488. วิธีชนะกรรม (เบื้องต้น มั๊กๆ)


ประสบการณ์การบวชสามเดือนที่วัดป่าธรรมอุทยาน จังหวัดขอนแก่น (ตอนที่ 5)

สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ ที่สุดในตอนบวชสามเดือนที่วัดป่าธรรมอุทยาน จังหวัดขอนแก่น ก็มีเรื่องหนึ่งครับ…เมื่อผมเข้าไปวันแรกๆ..ก็เจอหลวงพ่อกล้วย ท่านบอกว่า ให้ผมดับ “สัญญา” นะ สัญญาคือความจำครับ…ท่านบอกว่าผมเป็นอาจารย์มีความรู้มาก ต้องดับความรู้เดิมก่อนไม่งั้นยาก…จริงครับ..เข้าไปนี่นั่งภาวนาเมื่อไหร่ได้คิดเป็นตุเป็นตะ..(เรียกว่าสังขาร หรือการปรุงแต่ง) …หลวงพ่อสอนให้เราดูลมหายใจ…เมื่อดูจนเราสงบ แล้วก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า สติ…ตรงนี้แหละครับ..เอาไปดูความคิดว่าเกิดการปรุงแต่งรึเปล่า..ถ้ามันปรุงแต่งก็ดับ…รีบดับครับ..เพราะไม่งั้นสิ่งที่เราปรุงแต่งมาจากความทรงจำ จะเริ่มกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในใจ…พอดับบ่อยๆ..ความคิดดังกล่าวมันจะเริ่มดับ..จากเดิมถ้าเราไม่มีสติ พอเจออะไรมากระตุ้น ความจำก็จะถูกปลุกให้มาแล้วปรุงต่อไปเป็นเรื่องเป็นราวสร้างความสุข ความทุกข์ให้เรา…ปรุงเรื่องนี้แล้วก็ไปปรุงเรื่องอื่น ปรุงไปเรื่อย จนเหนื่อย ที่สุดพอเริ่มดับ..มันก็ดับลงจริงๆ…พอเจอความคิดอะไร ผมก็ตัดเข้าลมหายใจ…มันก็ดับ…คิดอีกดับอีก…ดับไปเรื่อยๆ…


….

เริ่มสังเกตครับ…คราวนี้ พอดับแล้วมันก็ไม่มีเชื้อครับ..เห็นแค่ยิ๊บๆ ไม่ทันคิดก็ดับตั้งแต่ต้นแล้ว…ดับไปดับมา เริ่มเห็นครับว่ามันหมดไปทีละเรื่อง…เช่นสัปดาห์แรก..จะคิด จะปรุงเรื่องหนึ่งเยอะ..ชนิดสมองหมุนติ้ว เลย…พอดับมัน มันก็เลยคลายๆ…คลายๆ จนเริ่มไม่มีอิทธิพล….สัปดาห์ที่สองก็จะมีเรื่องมาปรุงใหม่ หมุนติ้วเลย..ปรุงจนหัวระเบิด…พอดูลมหายใจ มีสติ ก็เริ่มมาดับก็หายอีก…แล้วก็มีเรื่องผุดมาให้คิดอีกในสัปดาห์ถัดไป..ก็ดับลงอีก…

…..

มาเดือนสุดท้าย…ก็เข้าป่าช้า…ก็เห็นความกลัว..คราวนี้มาที่ความรู้สึก ตอนนอนอยู่คนเดียวก็เห็นเลย พอรู้สึกกลัว เห็นความมืด…ก็เลยครับ ผีมาเลย. ปรุงแหลก แต่โชคดีที่ฝึกลมหายใจ ฝึกดับ..คราวนี้ดับได้เร็ว คืนแรกก็ผ่านแล้ว…ก่อนออกจากป่าช้าก็เจออาการอยากอวดคนอื่น…ก็ดับได้อีก…

….

แน่นอนทั้งหมดนี้ ผมต้องบอกว่าที่ดับได้ ยังชั่วคราวอยู่ครับ..มันยังนอนก้นอยู่ แต่มันไม่รบกวนผมมากเหมือนก่อน…และผมก็เห็นเลยครับ..สัญญา นี่คือ “กรรม” ครับ…มันคือเครื่องสร้างกรรม ด้วยความจำความคิด ที่อยู่ในสมองคุณ…ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี…มันจะตามหลอกหลอนคุณเลยครับ..พอถูกกระตุ้นด้วยอะไรก็ตาม หรืออยู่เฉยนี่แหละ มันยังถูกดึงให้มาคิดอีก…แล้วถ้าย้อนกลับไปในอดีต…เราจะพบว่า ความจำอยู่เบื้องหลังการพูด การกระทำ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี…ทำให้เราไปก่อกรรมดี หรือไม่ดี…แล้วก็รับผลของมันเก็บมาเป็นความทรงจำ ที่จะส่งอิทธิพลต่อคุณไปตลอด

…..

ความจำ (สัญญา) มีอิทธิพลต่อเราจริงๆ อย่างลึกล้ำและถ้าเราไม่กลับมาดูลมหายใจ ดูลมหายใจเรา เราก็ยากที่จะหามันเจอครับ ว่ามันอยู่ที่ไหน..เพราะมันกลายเป็นตัวเรา บุคลิกเราไปจนแทบจะแยกไม่ออก…ระหว่างบวช ผมเจอ “เครื่องสร้างกรรม” ของผม ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมหลัก ของผมหลายตัวครับ..ทั้งดีไม่ดี..ถึงแม้ผมจะอ่านหนังสือจิตวิทยา สอน และทำเรื่อง AI มานาน..ที่ก็บวกสุดๆ…คุณอาจคิดว่า…อ้อไปทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาก็หาเจอหรอก ไอ้ที่คุณอยากหาอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่…แน่นอนครับ..อาจหาเจอ ส่วนผมทำมาเยอะครับ ก็เคยเจอ ก็ตื่นเต้นครับ..เฮ้ย เจอตัวกูแล้ว..ครับ..เจอจริงแต่ไม่มีกำลังพอ….หลายครั้งไอ้เรื่องไม่ดี หรือเรื่องดีๆ มันก็ดับลงยาก…และยังมาเป็นปัจจัยผลักดันเราได้ต่อไป…เพราะอะไรครับ เพราะเราไม่มีกำลังจะดับ จะคลาย เพราะเราขาดการสร้างสติ ครับ (ทำด้วยการมาดูลมหายใจเข้าออก เราเรียกว่าว่า ทำสมถะ) พอเรามีสติ…เราจะไวพอที่จะเห็นความคิด ความรู้สึกไม่ดี หรือดีมันเกิด…พอเห็น เพียงเรารู้สึกมันก็ดับไปเอง พอดับไปๆ บ่อยๆ..สัญญานั้นก็จะไม่มีกำลังมาก่อตัวอีก…หากสัญญาคือกรรม.. เมื่อเราไม่ฝึกตัว..กรรมเก่า ยังเป็นฐาน เป็นเชื้ออย่างดีให้เราก่อกรรมใหม่…แต่หากเราฝึกตัว กรรมนั้นก็ลดอิทธิพลลง…มันไม่ได้หายไปนะครับ มันยังอยู่ เพียงแต่มันไม่เป็นฐานให้เกิดกรรมใหม่ๆ อีก..

ยังไม่ไกลจากจิตวิทยาครับ..ในระดับโลกเล่มไหนเล่มนั้น..หลังจากวิเคราะห์เจาะลึกว่าคุณเป็นใครแล้ว ตอนจะปรับปรุงใจคุณให้ดีขึ้น..ก็มักจะมีการพูดถึง Mindfulness มายด์ฟูลเนส หรือเรื่องสติ..(แต่แบบฝรั่งๆ..บางทีก็มาทางพุทธเลยเช่นสายจิตวิทยาบวก)...

คุณอาจรู้สึกว่า คุณก็อ่านหนังสือธรรมะ ฟังธรรมะอยู่ทุกวัน ก็ถือว่าได้ภาวนาเหมือนกัน…ได้ครับ..ถ้าคุณมาฐานคือกำลังสติดีพอ…ผมเอง ผมอ่านมา 20 ปี ครับ..รู้เยอะครับ ขนาดเคยทำกลุ่มศึกษาพุทธศาสตร์ ลาดกระบัง ตอนเรียนอยู่ที่นั่นเป็นกลุ่มบุกเบิกเลย… ผมมีส่วนวางรากฐานของชมรม และเป็นสาเหตุของการพาคนมาบวชเรียนไม่ต่ำกว่า 200 คน…สมัยก่อนเรียกว่าอ่านหนังสือศึกษา เพื่อไปตอบคำถาม เพื่อโน้มน้าวชวนคนไปบวช…ดูเหมือนผมรู้เยอะๆ…20 ปีมาแล้วที่ผมฟังเทป ซีดีธรรมะมันทุกวัน..ฟังมาเป็นพันตอนแล้วครับ…หนังสือนี่ทุกสำนัก..แต่ขอโทษครับ..เมื่อมองย้อนกลับไป ผมเหมือนรู้มากๆครับ..แต่สามารถทำผิดศีลได้ไม่ยาก…กำลังคิดถึงธรรมะอยู่ดีๆ นี่แหละ เจอวงเบียร์ในหมู่บ้าน…ลืมครับ..ถึงขั้นเข้าไปนั่งคุยปรัชญาชีวิต พร้องเมาเบียร์กลับบ้าน ไปโกหก ภรรยาว่าไม่ได้กินเบียร์เยอะนะ กระป๋องเดียวเอง  ทั้งสุราเมรยะ และมุสา นี่ผิดได้ไม่ยาก…ผิดแบบหน้าตาเฉย อาจหลังอ่านหนังสือธรรมะมาแล้วด้วย…แถมสนุกๆกับการทำผิดอีก

นี่อะไรหรือครับ..เท่าที่ผมค้นพบการอ่านมากๆ..มันเป็นพียงการสะสมสัญญาครับ..มันคือสัญญาที่มากขึ้น และก็น่ากลัวมาก เพราะที่สุดที่ผมเจอคือ…มันไปกระตุ้นปรุงแต่ง ออกมาเป็นการดูหมิ่นครูบาอาจารย์..การถือตัว ถือดี…มันเห็นชัดมากๆ…ตอนสัปดาห์แรก ผมเป็นเอามาก ผมถึงกลับไปถามหลวงพี่

“หลวงพี่ครับ..ผมอยากสึก…เพราะปรุงแต่งออกมาเป็นการดูแคลนครูบาอาจารย์หมด…ตั้งแต่ท่านพุทธทาส หลวงตาบัว จนถึงหลวงพ่อกล้วย…ผมต้องบาปหนา หนักแน่ๆ…อยู่เป็นฆราวาสยังไม่ขนาดนี้…”

ที่สุดหลวงพี่พระอาจารย์เลยบอกว่า

“หลวงพี่ก็เป็น ตอนบวชใหม่ๆ เดี๋ยวมันคลายไปเอง…ส่วนเรื่องบาป…มันปรุงก็ปรุงไป…ถ้าเราไม่ยินดีกับมันก็ไม่บาป”

….ต่อมาหลวงพ่อกล้วยท่านก็เมตตาสอนว่า

 “มันเป็นอาการของสัญญา”

….ครับสัญญานั่นเอง…ที่อาจมาจากการสั่งสม สัญญาเดิมๆ จนปรุงแต่งหนาเต๊อะ ครอบงำความคิดครอบงำใจของเรา...ดังนั้นอ่านเอาก็ได้นี่…ถ้าคุณมีกำลังสติไม่พอ (คือไม่ฝึก) และถ้าไม่ดับรับรองก็ยังคงเป็นสัญญา (ความจำ) ครับ..คือยังเป็นกรรมอยู่ เผลอเมื่อไร่ ไอ้ที่คุณสะสมไว้..จะเผยตัวมาผลักดันต่อยอดกรรม ให้คุณได้อีกครับ…แถมปรุงแต่งผันพิสดารจนคุณลืมต้นตอที่มามันไปเลย

ที่เขียนนี่ยังไม่บรรลุธรรมขั้นไหนทั้งนั้นครับ…เขียนจากประสบการณ์ตรงที่ผมประทับใจครับ วันนี้เขียนในแง่ปรากฏการณ์…ยังมีอีกในเรื่องของกระบวนการที่อยากบันทึกไว้ โปรดติดตามตอนต่อๆไปนะครับ

ในส่วนของเนื้อหาของตอนนี้..ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ..

หมายเลขบันทึก: 510611เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2012 10:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เพียงแค่เติมคำว่า "ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ" ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นความอ่อนน้อมของผู้เล่าไปได้ในทันทีจริงๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

อ่านแล้วพลอยยิ้มตามค่ะ

นึกถึงรุ่นพี่ที่มีอาชีพเป็นเซลขายมือถือ

มีโอกาสไปเข้าคอร์ส...สะสางสัญญา คอร์สละสิบวัน

เพียงแค่จับความรู้สึกของลมหายใจเข้าออก พี่บอกว่า ไปครั้งที่สิบ ถึงจับเป็นค่ะ 

จิตฟุ้งซ่าน สัญญาถูกขุดคุ้ย ดีตรงที่ เข้าใจขั้นตอน ว่า ไม่ปรุงไม่สังขารเพิ่ม 

นั่นหมายถึงว่า กระบวนการรื้อสางสัญญา ใช้เวลาร่วมร้อยวันเชียว

ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับประสบการณ์ ที่นำมาแบ่งปัน

 

และนึกถึงธรรมบรรยายถึงนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง

นั่งภาวนาแล้วตัวลอยค่ะ ๕๕๕ สัญญาไม่ธรรมดาจริงๆ

ชัดว่า...กระบวนการฝึกสติรู้อยู่กับกายนั้น เหมือนวงแหวนของประจุไฟฟ้าในขดลวด

ที่ใช้ในกระบวนการหลอม...แปรธาตุเหล็กให้บริสุทธิ์

ขออภัยนะคะ พูดตามภาษาชาวบ้านจริงๆ แต่เข้าใจเพราะมีโอกาสได้ไปสามครั้ง

บอกตนเองว่า "เครื่องร้อนจัดเมื่อไหร่ เราเจอกันนะ" 

โห...ร้อนจนฟิวขาดกระจุย (มาลงที่นี่ GtK. ทั้งกระบิเลย ฮาไม่ออก)

ช่วงนั้นภาวนา จนนิ่งเป็นสมาธิระดับหนึ่ง ปัญหาที่ค้างคาจะสะท้อนเป็นคำตอบในฝัน

แต่กระบวนการ ยังไปไม่ถึงจังหวะ วาง หรืออุเบกขาค่ะ 

คงได้ฝึกที่นี่ GtK.เลยมังนะ อิอิวิบากแรง จัดจ้านหน่อย

คอร์สนั้น ต้องเก็บตัว เข้าเงียบเลยทีเดียวค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท