่วมออกบิณฑบาตเป็นประสบการณ์ด้วย  ผมว่าจะมีคนอยากมาหาประสบการณ์ฟรีนี้มาก 

อืมม... อย่างนี้พระไทยต้องไปดูงานพระจีน (และพระเกาหลี) ครับ (เหมือนนักวิชาการบ้านเราเลย ก่อนทำอะไรต้องไปดูงานก่อน ฮาๆๆ)

"...อ้อ ป่าบ้านตาด อุดรธานี้ครับ ไม่ใช่นครพนม..."

Thank you for correcting me.

It is sad. My memory and association ability are degrading -- sigh. I had hope that I can maintain a quality life after 60 years of age. I should have had realized that I just came over from Nongkai and Buengkarn -- Ban Chiang and surrounds during the day that day. Sigh (again) Udornthani with lots of condominium building projects in and out of the skirt of town didn't even remind me of my error when typing Nakornphanom. What can I say? Forgive me -- my mistake ;-)

Thank you again.  

 And ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ That's interesting.

I often wonder how international Buddhist monks would communicate. They could use Pali, But each country and secular Buddhist group adopt different 'renderings' (or local ways). Though, Pali is the language of Buddhism, Buddhists in different places have different Pali languages.

[I try to internationalize the Buddha's Teaching whenever I can.]


๕๕ ท่าน sr บ่ต้องเสียใจ  ข้าเจ้าเองก็เป็นบ่อยกว่าท่านสิบเท่าได้กระมัง   บางทีไปแม่ฮ่องสอนกลับคิดว่าไปสงขลาก็ยงมี  ตอนแรกท่่านว่านครพนม  ผมก็ว่า อุดร แ่ต่พอพิมพ์ก็กลายเป็นนครพนมไปเหมือนท่าน อิอิ   



คงเพราะเหตุนี้ เพื่อนผมสมัยหนุ่มๆเขาแนะว่า  เวลาเรียกชื่อแฟน ให้เรียกว่า "ที่รัก" ให้หมด  จะได้ไม่ต้องสับสนมาจำว่าใครชื่ออะไร แถมถ้าเรียกชืื่อผิดก็ยิ่งไปกันใหญ่ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท