494. "ขบวนการอาหารเช้า"


ว่าด้วยการค้นพบครั้งสำคัญในชีวิตของผม

มีท่านหนึ่งถามผมว่า “นี่ถ้าผมไปให้เขาพัฒนาองค์กร (ทำ OD) เขาจะมาทำเหรอครับ  เพราะเขาจะถามว่าทำแล้วได้อะไร เขาจะได้อะไรเป็นผลตอบแทน” ผมเองก็กลับมาคิดครับว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร ก็มานั่งคิดถึงเรื่องที่พึ่งเขียนไปคือ

Performance (เพอร์ฟอร์มานซ์)= Motivation (โมติเวชั่น)  x Abilities (อบิลิตี้ส์)

หรือเป็นภาษาไทยคือ ผลงานเป็นผลคูณของแรงจูงใจกับความสามารถ ครับ แรงจูงใจเองตามทฤษฎีก็แบ่งเป็นแรงจูงใจภายใน หรือเรียกว่า Intrinsic Motivation (อินทรินสิก โมติเวชั่น)​เป็นอะไรที่เรียกว่าไม่ใช่เงิน ทำด้วยความรัก ด้วยแรงใจ อีกตัวคือแรงจูงใจจากภายนอก หรือ Extrinsic Motivation  (เอ๊กทรินสิก โมติเวชั่น)


Credithttp://uncorkedstudios.com/2011/09/02/extra-intrinsic-motivation-hero/

เอาหล่ะครับ ลองทำดูว่าผมทำ OD แล้วได้อะไร ปรกติกแล้วผมจะทำ OD โดยใช้เครื่องมือหนึ่ง คือ Appreciative Inquiry (AI)

AI คือกระบวนการค้นหาสิ่งดีๆร่วมกันครับ เมื่อพบก็เอาสิ่งดีๆมาขยายผล โดยมีความเชื่อว่าทุกคนทุกระบบ ล้วนมีเรื่องราวดีๆที่ซ่อนเร้น รอการค้นพบอยู่ครับ

ครั้งหนึ่งถ้าย้อนกลับไปหลายปีก่อน ภรรยาผมนอนไม่หลับ ไม่หลับแบบน่ากลัวเลยล่ะ หมาจะเห่า รถขยะมาเป็นตื่น ผมย่องเข้าห้องน้ำ ก็ตื่น ตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ เลยส่งผลให้เกิดอาการเพลีย ทุกข์ทรมานมากๆ ถามใครก็แล้ว ศึกษาหาสาเหตุทางแก้ยังไงก็ไม่ได้ จนเหนื่อยใจ ที่สุดก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ Mars and Venus เป็นเล่มสองครับ อธิบายว่าการนอนไม่หลับเป็นเรื่องของฮอร์โมน คือฮอร์โมนที่ทำให้เรานอนหลับ คือเมลาโตนิน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อแสงแดดหมด ห้องนอนมืดก็จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เจ้าฮอร์โมนนี้เกิดมาจากอะไร มันเปลี่ยนมาจากฮอร์โมนซีโรโตนินครับ ตอนนั้นผมอะฮ้า เลยภรรยาผมขาดเจ้าฮอล์โมนนี้แน่นอน อ่านไปอีกนิดเจอเลยครับว่าฮอร์โมนซีโรโตนิน ก็เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติอีก มากจากไหนครับ มาจากอาหารเช้าครับ ผมถึงบางอ้อ ภรรยาคุณหมอผมกินกาแฟแก้วเดียวครับ ไม่เคยกินอาหารเช้า ซึ่งต้องหนักนะครับคืออย่างต่ำข้าวไข่ดาว หลายคนถามผมว่ากาแฟขนมปังได้ไหม นั่นแหละครับตัวดี ไม่ได้ครับ ลองเอาขนมปังชุบน้ำแล้วบี้สิครับ เหลือก้อนนิดเดียว


(หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผมและคนนับพันครับ)

Credit: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=webmaster&month=09-07-2010&group=6&gblog=398


วันนั้นผมขอร้องให้คุณหมอทานข้าว ลองฝืนใจกิน แล้วคืนแรกนั้นผมก็เห็นภรรยาหลับ หลับไม่ตื่นอีกเลย หลับแบบมีความสุข เพียงคืนเดียวหาย  ผมประหลาดใจกับปรากฏการณ์นี้มากๆ ถ้าในมุมมองแบบ AI นี่คือ Discovery ดิสโค๊ฟเวอรี่ย์ หรือการที่เราค้นพบเรื่องดีๆ ครับ เราก็ขยายผลต่อ ผมเลือกขยายผลด้วยการเล่าให้คนไกล้ตัวฟัง เช่นนักศึกษาครับ ด้วยที่ผม “ฉุกใจคิด” ครับว่า ผมเจอคำอธิบายฮอร์โมนซีโรโตนินว่า เป็นฮอร์โมนแห่งชีวิต ทำให้เราสดชื่น ที่สำคัญ มันเป็นฮอร์โมนแห่งการเรียนรู้ครับ ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะสังเกต ติดตามปรากฏการณ์นี้ครับ ผมเริ่มถามนักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการเรียนทั้งป.ตรี ป.โท อืม “ปรกติคุณกินข้าวเช้าหรือเปล่า” ก็ได้คำตอบที่น่าตกใจ ครับ เด็กที่ปัญหาด้านการเรียน ด้านอารมณ์ ด้านการจัดการชีวิต ล้วนแล้วแต่ไม่กินข้าวเช้าครับ และผมก็มักเล่าเรื่องที่ผมมีประสบการณืดีๆกับภรรยาเรื่องข้าวเช้าให้ฟัง ผมที่ตามมาก็คือหลายคนชีวิตเปลี่ยนครับ

ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องพูด ต้องศึกษาและบอกต่อครับ คุณจะเห็นว่าผมเกิดแรงจูงใจจากภายใน Intrinsic Motivation ขึ้นครับ ผมก็ติดตามเรื่องนี้เก็บข้อมูล ผมเจอเหตุการณ์ประหลาดนี้มานับพันคน จนมีลูกศิษย์ผมบอกว่า “ลูกศิษย์AI ของอาจารย์ภิญโญ จะกินข้าวเช้าครับ” ดูขำครับ มาเรียนในห้อง เห็นเลยครับ ไม่รู้เรื่อง การมีส่วนร่วมน้อย ผมจะเรียกมาคุย แล้วถามว่า “คุณไม่ได้กินอาหารเช้ามาใช่ไหม” ลูกศิษย์บางคนทำวิทยานิพนธ์มาอย่างดี วันสอบเบลอ พูดไม่ออก ตกไปดื้อๆ ผมก็ถามคุณไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่ไหม “ค่ะ”  อาการเป็นอย่างเดียวกันกับแฟนผมครับ คือนอนแล้วตื่นง่ายๆ หลับยาก ตื่นสาย หงุดหงิดง่ายๆ แถมเรียนไม่รู้เรื่อง สื่อสารอะไรไม่ค่อยได้”

มาในโลกของการทำ OD เรื่องนี้ผมมักเล่าแถมทุกครั้ง แล้วทุกครั้งก็เริ่มเจอว่ามันโดนใจคนที่ผมสอน หรือไปทำ OD ด้วย เกินกว่า 80% ของคนยุคใหม่มักเจอเหตุการณ์นี้กับคนไกล้ตัว ในที่ทำงานก็มี เช่นธนาคารแห่งหนึ่งที่สาขาแถวภาคใต้เล่าให้ผมฟัง “อาจารย์คะ ออกไปไหนยาก ไปเดินตลาดก็เป็นห่วงสาขาทุกครั้ง เพราะไปทีไรได้เรื่อง ที่สาขาต้องมีเรื่องยุ่ง เพราะผู้ช่วยที่สาขามักทำอะไรพลาดเสมอ ทำให้เกิดเรื่องยุ่ง ตามมา พออาจารย์พูดเรื่องนี้ ใช่เลยค่ะ เขาไม่ทานข้าวเช้า”

แล้วทุกคนก็พยักหน้าว่าล้วนแล้วมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ปัจจุบันในเรื่องการสอน การเป็นที่ปรึกษา ผมจะพูดเรื่องนี้เสมอ เช่นล่าสุดมีเสียงบ่นจากลูกศิษย์ผมเข้ามาทาง Line “อาจารย์คะ หนูต้องไปรับผิดชอบอีกสาขาหนึ่ง สาขานี้บรรยากาศการทำงานไม่ดีเลย หนูเอาเรื่องเชิงบวกที่อาจารย์สอนไปพูด เขาก็หัวเราะ ค่อนขอด คนเขาทัศนะคติไม่ได้เลยนะคะอาจารย์ เราจะเริ่มโครงการ OD ยังไงดีคะ

ผมตอบกลับไปทันที “อืม คุณลองเช็คสิ พนักงานของคุณไม่ทานข้าวช้าวไหม” วันต่อมาเธอก็กลับมา อาจารย์คะ “เขาทานกันตอนสิบโมงค่ะ” ผมเลยตอบ “นั่นไงชัดเลย กินเข้าช้าวมนันต้องก่อนแปดโมงครึ่งนะ โครงการของคุณ ควรเริ่มที่พากันกินข้าวเช้าก่อนทำงานก่อนนะ แล้วต่อด้วย Dialogue ตามด้วย AI” แล้วเธอก็กลับมาอีก “อาจารย์คะ เปิดใจได้แล้ว ทุกอย่างราบรื่นมากค่ะ” ไม่กี่เดือนผ่านมาผมเลยคิดคำขึ้นมาใหม่เชื่อ Breakfast Therapy เบรกฟัสต์ เธอราปี้ (© 2012 Pinyo Rattanaphan) เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ผมเอามาใช้ปรับปรุงการพัฒนาองค์กร พัฒนาการเรียนรู้ พัฒนาครอบครัวได้เลยครับ นี่อีกมากนะครับ เรื่องครอบครัวก็มี ลูกก้าวร้าว ลูกโตจะสามสิบแล้วไม่ยอมทำงาน เมียพูดไม่รู้เรื่อง เบื่องานที่ทำอยู่ หัวหน้าสอนลูกน้องไม่ได้ สอนเป็นออก ผมล้วนแต่ถามกลับ  “เขาไม่กินข้าวเช้าใช่ไหม” มักมีเสียงตอบกลับมาด้วยความประหลาดใจว่า “อาจารย์รู้ได้ไง”  ตอนนี้ผมยังมุ่งมั่นเผยแพร่เรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข มีความหวังว่าเพื่อนมนุษย์ของเราจะมีคุณภาพชีวิตดีอย่างที่เป็นอยู่ และก็ได้ช่วยเหลือปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนนับพันมาแล้วครับ



อย่าลืมให้ลูกของคุณทานข้าวเช้านะครับ 

Credithttp://www.masterfile.com/stock-photography/image/600-01646297/Boy-Raising-Hand-at-School

คุณเห็นพัฒนาการของเรื่องนี้ไหมครับ ผมค้นพบเรื่องดีๆ เลยเกิดแรงจูงใจจากภายใน ให้ผมไปเล่าเรื่องดีๆ ให้คนอื่น ฟัง แล้วก็เจอข้อมูลที่ยืนยันต่อๆกันมา ว่าข้าวเช้าสำคัญต่อทุกอย่าง เป็นพื้นฐานของทุกอย่าง ที่สุดจากการได้สอนได้เล่า ได้เก็บข้อมูลมากเข้า กลายเป็นพัฒนาขีดความสามารถ (Abilities) ในการให้คำปรึกษาไม่ว่าจะเป็นเรื่อง OD โดยตรง การเรียนรู้ แม้กระทั่งครอบครัวขึ้นมา ไม่ต้องบอกครับ ว่างานส่วนตัวของผมจะดีขึ้นแค่ไหน (Performance) เอาเป็นว่า Brakefast Therapy ของผมทำให้ผมเจอปัญหา ต้นตอของปัญหาที่เริ่มจากร่างกายมนุษย์เอง ที่ส่งผมต่อจิตใจความสามารถของเขา ตอนนี้จากแรงจูงใจนี้ ผมพัฒนาความสามารถใจการทำ OD ขึ้น และทุกครั้งที่ผมบรรยาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลได้รับเชิญ ได้รับการบอกต่อไปเป็นที่ปรึกษาในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดครับ และทำให้การทำ AI/OD ของผมต่างมากๆอย่างชัดเจนครับ

ย้อนกลับไปตอบคำถามแรกนะครับ

“นี่ถ้าผมไปให้เขาพัฒนาองค์กร (ทำ OD) เขาจะมาทำเหรอครับ  เพราะเขาจะถามว่าทำแล้วได้อะไร เขาจะได้อะไรเป็นผลตอบแทน”

ขอตอบนะครับ “ถ้าคุณเริ่มด้วยการตั้งคำถามดีๆ สอนให้พนักงานของคุณตั้งคำถามดีๆ เขาจะเจอเรื่องราวที่สร้างแรงจูงใจจากภายในครับ แรงจูงใจนี้จะทำให้เขาสนใจ เรียนรู้ สังเกตต่อไปเรื่อยๆ ที่สุดจะพัฒนาขีดความสามารถในการทำงาน การคิดขึ้นมาเอง ได้สองอย่างแล้วนะครับ ส่วนว่าจะได้อะไรที่เป็นรูปธรรม ตัวเงินไม่ต้องห่วงได้แน่นอน แต่อาจเป็นระยะยาวหน่อย มันได้มาเอง แต่ที่ได้กับตัวเองอย่างทันตาคือ “คุณภาพชีวิต” ของตนเองและคนรอบข้าง ที่อาจเกิดขึ้นในวันที่คุณค้นพบอะไรดีๆบางอย่าง ครับ ที่สำคัญยังภาคภูมิใจ ได้บุญอีกครับ ตอนนี้ลูกศิษย์ผมก็บอกต่อเรื่องนี้กันเป็นวงกว้างอย่างสนุกสนาน กลายเป็นขบวนการอาหารเช้าบำบัดไปแล้ว Breakfast Therapy Movement © 2012 Pinyo Rattanaphan แล้วผมก็ได้ยินอะไรดีๆ ที่น่าชื่นใจกลับมาอยู่เรื่อยๆ”

เอาหล่ะครับเห็นหรือยังว่าคนทำแน่ๆ ครับ ไปที่ไหนก็ตาม ประเภทหัวเหลี่ยมสุดๆ คือคิดอะไรเป็น KPI ยังเปลี่ยนเลยครับจะหมอ จะนักปัญชี จะช่างก็เถอะ จะมาทำ มามีส่วนร่วมแน่นอนครับ เอาหล่ะครับ ผมพอสรุปได้ครับว่า ถ้าอยากให้ Performance เกิดขึ้นจริง สมการนี้อาจต้องเพิ่มคำว่า Discovery หรือกระบวนการค้นหาเรื่องดีๆ ผ่านการตั้งคำถาม ผ่านการตั้งข้อสังเกตดีๆครับ แล้วจะเกิดแรงจูงใจดีๆ ตามมา แรงจูงใจดีๆ จะผลักดันให้เกิดความสามารถ ที่งอกงามอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นมา  แล้ว “ผลงานก็จะเติบโต” แรกๆ จะไม่ชัดๆ แต่สักพักก็จะเกิดแบบก้าวกระโดด เกิดเป็นนวัตกรรมได้ด้วยซ้ำ ครับ ผมเลยพัฒนาสมการใหม่ดังนี้ครับ

  Quantum-leap Performance = Discovery x Motivation x Abilities (© 2012 Pinyo Rattanaphan)

ผมใช้คำว่า Quantum-leap ควอนตั้มลี๊ฟ เพราะต้องการสื่อถึงอะไรที่มันก้าวกระโดดจริงๆ

ภาษาไทยคือ ผลงานแบบก้าวกระโดด มาจากผลคูณของการค้นพบเรื่องดีๆ ที่จะก่อให้เกิดแรงจูงใจ จนไปยกระดับความสามารถครับ การมีส่วนร่วมนั้นมีแน่นอนครับ


เพียงเล่าให้ฟัง ลองพิจารณาดูนะครับ


หมายเลขบันทึก: 512084เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2012 11:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2013 23:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ชอบบันทึกนี้มากครับอาจารย์....การตั้งคำถามดีๆ ...เช่น...ทานข้าวเช้ามาหรือยัง ?....เป็นบันทึกที่มีหลายบันทึกทับซ้อนกันอยู่...มีวิธีคิดที่สร้างสรรค์มากครับในการพัฒนาองค์กร หรือบุคคลครับ

ตามมาอ่านอีกรอบหลังจากที่ฟังอาจารย์บรรยายให้ฟังแ่้ล้ว 2 รอบ จำได้ขึ้นใจเลยคะ

ยอดเยี่ยมค่ะ   ขอบคุณค่ะ

Performance (เพอร์ฟอร์มานซ์)= Motivation (โมติเวชั่น)  x Abilities (อบิลิตี้ส์

(เรียนอาจารญ บางท่านอาจเห็นว่าไม่สำคัญ ในการเขียนคำอ่าน ภาษาไทย ให้ออกเสียง ภาษาอังกฤษ  สำหรับผม ถือว่าสำคัญมาก  เพราะทุกคำที่อาจารย์ ออกเสียงไว้ ผมคัดลอกไว้ออกเสียง ตลอดมา)

นอกจากอ่านบันทึกนี้ พัฒนาความคิดแล้ว ยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษอีกทาง

ด้วยความขอบคุณ .....เพราะคนเรียนไม่เท่ากัน แต่เรียนทันกันได้

พบกันครั้งไหนๆก็มักจะถามเป็นคำแรกว่า "ทานข้าวหรือยัง" คนไทยแท้ต้องถามไถ่กันก่อนจะคุยเรื่องราวต่อไป  อบอุ่นนะคะ

ขอบคุฯสาระดีๆๆนะค่ะ


พี่แก้วทานข้าวเช้าทุกวัน และทำให้คนข้างกายทานอาหารเช้าด้วย

 May I suggest ฮอร์โมน (hormone) instead of ฮอล์โมน (???)? 

 

I have been dieting like Buddhist monks for many years and I can vow for its many health benefits. 

Monks eat only before noon and do not eat (only drink water) for the rest of the day.

Try and see for yourselves.  To make it simple to do Just have good breakfast and good lunch but only soup or fruits or nothing at all for dinner (no snack, no sugary or alcoholic drink either).  People often lose weight, sleep better, and think clearer with monks' diet. ;-) Try it and prove it for yourselves.

ขอบคุณค่ะ ปิ๊งมากค่ะ 

โดยเฉพาะการได้ทานข้าวเช้า

เพราะทำให้ทำงานโดยไม่ต้องกังลวกับความหิว

ทานเสร็จก็จะรู้สึกอิ่มกายอิ่มใจ รู้สึกมีชีวิตชีวา

แต่ลูกไม่เคยทานข้าวเช้าเลยจะทำยังไงดีคะ


สวัสดีครับ คุณ


krutoiting

บ้านผมถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นจะพยายามพูด บอก ทำให้ดู แรกๆ ก็ต้าน พอทำไปเรื่อยๆ เรายืนยันครับ เดี๋ยวก็เปลี่ยนเอง แล้วทุกคนก็จะเห็น อย่างลูกสาวชัดเลย การกินข้าวเช้านี่จะส่งผลมากๆ ถ้าไม่ได้กินวันนั้น อาจได้ยินเสียงบ่นลูก หรือไม่ก็ไปทำอะไรป่วนๆที่โรงเรียน มันต่างกัน พอทานแล้วพฤติกรรมก็จะเปลี่ยน คนรอบๆตัวก็จะเห็นชัด เมื่อนั้นเราก็ย้ำไปเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นนิสัยไปแล้วครับ


กราบขอบพระคุณท่าน SR ที่ชี้แนะนะครับ 

สุข..สงบเย็น เป็นประโยชน์

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๖ ครับอาจารย์

จริงด้วยค่ะ อาจารย์ กินข้าวเช้าช่วยให้มีสมาธิในการทำงานได้อย่างดีมากเลยค่ะ ^^

ขอบคุณเรื่องราวดีดีที่ได้แบ่งปันนะครับ

ขอบคุณค่ะอาจารย์ จะเอาไปทดลองในวันจันทร์นี้ แล้วจะมาแจ้งผลค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท