ชีวิตนักศึกษาหอใน อยู่ในที่ที่ ไกลเมือง และในวันที่เพื่อน ๆ คนอื่นเขากลับบ้านกัน ส่วนคนที่ไม่กลับบ้านกลับช่อง อย่างฉันนั้น ไม่ใช่ว่า..ไม่คิดถึงบ้านนะ แต่แค่อยากลองอยู่ที่หอแบบคนน้อย ๆ เงียบ ๆ ดูบ้าง อยากสัมผัสโอกาสงาม ๆ ที่ได้มีเวลาให้ตัวเอง ไม่มีคนมาก ไม่วุ่นวาย :)
โอกาสงาม ๆ ได้เริ่มขึ้นในช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะ ช่วงบ่าย นั้นตอนแรกฉันจะมีงานที่ต้องทำ จึงคิดว่าจะให้เวลากับงานนั้นเต็มที่ยังไม่ทำอย่างอื่น แต่สุดท้าย... ยกเลิกค่ะ เอาเถอะอย่างน้อยก็ได้พักในช่วงที่รองาน
ที่จริงเที่ยงคืนเป็นเวลาที่คนปกติ ย้ำ ! คนปกติ นอนกันแล้ว 555 แต่ฉันยังไม่นอนเพราะ...
การกลับบ้านของเพื่อน ทำให้คนเหลืออยู่น้อย เมื่อคนน้อย กิจกรรมร่วมกันก็น้อย แต่ละคนเริ่มมองหา กิจกรรมของตัวเอง สำหรับห้องนอนของฉันเหลือกัน 3 คน จาก 12 ช่างน้อยนิด จึงคิดว่าการดูภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่การดูภาพยนตร์นั้นกว่าจะเริ่มขึ้นได้ก็ต้องเสียเวลากับการนั้งคุยกันก่อน ต่อด้วยอาบน้ำ กว่าจะลงตัวทุกคนพร้อมกันตอนห้าทุ่มกว่าๆ เลือกเรื่องอีก สุดท้ายได้เรื่องนี้มา รัก 7 ปี ดี 7 หน ภาพยนตร์ของค่ายหนังคุณภาพค่ายหนึ่งที่วัยรุ่นโปรดปราน
การได้ดูภาพยนตร์ที่ตอนแรกคิดว่าไม่อยากดู เมื่อได้ดูแล้ว กลับคิดว่า ถ้าไม่ได้ดูคงจะพลาดอะไรไปหลาย ๆ อย่าง
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ เอาเท่าที่จับประเด็นหนังได้ก็แล้วกัน ...
ภาพยนตร์เรื่องนี้ในหนึ่งเรื่องจะถูกแบ่งเป็น 3 ตอน และเป็นช่วงอายุ ที่ห่างกันทุกๆ 7 ปี
14
ตอนแรก และเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวฉันมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องของช่วงวัยรุ่น ที่กำลังหลงใหลอยู่กับโลกไซเบอร์ การท่องอินเตอร์เน็ตและการมีเพื่อนบนโลกออนไลน์
เรื่องมีอยู่ว่า คู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเป็นพวกท่องโลกไซเบอร์อยู่เป็นประจำ ชอบอัพ status facrbook ชอบอัพ youtube เขาก็ได้นำคลิปที่เขาได้ถ่ายแฟนของเขาไว้ไปโพสใน youtube ตอนแรกเขาดีใจที่เห็นยอดวิวเยอะ แต่ผลที่ได้ตามมามีคนไปแสดงความเห็นทั้งในเชิงบวกและเชิงลบเป็นเหตุให้แฟนของเขาโกรธ ทะเลาะกัน และด้วยความที่เขาถล่ำลึกลงไปให้ความสำคัญกับโลกไซเบอร์ เขาก็ยังได้นำเรื่องไปปรึกษาคนในโลกไซเบอร์อีกทำให้แฟนของเขาเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับคนในโลกไซเบอร์มากกว่า
ฉันคิดว่า ถึงแม้ประโยชน์ของโลกไซเบอร์จะมีอยู่มากก็จริง แต่เราควรใช้มันให้ถูกต้องนะ เช่นการได้บอกเล่าเรื่องราว ก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ดีๆให้กันแบบ GTK เนี้ย ถูกต้องละ :)
เรื่องนี้ได้สอนให้ฉันได้รู้ว่า เราควรจะให้ความสำคัญต่อคนที่เรารักและรู้จักตรงหน้า มากกว่าคนที่ไม่รู้จักในโลกไซเบอร์
21/28
ตอนที่สอง เรื่องราวอาจจะใกล้ตัวละ อิอิ อายุ 20 ต้นๆ วัยของคนที่กำลังมีความรัก เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตคู่รักที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลของฝ่ายหญิงที่อยากกลับมาร่วมงานกับฝ่ายชายอีกครั้ง หลังจากที่เลิกกันมานานราว 7 ปี ด้วยเหตุผลของฝ่ายหญิงที่ว่า "ก็ถ้าคนเก่ามันเวิร์ค...แล้วจะไปมีคนใหม่ทำไม" เลิกรากันไปแบบเจ็บ ๆ จึงทำให้โอกาสที่ฝ่ายชายจะยอมกลับมา ยากมาก ! การได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเหมือนเป็นการได้ปรับความเข้าใจกัน และสุดท้ายบทสรุปตอนจบของเรื่องนี้ก็ได้ จบแบบ Happy ending ด้วยคำพูดที่ว่า " เธอคิดว่า...เราจะกลับมารักกันอีกได้ไหม ? "
เรื่องนี้ ก็ได้ให้ข้อคิดว่า ความรักที่ดี ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ :)
42.195
ตอนที่สาม ที่อายุไกลตัวที่สุดแต่กลับได้ให้ข้อคิดและแรงบันดาลใจอะไรมากที่สุด เรื่องเกี่ยวกับการวิ่งมาราธอน ความเจ็บปวดและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ :)
ประโยคหลายๆ ประโยคในภาพยนตร์ที่ได้ฟังแล้วจับใจ
+ มาราธอนเป็นโลกที่ไม่มีใครรอบตัวที่เรารู้จัก + การวิ่งมาราธอน อย่างน้อยก็เพื่อให้ทุกปีของตัวเอง "มีเป้าหมาย" + ถ้าเราวิ่งมา 2-3 เดือน เราจะรู้สึกว่า "เราไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ" + ขอให้มีความสุขกับมาราธอน ครั้งแรกนะครับ + จะเหนื่อยแค่ไหน "พรุ่งนี้ก็วันใหม่ละคุณ" + คุณไม่จำเป็นต้องมากดดันตัวเองให้ทำในเรื่องที่ไม่อยากทำหรอก + ถ้าคุณอยากวิ่ง คุณวิ่งแค่กิโลเดียวก็พอ.. แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ละก็.. คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน + มันจะหนักหนาแค่ไหนร่ายกายมันก็ปรับตัวได้หมดแหละ ถ้าคุณไม่ฝืนอีกนิดหนึ่ง ไม่ทนอีกนิดหนึ่ง ชาตินี้ก็ไม่พัฒนาไปไหนหรอก
เนี้ยแหละประโยคเด็ดๆ ที่นำไปเป็นข้อคิดได้มากเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่งที่ฉันคิดว่าควร ก้าวตาม ฉันคิดอยากจะวิ่งมาราธอนมานานมากแล้ว หวังว่าสักวันหนึ่ง เราคงจะได้วิ่งมาราธอนและได้พบชีวิตใหม่
และประโยคสุดท้ายที่นานำไปใช้ คือ เหตุผลเดียวของการใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์คือ...เคลื่อนที่ไปให้ผ่าน 7 ฟุตข้างหน้าเพื่อที่จะพบการเปลี่ยนแปลงใน 7 ฟุตถัดไป คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ฉันคิดว่าการที่เราดูละคร หรือภาพยนตร์ ถ้าเรามีการเรียนรู้ คิดตาม และนำเอาข้อคิดต่างไที่ได้ไปใช้ มันก็เป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย
และจากการที่เป็นคนชอบดูละคร ภาพยนตร์ต่างๆ ( แม้จะเป็นเรื่อง มุตา ก็ตาม 555 )
ทำให้เชื่อว่า ทุกอย่างที่มนุษย์สร้างสรรค์ออกมาให้กับผู้คนย่อมมีประโยชน์และแฝงไปด้วยข้อคิดแน่นอน :)
ขอบคุณภาพยนตร์ดีๆ จากค่ายหนังคุณภาพ GTH
เก่งมากครับ ;)...
กระบวนการแบบนี้เราเรียกว่า "การถอดบทเรียน"
ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญกระบวนการหนึ่งในเรื่อง "การจัดการความรู้"
ภาพยนตร์นี้มีประโยชน์มากจริง ๆ สามารถสอนอะไรหลายอย่างให้เราได้คิด
หากได้ลงมือทำตามนั้น จะมีประโยชน์ที่สุด
ครูขอให้กำลังใจครับ ;)...
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ ที่จริงภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อนๆก็ได้ดูกันมาก คงจะได้ข้อคิดไปใช้เหมือนกันค่ะ :)
พอเพื่อนเอามาลงแบบนี้...อยกดูบางละสิ....ถอดบทเรียนมาหมดเลย....ดูแล้วเหมือนจะได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างนะ... เดียวดูบ้าง :)
เก่งทั้งเพลง และ หนัง เชียวนะ
คุณ รถเดือน ลองดูสักครั้งนะคะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ดีจริงๆ ทั้งยังสนุกอีกด้วย ขอให้ได้ข้อคิดดีๆ จากการรับชมค่ะ :)
ขอบคุณมากนะคะ คุณ ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
หนูเพิ่งเริ่มเขียนค่ะ ค่อยๆเรียนรู้และพัฒนาไปเรื่อยๆ จะพยายามต่อไปค่ะ :)