โบนัสหลังเกษียณ เยือนสามชาติในยุโรป ตอนที่ 2 เที่ยวอิตาลี (ต่อ)


พอรู้ว่า จะได้ไปเที่ยวเมืองปิซา ผู้เขียนก็หวนคิดถึงการทดลองของกาลิเลโอที่หอเอนเมืองปิซา ตามที่เคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ และพอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเมืองเวนิส ผู้เขียนก็หวนคิดถึงบทละครแปลในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง "เวนิสวาณิช" ที่เคยเรียนในวิชาภาษาไทย

Large_1italy

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม ท่องเที่ยวเมืองปิซา วันพุธที่ 17 ตุลาคม ท่องเที่ยวเมืองเวนิส

Large_1pandv

พอรู้ว่า จะได้ไปเที่ยวเมืองปิซา ผู้เขียนก็หวนคิดถึงการทดลองของกาลิเลโอ ที่หอเอนเมืองปิซา ตามที่เคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ และพอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเมืองเวนิส    ผู้เขียนก็หวนคิดถึงบทละครแปลในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง "เวนิสวาณิช" ที่เคยเรียนในวิชาภาษาไทย และมีความซาบซึ้งใจในพระปรีชาสามารถด้านวรรณกรรมหลายแขนงของพระองค์ จนได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า"

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม ท่องเที่ยวเมืองปิซา

ตามสูตรของไกด์ 06.00 น. คือ เวลาปลุกให้ตื่นนอน 07.00 น. คือ เวลารับประทานอาหารเช้า และ 08.30 น. คือเวลารถออก แต่ผู้เขียนตื่นเองตั้งแต่ประมาณ 03.30 น. (ที่กรุงโรม หรือประมาณ 08.00 น.ที่เมืองไทย ตามที่ได้เรียนท่านผู้อ่านไปแล้วว่า เวลาใน 3 ประเทศที่เดินทางท่องเที่ยวใน Trip นี้ จะช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง) เพื่อนำภาพที่ถ่ายที่กรุงโรมถ่ายลง Notebook และ Posted ตัวอย่างภาพที่โรมให้สมาชิก GotoKnow ดู คณะผู้จัด Trip ได้จัดให้ผู้เขียนนั่งรถคันที่ 2 เหรัญญิกในการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ ได้เก็บเงินค่าทิปพนักงานขับรถจากลูกทัวร์ หัวละ 2 ยูโรต่อคนต่อวัน  ก่อนขึ้นรถก็มีการถ่ายรูปร่วมกันตามระเบียบ แล้วขึ้นรถเพื่อเดินทางจากกรุงโรมไปยังเมืองปิซา ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของอิตาลี (โปรดดูแผนที่แสดงเส้นทาง และที่ตั้งเมืองในภาพบนประกอบ)

Large_2fromrometopisa

Large_3ladies

Large_4pisa

พอเดินทางถึงเมืองปิซา ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ไกด์พาลูกทัวร์ไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารจีน ผู้เขียนแปลกใจที่พบต้นบานเย็นปลูกไว้หน้าร้าน ไม่คิดว่าเมืองหนาวจะปลูกบานเย็นได้ "บานเย็น" เป็นดอกไม้มรดกแม่ ที่ผู้เขียนเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นที่บ้านแม่ไปปลูกตั้งแต่ปี 2520 แล้วเก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้รู้สึกว่ามีแม่อยู่ใกล้ๆ ความแปลกของดอกไม้ชนิดนี้ คือ มีทั้งต้นที่มีดอกสีบานเย็นสีเดียว สีส้มสีเดียว สีเหลืองสีเดียว และต้นที่มีดอกทั้งสามสีปนกันในดอกเดียว และมีต้นที่มีดอกสีขาว แต่ไม่ผสมกับสีอื่น หลังอาหารกลางวัน กรุ๊ปทัวร์ได้เดินทางไปยังหอเอนเมืองปิซา ซึ่งไกด์ได้ปล่อยให้ลูกทัวร์เที่ยวชมและถ่ายภาพตามความพอใจ และนัดเวลาขึ้นรถ

จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเมืองปิซ่า สรุปได้ว่า เมืองปิซ่า อยู่ในแคว้นทัสกานี่ ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของอิตาลี โดยตั้งอยู่ที่ฝั่งขวาของปากแม่น้ำอาร์โน (มีประชากรมากกว่า 88,332 คน) มีชื่อเสียงทั่วโลกจากการเป็นที่ตั้งหอเอนเมืองปิซ่า : Pisa is a city in Tuscany, Central Italy, on the right bank of the mouth of the River Arno. It is known worldwide for its leaning tower. (http://en.wikipedia.org/wiki/Pisa)

หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม : Piazza Del Duomo (ดังภาพบนซ้าย) หอเอนเป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา (ดังภาพกลางที่ผู้เขียนถ่ายภาพกับน้อง Roomate) เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตันค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชม เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังมีการขุดดินของอีกด้านหนึ่งออกเพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง พร้อมการประกาศว่ามีความสมดุลแล้ว ในปี ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Del Duomo นับเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%)

ในปี ค.ศ. 1934 กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) เคยใช้หอเอนทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้

กลุ่มย่อย 3 คนประกอบด้วยน้อง เพื่อนและผู้เขียน (ในภาพขวาบนที่ถ่ายกับหอเอน) เป็นลูกทัวร์กลุ่มเดียวที่เดินเลยจากหอเอน ทำให้ได้พบและถ่ายภาพกับรูปปั้นเด็กกินนมสุนัขตามเรื่องเล่าของชาวอิตาเลียน (ดังภาพล่างซ้าย) หลังจากนั้น ลูกทัวร์ก็ได้เลือกซื้อของที่ระลึกซึ่งมีแผงจำหน่ายบริเวณทางเข้าจัตุรัสดังภาพล่างขวา เมื่อได้เวลานัดทุกคนก็ขึ้นรถ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองเวนิส ไปถึงในตอนค่ำแล้วแวะรับประทานอาหารเย็นซึ่งเป็นอาหารพื้นเมือง ก่อนเข้าพักที่โรงแรม

เช้าวันพุธที่ 17 ตุลาคม ท่องเที่ยวเมืองเวนิส

หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ไกด์ได้พาลูกทัวร์เดินทางไปที่ท่าเรือตรอนเชโต้ เพื่อลงเรือข้ามไปยังเกาะที่เป็นศูนย์กลางของเมืองเวนิส (ภาพล่างซ้ายคือภาพเมืองที่ผู้เขียนถ่ายจากบนรถขณะรถวิ่งเข้าเขตเมืองในเย็นวันที่ 16 ตุลาคม มองเห็นเรือขนาดมหึมาอยู่ด้านหลัง ซึ่งจอดอยู่ใกล้ท่าเรือตรอนเชโต้ ภาพขวาเป็นภาพรุ่นพี่ที่เกษียณแล้วแต่ยังทำงานที่คณะต่อไป ผู้เขียนขอให้เป็นนางแบบถ่ายกับเรือขนาดใหญ่ในเช้าวันที่ 17 ตุลาคม) 

Large_9-v

Large_8veniceu

จากการสืบค้นข้อมูลหลายแหล่งเกี่ยวกับเมืองเวนิส สรุปได้ว่า เมืองเวนิส (อังกฤษ: Venice) หรือ เวเนเซีย (อิตาลี: Venezia) เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2547) เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water) เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light) เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะเข้าด้วยกันโดยสะพานเชื่อมกว่า 400 แห่ง ในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก

ขณะนั่งเรือ จะมองเห็นทัศนียภาพบนฝั่งของเกาะซานมาร์โคที่พวกเราจะไปเที่ยวชม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองเวนิส เห็นภาพจัตุรัสเซนต์มาร์คที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง ดูงดงามมาก (ดังภาพล่าง เรือที่เห็นในด้านขวาของภาพ เป็นเรือประเภทเดียวกันกับเรือที่พวกเรานั่ง)

Large_10dsc00154-crop 

เมื่อไปถึงฝั่ง ไกด์ได้นำชมสถานที่ต่างๆ ประกอบคำอธิบาย พอถึงจัตุรัสเซนต์มาร์ค ไกด์ได้ปล่อยให้ลูกทัวร์เดินชมและถ่ายภาพตามความพอใจ จัตุรัสเซนต์มาร์คเป็นที่ๆ ลูกทัวร์ถ่ายภาพกันมากที่สุด ในภาพคือผู้นำครอบครัวที่มากันทั้งบ้าน (พร้อมภรรยาและลูกทั้งสาม) และถูกแซวว่า เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ท่านเดินทางท่องเที่ยวกับคณะเป็นครั้งแรกLarge_11dsc00203-crop 

พอได้เวลานัด ลูกทัวร์ก็ไปล่องเรือกอนโดล่า ตามความสมัครใจ โดยคิดค่าเช่าเหมาลำ ลำละ 4,800 บาท ให้ลงเรือได้ลำละ 6 คน เฉลี่ยค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 800 บาท ลำที่มี 5 คน เป็นตัวหาร (ดังในภาพซ้ายที่มีคนเดียวเพศชายเป็นอาจารย์ในคณะ นอกนั้นเป็นผู้ติดตาม) แต่ละคนต้องจ่ายมากขึ้น ผู้เขียนเองลงเรือกับครอบครัวของน้อง Roomate ครบ 6 คนพอดี ตอนจะลงเรือ ผู้เขียนทำหน้าที่จัดที่นั่งอย่างฉับพลันโดยอัตโนมัติ บอกให้น้อง Roomate และสามีไปนั่งคู่กันที่ที่นั่งตอนหัวเรือติดกับคนพาย ลูกสาวสองคนของน้องให้นั่งที่ตั่งถัดมาหันหน้าเข้าหากัน (ดังภาพขวา) ผู้เขียนนั่งตั่งเดี่ยวถัดมาอีก และลูกชายของน้องให้นั่งที่ท้ายเรือ บนฝั่งภรรยาของเพื่อนผู้เขียนแซวว่า เหนือเชาวน์ประภา (น้อง Roomate) ยัง มีวิไล ผู้เขียนรู้เพราะมีการนำไปแซวกันบนรถ ปกติน้องเชาวน์จะถูกมองว่าเป็นคนชอบจัดการกับคนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในครอบครัว ในขณะที่ผู้เขียนจะไม่ค่อยจัดการใคร การล่องเรือใช้เวลาประมาณ 40 นาที ลงเรือจากจุดเริ่มต้นไปตามคลองแคบๆ ระหว่างซอกตึก 2 ข้าง ต้องลอดสะพานหลายแห่ง มีช่วงที่ออกแม่น้ำที่เรานั่งเรือข้ามฟากมา แล้ววนกลับมาขึ้นที่เดียวกับที่ลงเรือ

Large_12gondola

ตอนเดินกลับไปยังจุดนับพบ พวกเราพบจิตกรนั่งวาดภาพเพื่อจำหน่าย เสียดายว่าไม่มีเวลาชมนานเพราะใกล้ถึงเวลานัด ผู้เขียนเองก็พอจะมีฝีมือด้านนี้ ตอนสอบปลายภาควิชาวาดเขียน (ชั้น ม.ศ.3 โรงเรียนประจำจังหวัดยโสธร) คุณครูนำกล้วยสุก 1 หวีไปแขวนไว้ที่ขอบบนของกระดานดำ แล้วให้นักเรียนวาดภาพและระบายสีด้วยสีน้ำ ตอนที่ทำข้อสอบ คุณครูไปยืนดูผู้เขียนอยู่นานมากจนอึดอัด ผลการตรวจ คือ ผู้เขียนได้คะแนนต่ำกว่ามือฉมังในการวาดภาพ (ผู้ชาย) 1 แต้ม (ผู้เขียนเพิ่งย้ายไปเรียนโรงเรียนนั้นไม่กี่เดือน) ภาพล่างผู้เขียนถ่ายกับเพื่อน (คนซ้ายสุด) และ Roomate คนขวาสุด กับลูกสาวทั้งสองบริเวณท่าเรือ ก่อนลงเรือกลับไปรับประทานอาหารกลางวัน บนฝั่งที่เป็นที่พักเมื่อคืนที่ผ่านมา (ด้านหลังมองเห็นจัตุรัสเช็นต์มาร์คที่เราเพิ่งไปชมมา) 

Large_13venice

นับว่าโชคดี ที่กรุ๊ปทัวร์ของเราไปเที่ยวเมืองเวนิสในขณะที่สภาพดินฟ้าอากาศยังปกติดี เพราะเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพน้ำท่วมในเมืองเวนิส (ซึ่งจะเห็นว่า เป็นภาพบริเวณจัตุรัสเซนต์มาร์ค) โดยข้อข่าวมีใจความสำคัญว่า "จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมซึ่งหนักเป็น 6 เท่าของน้ำท่วมที่หนักที่สุดของเวนิสในปี 1872 หรือกว่า 150 ปีมาแล้ว น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้พื้นที่กว่า 70 เปอร์เซนต์ของเมืองจมอยู่ใต้น้ำที่ท่วมสูงกว่า 150 ซม. แต่ผู้คนซึ่งเคยชินกับเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เนื่องจากเวนิสเป็นเมืองที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี" (http://news.mthai.com/world-news/201899.html)

Large_floodขอ

ผู้เขียนขอปิดฉากการเที่ยวเมืองเวนิส ด้วยการพาท่านผู้อ่านไปพบกับความซาบซึ้งใจในตอนสำคัญของ "บทละครเรื่อง เวนิสวาณิช" (อังกฤษ: The Merchant of Venice) ซึ่งเป็นบทละครของ วิลเลียม เชกสเปียร์ ที่เชื่อว่าแต่งขึ้นในราวปี ค.ศ. 1596-1598 จัดอยู่ในประเภทละครชวนหัว แต่ต่อมาได้รับการยอมรับให้เป็นวรรณกรรมโรแมนติก ในบรรดาผลงานของเช็คสเปียร์ทั้งหมด เนื่องจากมีฉากรักที่โดดเด่นมาก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลเป็นกลอนบทละครในปี พ.ศ. 2459 บทที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ก็คือ

"The quality of mercy is not strain'd, It droppeth as the gentle rain from heaven."

พระราชนิพนธ์แปลความว่า "อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน"

และอีกบทหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก คือ

Tell me where is fancy bred, Or in the heart, or in the head? How begot, how nourished? Reply, reply. It is engender'd in the eyes, With gazing fed; and fancy dies, In the cradle where it lies. Let us all ring fancy's knell. I'll begin it,--Ding, dong, bell.

พระราชนิพนธ์แปลความว่า "ความเอยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือเริ่มในสมองตรองจงดี แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่ ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย ตอบเอยตอบถ้อย เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย ตาประสบตารักสมัครไซร้ เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย"

()

และขอปิดฉากการเที่ยวอิตาลี (Italy [English], Italia [ Italy]) ด้วยภาพของที่ระลึกที่ซื้อ/ได้รับเป็นรางวัล จาก 3 เมืองในอิตาลี (Rome, Pisa, and  Venice) ที่ได้ไปเที่ยวชม นะคะ

Large_15souvvenirfromitaly

ขอบคุณทุกท่าน ที่ร่วมเที่ยวชม ให้กำลังใจและแวะมาทักทายพูดคุย โปรดอย่าลืมติดตามตอนที่ 3 เที่ยวสวิทเซอร์แลนด์ ดินแดนที่สวยงามและประทับใจยายไอดินมากที่สุด ใน Trip นี้ นะคะ

Large_swit1


 

หมายเลขบันทึก: 509084เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2012 00:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2013 10:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ได้ความรู้ดีดีมากเลยค่ะ ...ขอบคุผรมากค่ะ

 

 

 

  • ขอบคุณ "Dr.PleIco128" และลูกสาวคนสวยทั้งสองมากนะคะ ที่อุตส่าห์แวะมาเป็นกำลังใจยายไอดินในตอนดึกๆ

                  

                          Ico_48548_1

  • ขอบใจ "หนูอริษาIco128" มากนะคะ ที่มาให้กำลังใจอาจารย์อย่างต่อเนื่อง
  • วันศุกร์หนูได้ไปพบอาจารย์ไหมคะ ช่วงนี้อาจารย์มีปัญหาสุขภาพ วันศุกร์ 10.30 น.อาจารย์ออกไปพบนักศึกษาที่ติดต่อขอแก้ I แล้วก็มีอาการปวดท้อง จุกเสียดมาก (อาการโรคกระเพาะ เพราะภาคเรียนที่แล้ววันจันทร์อาจารย์ทานข้าวเที่ยงควบเย็นประจำ) โทรฯ ถามหลานที่เป็นหมอที่โรงพยาบาล 50 พรรษาเธอก็ไม่ว่างตรวจ แนะนำให้ไปซื้อยาลดกรดและยาแก้จุกเสียดที่อาจารย์ทานมาแล้วตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. และนัดตรวจวันจันทร์ 11.00 น. อาจารย์เลยต้องกลับไปทานยาและพักอยู่ที่บ้าน ไม่มีแรงลุกขึ้นทำอะไร ถ้าตรวจแล้วพบว่าไม่เป็นอะไรมาก วันอังคารก็คงได้เข้าไปเคลียร์งานที่คณะค่ะ  
  • ขอบใจ "ชวลิตIco128" นะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจอาจารย์ ทราบผลการเรียนแล้วยังคะ อาจารย์รอการติดต่ออยู่นะคะ

สวัสดีค่ะยามเย็นค่ะ... ป้าวิ..(น้องเขียนช่วงเย็นๆ แต่ป้าวิจะได้อ่านตอนไหนน๊า??? )

ได้อ่านเรื่องเล่าและชมภาพแ่ห่งความประั้ทับใจของป้าวิ ในทริบนี้  ก็พลอยสุขใจไปด้วยค่ะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันค่ะ

ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่นั่งกอนโดล่าล่องไป...เสียงเพลง "ซานตาลูเซีย" ซึ่งเป็นเพลงที่ชอบค่ะ ได้ยินพ่อเ่ล่นบ่อยๆ ...ครั้งนั้นเมื่อได้ฟังเสียงร้องขณะที่คนร้องทำหน้าที่พายเรือให้เรานั่งด้วย  แหมชวนอินกะบรรยากาศค่ะป้าวิ  ... เพลงพื้นเมืองของอิตาลี  ได้ฟังตามสำเนียงร้องที่นั่นก็ยิ่งจะเพิ่มความไพเราะมากมาย ..ป้าวิคงได้ยินเช่นกันนะค่ะ  หรือว่าร้องคลอไปด้วยค่ะ??  ..:-))

 

  • อ่านตอนนี้แหละค่ะ "น้อง Dr.KwanchaIco128" ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจทักทายพูดคุยประสาคนที่รักธรรมชาติ รักเสียงดนตรีเหมือนกัน
  • ไม่ทราบว่าน้องไปนั่งเรือ Gondola เมื่อไหร่นะคะ ตอนที่พี่ไปไม่ได้มีเสียงเพลงสร้างบรรยากาศอย่างที่น้องบอกเลย เรือค่อนข้างคับคั่ง และคนพายก็ตะโกนคุยกับเพื่อนเสียงโหวกเหวก เราซักถามข้อสงสัยเป็นภาษาอังกฤษเขาก็ฟังไม่เข้าใจ ตอบข้อสงสัยให้ไม่ได้ ก็เลยได้แค่ประสบการณ์การนั่งเรือค่ะ แหมถ้ามีเสียงเพลงให้ฟังอย่างที่น้องว่า ก็คงจะสร้างบรรยากาศได้ดีขึ้นมากเลยนะคะ จะว่า เป็นเพราะคนนั่งเป็นผู้สูงอายุเลยทำให้คนพายไม่อยากร้องก็ไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะที่นั่งไปด้วยกันมีสาวสวยสองคนที่เป็นลูกของอาจารย์ที่เป็น Roomate ของพี่ค่ะ
  • พอหนูใช้คำแทนตัวว่าน้อง ป้าวิก็เลยพลอยใช้คำแทนตัวว่าพี่ไปเลยค่ะ   
  • ขอบคุณมากค่ะ สำหรับดอกไม้กำลังใจจาก "อ.นุIco128"

-สวัสดีครับ..

-ตามมาเที่ยวครับ..

-น่าไปมาก ๆ อยากไปคงต้องรอเกษียณก่อน 555

-ตอนนี้ขอตามไปเที่ยวแบบฟรี ๆ ก่อนละกันนะครับ..

-ขอบคุณครับ

 

สวัสดียามเย็นค่ะป้าวิ

เพี่งกลับจากสอนเสร็จ เลยนั่งตอบความเห็นและดูรูปของป้าวิ ที่ไปเที่ยว ก็เพลินๆ  ขอบคุณค่ะ ได้เที่ยวไปด้วย ได้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย  ...จึงเห็นว่า ป้าวิเขียนถามไว้ น้องเลยเขียนเพิ่มเิติมค่ะ  เอาเป็นว่า  กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว  ประมาณช่วงวัยที่เหมาะกับที่ผจญโลกกว้าง ..ค่ะป้าวิ

ถ้าย้อนหลังกลับไป ได้แวะไปอิตาลีเมื่อสัก 15 ปีก่อนโน้นค่ะ ช่วงที่เรียน PhD อยู่ที่ UK ค่ะป้าวิ   ไปจากที่นั่นก็ไม่ยากและเดินทางไม่ไกลด้วยค่ะ วีซ่าก็ไม่ได้ทำมากมาย ทำหนึ่งประเทศก็ได้ใช้ทั่วยุโรบ ตอนนั้นยังไม่ใช้เงินยูโร ก็ต้องแลกเงินก่อนไปเล็กน้อย  แต่มีเงินปอนด์ในมือก็ค่อนข้างแข็งหน่อยสมัยนั้นค่ะ 

ที่ได้ตัดสินใจไปทริบนี้เพราะมีเหตุบังเอิญ   เพราะมีเรื่องเสียใจ จากชุดการทดลองที่เก็บข้อมูลมาต่อเนื่อง สัตว์ทดลองตายหมดเพราะระบบไฟมีปัญหา growth chamber ที่เราใช้เก็บชุดทดลองไว้อุณหภูมิสูงขี้น  เลยเครียดจังหล่ะค่ะ ก็อยากกลับเมืองไทยน่ะซิค่ะ ถ้าทำพลาดก็ต้องเริ่มตันใหม่   จึงรอปรับสภาพใจ  ต้องออกไปจากแล็บก่อนมาตั้งตัวใหม่  เพื่อนๆในกลุ่มก็ให้กำลังใจรวมถึงที่ปรึกษาค่ะ   ช่วงนั้นพอดีมีเพื่อนจะไปทริบที่อิตาลี  อาจารย์ที่ปรึกษาเลยอนุญาตให้ไป จะได้ไม่รู้สึกแย่เกินไป ท่านน่ารักค่ะที่เข้าใจ และเราก็ไม่เคยเกเรค่ะ ทำงานตลอด   ในหนี่งปี ไปทำงานที่แล็บทุกวัน แม้คริสต์มัส เค้าหยุด เราก็ไม่หยุด เพราะต้องมีใครอยู่ที่แล็บเพื่อ standby กรณ๊มีอะไรฉุกเฉิน และเรานักเรียนต่างชาติไม่ได้ไปไหนก็เลยอยู่เฝ้าแล็บ  ปกติหนึ่งปีก็จะหยุดเพียงหนึ่งอาทิตย์ที่ลากลับเมืองไทยมาเยี่ยมพ่อและแม่เพียงปีละหนึ่งอาทิตย์ค่ะ ..ป้าวิ

ทริบนั้นจึงได้ไปเมือง เวนิช ฟลอเรนซ์ และโรม ไม่ได้ไปเมืองปิซา ค่ะ ช่วงที่ไปก็เป็น summer ของทีนั่น ขนาดอุณหภูมิทีโรมยังร้อนมาก 26 C ค่ะ ส่วนใหญ่ผู้คนก็จะโชว์สายเดีี่ยวกันเพราะร้อนมาก    แฮ่ๆ... แต่ไม่ใช่น้อง เพราะยังไงก็ต้องเตรียมตัวเผื่อหนาวเนื่องจากอากาศเปลี่ยนเร็วค่ะ   บอกเพื่อนๆ (ที่ม 3 คนค่ะ, น้องหนึ่งคนและเพื่อนอีกสองคน)  ทีเวนิสเรา บอกทัวร์ว่าขอซื้อ excursion ต่างหาก  ตอนล่องเรือกอนโดล่า เพราะชอบนั่งเรือค่ะ    นั่นแหละคนพายเรือร้องเพลงอิตาลี  ตลอดที่ล่องเรือกอนโดลา  เสียงก้องเลยค่ะ เพราะคลองแคบเสียงร้องกระทบกับผนังตึก ดูท่าว่าจะถูกฝึกมาให้เอนเทอร์เทนแขกด้วยหรือไงไม่ทราบ เพราะว่าไพเราะดีค่ะ  .. เพลงที่น้องก็รู้จักและชอบอีกต่างหาก เพราะที่บ้านเล่นให้ได้ยินบ่อย สองเพลง คือ Santa Lucia และ Come back to Sorrento เลยนั่งเรือไปก็อินอย่างที่บอก ป้าวิ ไปนั่นแหละค่ะ แุถมจินตนาการว่า ที่เค้าเปรียบเทียบกรุงเทพว่าเป็นเวนิชตะวันออกเนี่ย ใช่จริงๆนะค่ะ ..คลองเล็กคลองน้อย grand canal ...   ส่วนก้าวแรกที่เข้าเมืองเวนิช ไกด์เค้าก็อธิบายมากมาย แต่น้องนึกถึงอย่างป้าวิเลยค่ะ ...หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาไทยสมัยเด็กๆ เรื่อง The merchant of Venice ก็ผุดขึ้นมาในความคิด  เส้นทางการค้า อาหรับ-เปอเซียร์ ที่มั่งคั่งทองอร่ามวิหารที่อยู่เบื้องหน้าหล่ะค่ะ

เรืองราวที่ได้รับรู้สมัยเด็กๆก็เลยนำมาต่อกันเป็นจิ๊กซอร์ได้ลงตัวเลยค่ะ ป้าวิ  ส่วนที่โรมก็น่าสนใจมากมาย เพราะชอบอ่านหนังสือพวกอาระธรรมโรมัน-กรีก  เลยได้ไปเห็น ดูไปก็มี audito ให้ฟังได้เมื่อเข้าเยี่ยมชมแต่ละที่  

ที่โรมก็มีเรื่องเล่าที่เกี่่ยวกับเพลงค่ะ ป้าวิ   เคยร้องเพลงจำชื่อไม่ได้ละ แต่มีเนื้อว่า three coins in the fountain ที่กล่าวถึงน้ำพุ "เทรวี่"..เราเดินหากับแทบแย่ นึกว่าจะใหญ่โต  แหม..ผิดคาด  แต่ก็เพราะร้องเพลงนี้ได้  เลยอยากไปดู  สุดท้ายก็โยนเหรียญกะเค้าด้วย 3 เหรียญ  เค้าว่าให้หันหลังโยนเหรียญแล้ว ...make a wish   ว่ากันว่าจะได้กลับไปใหม่   ถึงตอนนี้ก็คิดว่าคงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าได้ไปที่นั่นอีกค่ะ   น้องก็ไม่ได้เชื่ออะไร ทำไปแบบสนุกสนาน  ช่วงที่เป็นวัยเผชิญโลกกว้างค่ะ ป้าวิ   เลยทำตัวเป็นพลเมืองของโลก เข้าออกเมืองโน้น นี้ ศึกษาวัฒนธรรม ประเพณีเมื่อมีโอกาส  ส่วนใหญ่ก็ได้ไป conference นำเสนองานตอนเรียนด้วยทุกปีค่ะในยุโรบไปกันทั้งแล็บพร้อมอาจารย์ีที่ปรึกษาค่ะ.. เลยเป็นโอกาสดีค่ะ ป้าวิ...แต่ยังไงบอกได้เลยว่า เมืองไทยดีที่สุดค่ะป้าวิ...และ  Home is where heart is ... อิอิ..  .เลยเขียนซะยาวเลยค่ะ  ป้าวิจะอ่านแล้วปวดตาไหม๊น๊า??

ปล. ที่บอกว่า น้องร้องเพลงได้นั้นเป็น..นักร้องแบบขอไปทีค่ะป้าวิ  จำได้ว่าเพลงแรกที่พ่อฝึกให้คือ "บัวขาว"...รู้สึกว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์ค่ะก็เอื้อนเสียงนี่หล่ะ ..เลยไม่ได้เป็นนักร้อง ฝึกเป็นนักฟังตั้งแต่นั้่นมาค่ะป้าวิ  แต่ก็มีความสุขดีที่ได้เป็นผู้ฟังที่ดีค่ะ :-)) .

สวัสดีครับ...ได้ไปเที่ยวกับอาจารย์แม่สุขใจจังครับ...เห้นภาพฝรั่งเล่นน้ำ...ไม่ต่างกับคนไทยเลยนะครับ...อาจารย์แม่สบายดีนะครับ

  • ขอบคุณ "คุณเพชรน้ำหนึ่งIco48"  มากนะคะ ที่ตามไปเที่ยวกับยายไอดิน ตอนที่ 3 เที่ยวสวิทเซอร์แลนด์จะน่าเที่ยวกว่าที่ผ่านมานะคะ
  • ไม่ต้องรอถึงเกษียณหรอกค่ะ คนอื่นๆ เขาไปกันตอนอายุไม่มากกันหรอก แต่ยายไอดินมัวแต่ห่วงงาน ตอนอายุไม่มากนักเลยไม่ไปไหนกับเขา เพิ่งไปในช่วง 6-7 ปีมานี้เองค่ะ
  • ยายไอดินก็เพิ่งตามไปแอบดูความสุขของคุณเพชรน้ำหนึ่งกับใครก็ไม่รู้ เห็นพี่ใหญ่เอ่ยชื่อน่ารักๆ ของเธอว่า "มดตะนอย" น้องสาวหรือเปล่าคะ...มีน้องสาวสดใสน่ารักแบบนี้...ห่วง ...หวง หรือเปล่าคะ
  • ขออนุญาตลัดคิว "Dr.KwanchaIco48" นะคะ อ่านความเห็นจบแล้วด้วยความประทับใจ คงต้องใช้เวลาในการเขียนแลกเปลี่ยน เลยขอตอบหลังอาหารเย็นนะคะ ยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ และหมอเตือนให้ทานข้าวเป็นเวลาค่ะ
  • ขอบคุณ "ลูกหมอทิมดาบIco48" นะคะ ที่ตามไปเที่ยวกับอาจารย์แม่ อ่านบันทึกที่แล้วลูกหมอ อาจารย์แม่ยังแหยงๆ เจ้างูตัวนั้นอยู่เลยค่ะ ดูไม่เต็มตาเลย
  • ช่วงนี้อาจารย์แม่มีปัญหาสุขภาพค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยเป็นอะไร แต่คงเป็นเพราะภาคเรียนที่แล้ววันจันทร์สอนทั้งวัน เลยอยู่ห้องสอนตลอดตั้งแต่คาบเช้าถึง 16.20 น. โดยไม่ทานอาหารเที่ยง ไปทานควบอาหารเย็นประมาณ 17.00 น.ทุกจันทร์ตลอดภาคเรียน
  • วันที่ 8 ต.ค. ออกจากฟาร์มแวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารยังไม่อิ่ม อาจารย์แม่ปวดท้องมากทนไม่ไหวขอพ่อใหญ่สอกลับก่อน (ขับรถคนละคัน) ไปนอนโอดโอยที่บ้านในเมืองจนหลับไป ตื่นมานึกว่าพ่อใหญ่สอจะตามไปดูแลปรากฏว่า แกกลับไปฟาร์ม จนเย็นวันรุ่งขึ้นถึงซื้อยาลดกรดและยาแก้จุกเสียดไปให้ โปรแกรมที่จะเดินทางไปอ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี 10-14 พ.ย. เลยไปไม่ได้ค่ะ
  • วันที่ 14 พ.ย. ออกไปพบนักศึกษาที่ขอแก้ I แล้วก็ปวดท้องขึ้นมาอีก ติดต่อหลานสาวที่เป็นหมอที่โรงพยยาบาล ๕๐ พรรษาฯ ขอไปตรวจ หลานบอกมีคิวตรวจมากจึงนัดตรวจวันนี้ค่ะ ไปตรวจแล้วได้ยามามากมาย 4 อย่าง มีทั้งยาน้ำและยาเม็ดเคลือบกระเพาะ  ยาแค็ปซูลลดการหลั่งกรด ยาเม็ดขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ (ต้องเคี้ยวด้วย) อาจารย์แม่ยิ่งเป็นคนที่แทบจะไม่ใช้ยาและทานยายากค่ะ
  • เดี๋ยวอาจารย์แม่เตรียมทานยาก่อนอาหารก่อนนะคะ เข็ดแล้วกับความเจ็บปวด ต้องเชื่อหมอหน่อยค่ะ 
  • บันทึกการท่องเที่ยวทั้งเนื้อหาและภาพได้ยอดเยี่ยมครับ
  • ได้ไปเวนิชจำลองมาเมื่อสองปีก่อน แต่ก็เคยไปเวนิชจริงเมื่อน้าน ๆ มาแล้ว....อิอิ
  •  
  • ขอบพระคุณ "ท่าน PandaIco48" มากนะคะ สำหรับปิยวาจา "บันทึกการท่องเที่ยวทั้งเนื้อหาและภาพได้ยอดเยี่ยมครับ"
  • และขอบพระคุณด้วยนะคะ ที่ช่วยให้ยายไอดินได้ตามไปท่องเที่ยวเมืองมาเก๊า ดินแดนที่ไม่เคยไป ค่ะ

สุดยอดเลยครับ ปีหน้า หากมีชีวิตพอไหว จะต้องไปบ้างอะ

  • ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับวาจาเสริมพลังจาก "ท่าน JJIco48"
  • อย่างท่านนั้น พร้อมทุกอย่าง ไปเมื่อไหร่ก็ได้นะคะ
  • ขอให้ได้ทำงานสรรค์สร้างสังคมในแนวที่ท่านพึงใจนะคะ

สวัสดีครับอาจารย์ สบายดีมั้ยครับ ช่วงปิดเทอมผมได้ไปเป็นครูสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลมุกดาหารครับ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมากครับแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยครับ และมีความสุขมากด้วย ต้องขอบคุณที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผมครับอาจารย์

วันนี้เกรดผมออกแล้วน่ะครับผมรอติดตามมาหลายวันเลย แต่ผมติด I ครับผมต้องทำอย่างไรบ้างครับแล้วอาจารย์ว่างวันไหนบ้างครับ ต้องขอโทษที่รบกวนน่ะครับ

ขอบคุณ อ.วิที่พาเที่ยวเมืองนอกโดยไม่เสียสตางค์ 555

  • ตอบนักศึกษาที่ได้ผลการเรียน "I" ทุกคนนะคะ รวมทั้ง "ชนะศักดิ์Ico48"
  • จริงๆ แล้ว ในช่วงที่เรียน ไม่ใช่นักศึกษาทุกคนจะไม่ทราบนะคะว่าตนมีแนวโน้มจะได้ผลการเรียนอะไร เพราะในคู่มือการเรียนรู้ หัวข้อการวัดผลก็ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า คะแนนเก็บ 70 % จำแนกเป็นอะไรบ้าง และอาจารย์ก็ได้ให้ข้อมูลย้อนกลับทุกสัปดาห์ ทั้งในชั้นเรียน  ใน Gotoknow และบอกเจ้าตัวโดยตรง (อย่างที่ได้บอกกับชนะศักดิ์นั่นแหละ) ว่า ใครยังไม่ได้ทำงาน/ส่งงานใด และแฟ้มรายงานการพัฒนาตนซึ่งจะเก็บใบงาน หลักฐานการพัฒนาตนต่างๆ นักศึกษา ที่ติด I จำนวน 12 คน เป็นผู้ที่ไม่ส่งถึง 11 คน (ส่งสุดาพรคนเดียว แต่คะแนนรวมก็ไม่ผ่านเพราะไม่ได้ทำกิจกรรมพัฒนาตนใดๆ เลยด้านการอ่าน คิด เขียนเรียนรู้ through "IT" และกิจกรรมการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษโดยการสัมภาษณ์ชาวต่างชาติในสถานการณ์จริง) ถ้าอาจารย์ประเมินผลการเรียนไปก็จะได้ "E" หรือตกกันทั้งหมด (อาจจะมีบางคนได้ D ซึ่งจะไปทำให้คะแนนเฉลี่ยต่ำลงอาจไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสำเร็จการศึกษา อาจารย์จึงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น)  ซึ่งต้องไปเสียเวลาเรียนใหม่อีก 1 ภาคเรียนและเสียเงินลงทะเบียนเรียนใหม่ด้วย
  • นักศึกษาอาจไม่ตระหนักว่า การส่งผลการเรียน Online นั้นมีกระบวนการยุ่งยากอย่างไร เริ่มตั้งแต่ Log In ไม่ได้บ้าง พิมพ์ผลการเรียนไปจนจะเสร็จแล้ว ระบบมีปัญหาต้องเริ่มใหม่บ้าง มีอาจารย์ใช้งานมากระบบล่มมเลยปิดการใช้งานบ้าง ...และถ้ากดยืนยันผลการเรียนและ Print ส่งคณะไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้ อาจารย์จึงต้องการส่งผลการเรียนแบบไม่มีใครติด I  จึงได้แจ้งให้นักศึกษาที่ติด I ทราบใน GotoKnow ตามภาพนี้ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2555 โดยคาดหวังว่า นักศึกษาที่ทราบว่าตนติด I จะไปติดต่ออาจารย์เพื่อดำเนินการแก้ I แแล้วอาจารย์ก็จะปรับผลการเรียนให้และส่งผลการไปพร้อมกันทีเดียว แต่เวลาล่วงเลยมานานก็ไม่มีใครติดต่อ เลยจำเป็นต้องยืนยันผลการเรียน ซึ่งการแก้ I จะยุ่งยากขึ้นมาก อาจารย์เกษียณไปแล้ว แต่ต้องมานั่งรอให้นักศึกษาแก้ I และตอนนี้อาจารย์ก็ไม่สบายอยู่ด้วย 
  • อาจารย์จะให้โอกาสนักศึกษาติดต่อเพื่อขอแก้ I โดยติดต่ออาจารย์ด้วยตนเองที่ห้อง 32.402 ในวัน 22 พฤศจิกายน เวลา 10.00-16.40 น. และวันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00-12.30 น. (นักศึกษาที่ไม่มีปัญหาผลการเรียนก็ไปรับแฟ้มคืนได้ในวันเวลาเดียวกัน โดยสามารถให้เพื่อนรับแทนได้)     

  • ขอบคุณ "ป๋าเดIco48" มากนะคะ ที่ตามไปเที่ยวแบบไม่เสียตังค์
  • เดี๋ยวนี้ ไม่เขียนอะไรให้อ่านบ้างเลยนะคะ
  • ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจาก "คุณพ่อน้องเพียวพอคนเก่งIco48" นะคะ
  • ขอบใจ "ราเชนทร์Ico48" สำหรับดอกไม้ที่มอบให้อาจารย์ บอกเพื่อนๆ ด้วยนะคะว่า ให้ไปรับรายงานการพัฒนาตนคืนได้ ที่ห้อง 32.402 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 10.00-16.40 น. และวันที่ 23 พ.ย.เวลา 09.00-12.30 น.  
  • แล้วก็ได้เวลาคุยกับ "Dr.KwanchaIco48" จากมอ. ปัตตานี ป้าวิต้องขอโทษจริงๆ ที่คุยด้วยช้าไปหน่อย เพราะความตั้งใจที่จะคุยหลังอาหารเย็นวันแรก ปรากฏว่า หลับ วันที่ 2 ก็หลับอีก ทั้งที่ยา 4 ขนานรักษาอาการกระเพาะ ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ง่วง นอนมากๆ แบบนี้ไม่ไหวเลยค่ะ เสียการเสียงานหมด
  • ขอบคุณมากค่ะ ที่เเขียนล่าประสบการณ์การไปเที่ยวอิตาลีย้อนหลังไป 15 ปี ในช่วงที่เรียน PhD อยู่ที่ UK ให้ป้าวิอ่าน ซึ่งเป็นการไปเที่ยวด้วยเหตุบังเอิญที่ต้องการไปพักสมองจากปัญหาการทำLab อ่านตรงนี้แล้วก็นึกถึงสุภาษิตญี่ปุ่นที่ว่า "เมื่อประตูหนึ่งปิด ก็จะมีประตูอื่นเปิด" ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีที่ไม่ท้อแท้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และมองหาข้อดีเพื่อสร้างพลังใจ อย่างเช่นในกรณีของน้อง Lab มีปัญหา( ประตูที่ปิด) เลยเปิดโอกาสให้ได้ออกไปท่องเที่ยวหาความรู้และประสบการณ์จากโลกภายนอก (ประตูที่เปิด)
  • จากที่น้องเล่า แสดงว่า เราได้ไปเมืองเดียวกัน 2 เมืองนะคะ คือกรุงโรม และเมืองเวนิส ที่ต่างกันคือ น้องได้ไปเมืองฟลอเรนซ์ แต่ป้าวิไปเมืองปิซ่า ตอนป้าวิสืบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งและเวลาในการเดินทาง ส่วนใหญ่จะพบข้อมูลการเดินทางจากฟรอเรนซ์ไปปิซ่า มากกว่าจากรุงโรมไปปิซ่า ค่ะ
  • จากการบอกเล่าของน้อง แสดงว่าการท่องเที่ยวช่วงนั้น ยังไม่มีความเร่งร้อนเหมือนตอนนี้ ซึ่งอิตาลีกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจและมีสถิติการว่างงานสูงมาก เพราะฉะนั้น กิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ จึงเป็นช่องทางในการหาเงิน คนพายเรือกอนโดล่าเลยมีมากเกิดความแออัด เวลาให้บริการก็เร่งให้ถึงเป้าหมายจะได้รับนักท่งเที่ยวชุดใหม่
  • ดูแล้วน้องเป็นคนมีอารมณ์สุนทรีย์จังนะคะ โชคดีที่มีคุณพ่อสร้างประสบการณ์ด้านดนตรีให้ ป้าวิสิคุณพ่อเสียชีวิตตอนป้าวิอายุ 4 ปี (น้องชายคนติดกัน 2 ปี คนเล็กเพิ่งคลอดได้ 20 วัน) แม่ก็เลยรับภาระหนักเลี้ยงลูก 5 คนตามลำพัง ( ป้าวิเป็น "The Wednesday Child" ค่ะ มีพี่สาว 2 คน น้องชาย 2 คน)
  • ป้าวิเองเป็นคนชอบเรียน ทั้งที่อายุมากแล้ว ก่อนนั้นก็ทุ่มเทให้กับการเรียนการสอน และการดูแลลูกที่กำพร้าพ่อตั้งแต่คนโตอายุ 5 ปี คนเล็ก 3 ปีเศษ จนทั้งสองคนเรียนมหาวิทยาลัย (พี่สาวเรียนแพทย์ปี 4 ที่ม.ขอนแก่น น้องชายเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่ สทจ.เจ้าคุณทหารลาดกระบัง) ป้าวิจึงเดินทางไปเรียน PhD แบบ Part Time ที่ Western Australia แต่ป้าวิเป็นคนประเภทเรียนเพราะอยากรู้ ถ้าเห็นว่าการที่จะต้องทำให้จบมันขัดกับความรู้สึก ขัดกับความคิดความเชื่อก็ไม่ทำ เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรียนไม่จบหลักสูตร (Supervisor คนแรกเป็นชาวอังกฤษ เขาชื่นชมป้าวิมาก เวลาอ่านเค้าโครงวิจัยให้ก็จะดีดนิ้วบอกว่าเจ๋ง และเขียน ใน Postcard ให้ว่า "...Wilai, you are a great doctoral student and will succeed very well.) แต่ไม่นานก็ไม่สามารถทำหน้าที่ต่อได้ เพราะอายุ 65 แล้วมหาวิทยาลัยก็ไม่สามารถหาคนที่เข้าใจงานเรามาเป็นที่ปรึกษาเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ได้ตั้งคนที่เพิ่งจบและเรียนมาในสายอื่นทำหน้าที่ต่อ บอกว่าชั่วคราว แต่จริงๆ คือถาวร เทคนิควิธีวิจัยที่เราใช้ก็ไม่เข้าใจ ให้เราแก้สิ่งที่ทำมากับ Sup. คนก่อนตามคำแนะนำของเธอ ซึ่งเราก็แย้ง สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนตาม พอสอบเค้าโครงกรรมการก็แนะนำให้แก้เป็นแบบเดิมที่เราเคยทำมา อะไรทำนองนี้...ปัจจัยที่สองที่พ่อใหญ่สอบ่นเป็นกระบุงโกยก็คือ มีแต่ให้เวลากับการช่วยคนอื่นให้เขาเรียนสำเร็จ แต่ไม่ให้เวลาทำให้ตัวเองเรียนสำเร็จ (ส่วนใหญ่จะช่วยน้องๆ ด้านภาษาอังกฤษ) มีความสามารถแต่ใครเขาจะเชื่อถ้าเรียนไม่สำเร็จ ช่วงที่ไปเรียนก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องสมุด อ่านบทความวิจัยภาษาอังกฤษทั้งวันคนเดียวจน Supervisor เตือนว่าให้ไปเที่ยวในเมืองเหมือนเพื่อนๆ บ้าง
  • ตอนที่ป้าวิเกษียณแล้วนี่ ก็จะสนใจศึกษาเรื่องนกเพิ่มขึ้นมา ที่ฟาร์มจะรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับต้นไม้ไว้เยอะ แต่ไม่มีหนังสือเกี่ยวกับนก มีโอกาสจะไปหาซื้อสักเล่ม ตอนนี้ก็เก็บบันทึกของน้องและกัลยาณมิตรท่านต่างๆ ที่เขียนเกี่ยวกับนกไว้ศึกษา
  • ขอบคุณมากนะคะ สำหรับความรู้เกี่ยวกับการศึกษาและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นทั้งนกและไม้ป่า หวังว่าจะเขียนบันทึกแบ่งปันให้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ นะคะ
  •  
  •             Ico_kwancha1 

 

  • ขอบคุณอาจารย์แม่มากครับ
  • ลองแก้ไขบันทึกดู
  •  copy  link เลือกรูปโซ่นะครับ
  • wiki ก็จะได้ไม่ยาวเกินไป
  • เช่น  Wiki
  • อยากเห็นอาจารย์แม่ลงไปโรงเรียนบ้านหนองฝาง
  • เผื่อเด็กๆจะได้มีเห็ดกินเป็นอาหารกลางวัน
  • เปิดสวนให้นักเรียนเรียนเรื่องผลไม้ ผักและเห็ดเลยดีไหมครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะท่านนอาจารย์แม่

มาเที่ยวชมอิตาลี่ในบันทึกของท่านอาจารย์ค่ะ เวนิสเมืองในฝันของหลายๆ คนนะคะ ปริมยังไม่เคยไปอิตาลีเลย มาอ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

  • ขอบคุณ "ลูกขจิตIco48" มากนะคะ ที่ให้คำแนะนำอาจารย์แม่ เรื่อง  Copy Link
  • ที่ผ่านมาอาจารย์แม่ไม่เคยใช้ Copy Link เลยนะคะ Copy มาก็นำมาวางเลย พอลูกขจิตแนะนำ อาจารย์แม่ก็ไม่รู้ว่าขั้นตอนต้องเป็นยังไง ลอง Copy Link โดยเลือกรูปโซ่ ตามที่ลูกขจิตบอก ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ช่วยบอกขั้นตอนให้ละเอียดเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
  • อีกอย่างลูกขจิตบอกว่า การเปลี่ยนภาพหัวสมุดจะช้าหน่อย แต่นี่อาจารย์แม่เปลี่ยนมา 3 สัปดาห์แล้วนะคะ ยังเป็นรูปเดิม ภาพประจำตัวก็ไม่ตรงกัน ลูกขจิตก็เป็นเหมือนกันนี่คะ
  • เรื่องโรงเรียนนั้นค่อนข้างมีปัญหามากค่ะ ก่อนนั้นพ่อใหญ่สอก็ให้กิ่งแก้วมังกรไปปลูก ให้ไก่ไปเลี้ยง ปลาก็ขอจากประมงไปลงในบ่อเลี้ยงปลาให้ แต่แก้วมังกรก็ไม่โต เพราะขาดการดูแล พ่อใหญ่สอเคยขอไปสอนเกษตรให้กับนักเรียน แต่ก็ยังไม่มีเวลาดำเนินการ ตอนนี้ครูที่เคยพานักเรียนทำงานเกษตรและไปเรียนรู้ที่ฟาร์มก็เกษียณไปแล้ว ผอ. คนเก่าที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์แม่ก็ย้ายเข้าเมือง คนใหม่ก็ไม่ค่อยสนใจบริหารค่ะ
  • ที่โรงเรียนมีครู 3 คน คนที่หนึ่งสอนอนุบาล คนที่สองสอนรวม ป.1-3 คนที่สามสอนรวมป.4-6 ครูทุกคนอยู่ที่อื่น บางคนก็มาสายและไม่ค่อยสอน นักเรียนมีประมาณ 50 คนเท่านั้นค่ะ เห็นว่าผู้ปกครองที่พอจะมีฐานะหน่อยจะส่งลูกไปเรียนที่อื่นค่ะ 
  • ขอบคุณ "หนูปริมIco48" มากนะคะ ที่ตามไปเที่ยวอิตาลีกับอาจารย์แม่
  • แล้วสวิทเซอร์แลนด์เคยไปแล้วยังคะ อาจารย์แม่อยากชวนไปเที่ยวสวิทเซอร์แลนด์ในบันทึกหน้าค่ะ เป็นที่ๆ อาจารย์แม่และทุกๆ คนประทับใจมากค่ะ
  • และก็ต้องขอบคุณหนูปริมเป็นอย่างมากเลยนะคะ ที่บันทึกเรื่องนกให้อาจารย์แม่ได้ติดตาม 2 บันทึกต่อกัน อาจารย์แม่กำลังรวบรวมภาพนกไว้ศึกษาค่ะ

Large_bird-vert

 

 

เรียน ผศ.วิไล -น่าปวดหัวกับนักศึกษาที่ไม่รับผิดชอบนะ...เมื่ออาจารย์ให้โอกาศแล้วยังไม่สนใจ..คงต้องตัดใจให้ E แล้วละ...จริงๆแล้วถ้าสนใจทำตามอาจารย์สั่งก็รียบร้อยไปแล้ว......อาจารย์รักษาสุขภาพบ้างนะครับ....พักนี้ผมยังไม่เขียนเรื่องอะไรเลย มันเป็นอย่างไรก็ไม่รู้อยากอยู่เงียบๆ....ไว้เดือนหน้าจะหาเรื่องเขียนให้อ่านนะครับ.......

  • ขอบคุณ "ป๋าเดIco48" ค่ะ ที่เข้าไปคุยด้วยอีกครั้ง คุณภาพของคนส่วนหนึ่ง คือปัญหาของประเทศเราค่ะ น้องชายที่สอนระดับมัธยมก็บอกว่า นักเรียนที่ได้ "มส(ไม่มีสิทธิ์สอบ)"จะไม่สนใจแก้ปัญหาของตน ไม่ไปทำคำร้อง แทบจะต้องให้ครูเขียนคำร้องให้แล้วให้นักเรียนเซ็นชื่ออย่างเดียว สงสัยจะเกิดจากสาเหตุการเลี้ยงดูที่สังคมไทยเรามักจะเลี้ยงดูแบบพ่อแม่จัดการอะไรให้หมด จนลูกไม่ต้องทำอะไรด้วยตนเอง เลยไม่สามารถรับผิดชอบตนเองได้
  • พ่อใหญ่สอบ่นมากว่าเกษียณแล้ว ทำไมยังไม่เคลียร์งานให้เสร็จซักที ก็อย่างที่เห็นนี้แหละค่ะ เรื่องแฟ้มรายงานการพัฒนาตนนั้น ได้แจกให้ทุกคนเพื่อให้ใส่ใบความรู้และใบงาน และให้นำไปด้วยทุกครั้งที่เข้าเรียน หลังทำใบงานแต่ละใบเสร็จก็มีกิจกรรมให้แลกกันตรวจในชั้นแล้วอาจารย์นำไปตรวจอีกที ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้นำกลับไปแก้ไข และให้แลกกันตรวจครั้งสุดท้ายก่อนส่งว่า มีเอกสารใบงานในแฟ้มครบไหม คนที่ไม่ครบขาดอะไร แล้วก็ให้ส่งในการเรียนสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนไม่ใช่แบบสั่งให้ไปทำแล้วให้ส่งทีเดียวเลยโดยไม่ติดตามนะคะ อย่าง Section 04 ที่เป็นห้องที่คุมสอบเอง ก็ได้นำแฟ้มที่ส่งและตรวจเสร็จแล้วไปคืนในห้องสอบและแจ้งผลการตรวจซึ่งส่วนใหญ่ไม่ผ่านบางกิจกรรมและให้โอกาสนำไปทำเพิ่มเติม ทุกคนก็นำไปทำเพิ่มรวมทั้งคนที่ผ่านแต่อยากได้คะแนนสูงขึ้น ขนาดนี้ยังมีคนไม่ส่งมากอย่างที่เห็น
  • บางคนคงใช้วิธีเดียวกับที่ทำในรายวิชาอื่นที่ไม่มีกิจกรรมอะไร เข้าเรียนบ้าง ถึงเวลาสอบกลางภาค ปลายภาค ก็เข้าสอบ แค่นั้นก็ผ่านแล้ว แต่วิชานี้ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าวิชาพฤติกรรมมนุษย์และการพัฒนาตน อ.วิก็ไม่ได้ตั้งเกณฑ์สูงอะไรนะคะ แค่ตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำเอาไว้ว่า ต้องได้ผลการเรียน C ขึ้นไปในรายวิชานี้โดยประเมิน 5 ระดับคือ  A, B+, B, C+, C แค่ทำคะแนนได้ 40 % ก็ได้ C แล้วค่ะ
  • ป๋าเดบอกว่า"...พักนี้ผมยังไม่เขียนเรื่องอะไรเลยมันเป็นอย่างไรก็ไม่รู้อยากอยู่เงียบๆ.... " อาการหลังนี่ ถ้าอยู่เงียบๆแล้วสงบก็ดีนะคะ แต่ถ้าอยู่เงียบๆ แล้วคิดฟุ้งซ่านน่าจะไม่ค่อยดี อย่างที่เขาบอกว่า"...อยู่คนเดียวระวังความคิด"ด้วยความเป็นห่วงป๋าเดนะคะ
  • นักศึกษาที่จะติดต่อขอแก้I ให้เข้าไปติดต่อในบันทึกนี้ นะคะ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/509602
  • สำหรับนักศึกษาที่จะไปรับแฟ้มรายงานการพัฒนาตนคืน อาจารย์จะวางไว้ให้บนโต๊ะทำงานของอาจารย์ที่ห้อง 32.402ถ้าประตูห้องเปิดได้ (มีอาจารย์อยู่ในห้อง)ก็เข้าไปหยิบเองได้เลย ก่อนเข้าไปอย่าลืมเคาะประตูห้อง และพูดดังๆ ว่า นักศึกษาจะขออนุญาตเข้าไปหยิบแฟ้มรายงานการพัฒนาตนค่ะ/ครับ แล้วเดินเข้าไปเลยโดยไม่ต้องรอคำอนญาต และถ้าพบว่า ทางผ่านที่จะไปยังโต๊ะอาจารย์ มีอาจารย์ท่านอื่นนั่งอยู่ ก็ให้ยกมือไหว้ก่อนเดินผ่าน

ตาามมาอ่านการท่องเที่ยวสนุกมีสาระดีๆเช่นนี้ค่ะ..เป็นความสุขที่บันทึกไว้ควรค่าแก่การแบ่งปัน..

-สวัสดีครับอาจารย์ไอดิน..

-ตามมาบอกว่าเธอคนนั้นมีนามว่า "มดตะนอย" คนใกล้ตัวสุด ๆครับ...

-วันวานยังหวานอยู่ของเราสองคนครับ...

 

  • ขอบคุณค่ะ "คุณเพชรIco48" วันวานยังหวาน...วันนี้ก็ยังเบิกบาน...และความรักจะยาวนานตลอดไป ใช่ไหมคะ  
  • ดูเจ้าสาวของ "คุณเพชร" แล้ว จินตนาการไม่ออกเลยนะคะว่า เธอจะเป็นคนเดียวกันกับทารกที่น้ำหนักแรกคลอด 1,100 กรัม (ตามที่เธอเขียนเล่าไว้)

 

-สวัสดีครับอาจารย์แม่..ไอดิน...

-ต่อไปขออนุญาตใช้คำว่า"อาจารย์แม่ไอดิน" ก็แล้วกันนะครับ 555

-เธอน้ำหนักตัว 1,100 กรัม คลอดตอนอายุครรภ์ 7 เดือนครับ..

-สงสัยตอนเด็ก ๆบำรุงเกินไปนิด... ตอนนี้เห็นบ่น ๆ ว่าเนื้อหนัง มังสา มันมาจากไหนมากมาย5555

-ครอบครัวเล็ก ๆของเราเริ่มต้นเมื่อต้นปี 54 ครับ ผ่านเรื่องราวหลายอย่างมากมาย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สุข เศร้า คละเคล้ากันไป ครับ..

-ขอบคุณครับ

-สู้ ๆแม่อุ้ยไข  จอมดวง ปีหน้าจะฉลองอายุครบ 102 ปีแล้วคร๊าบ!!!

 

สวัสดีค่ะอ.ไอดิน ตามมาเที่ยวอิตาลีด้วยคนค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าได้ไปเองเลยค่ะ

หวังว่าจะได้ไปเที่ยวจริงๆซักครั้ง

 

 

มีรูปมายืนยันค่ะ ว่ามดตะนอยตัวจ้อยขนาดไหนค่ะ เสียดายที่ไม่มีรูปตอนที่คลอดมาใหม่ๆค่ะ

 

  • อาจารย์แม่ไอดิน ปลื้มใจมากนะคะ ที่ได้รู้จักครอบครัวน่ารักๆ ของหนูมดตะนอยและคุณเพชรน้ำหนึ่ง
  • ก่อนนั้นก็รู้จักแต่คุณเพชรฯ เห็นภาพสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มแย้มแจ่มใส ในบันทึกของคุณเพชรฯ ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร ตอนหลังได้ยินชื่อจากความเห็นของพี่ใหญ่ว่า ชื่อมดตะนอย และเมื่อเห็นบันทึกของผู้เขียนที่ชื่อมดตะนอยเลยรีบเข้าไปอ่าน ถึงได้รู้ว่า "ไผเป็นไผ"
  • และยิ่งเห็นเข้าไปเยี่ยมอาจารย์แม่พร้อมกันเช่นนี้ ก็ยิ่งดีใจใหญ่ค่ะ
  • ดีจังนะคะ ที่ได้ทำงานด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง โอกาสเหมาะๆ ก็คงจะมีสมาชิกตัวเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา สร้างความอบอุ่นความผูกพันในครอบครัวให้มากขึ้นไปอีกนะคะ
  • อาจารย์แม่ไอดินภูมิใจแทนหนูมดตะนอยที่ได้คู่ชีวิต ที่มีคุณสมบัติเป็นเพชรน้ำหนึ่งของข้าราชการไทย และดีใจแทนคุณเพชรที่มีภรรยาน่ารักและจิตใจดีเช่นนี้

 

 

รับทราบครับอาจารย์ ผมจะไปขอแก้ตัวในวันที่ 23 นี้ครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ

  • แสดงว่า "ชนะศักดิ์Ico48" ไม่ได้อ่านข้อความข้างบน ที่อาจารย์แจ้งเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 10.47 น. สินะคะ ถึงบอกว่าจะไปพบอาจารย์
  • อาจารย์เปลี่ยนเป็นให้ติดต่อที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/509602 แล้วนะคะ ไม่ได้ให้ไปพบ เพราะคิดว่าถ้าไปนั่งรอให้นักศึกษาไปพบเป็นวันก็คงจะได้ไม่เกิน 2 คน กลัวจะเหมือนที่นัดให้ไปรับแฟ้มงานคืนในครั้งแรก ที่พบว่า Section 03 ไม่มีใครไปตามนัดเลย
  • เข้าไปดูใน Link ที่ให้ไว้ข้างบน ซึ่งอาจารย์เปิดช่องทางให้นักศึกษาติดต่อขอแก้ I โดยตรง และอ่านให้ละเอียดเด้วยนะคะ จะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้างตามลำดับ และในท้ายบันทึก ได้แจ้งคะแนนสอบลายภาคของทุกคน รวมทั้งเกณฑ์การประเมินผลการเรียนไว้แล้ว 
  • ตอนนี้มีผู้ติดต่อขอแก้ I และได้รับทราบงานที่จะต้องทำไปแล้ว 3 คน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท