แกงส้มอาหารเป็นยา แกงส้มดอกโสน บ้านนาแม่ตาด อ.สันกำแพง เชียงใหม่


แกงส้มดอกโสน


ดอกโสน พืชสมุนไพรที่อยู่ตามท้องทุ่งนา เราเคยได้ยินเนื้อเพลงที่ว่า " แม่ดอกโสนบานเช้า แม่ดอกสะเดาบานเย็น " ดอกโสนเมื่อเก็บมาจากต้นหรือพบวางเป็นกองๆละ 5-10 บาท/กอง นำมาทำอาหารได้หลายอย่างเช่น แกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก ไข่เจียว ผัดไฟแดง ยำดอกโสน ขนมดอกโสน ฯ ส่วนดอกสะเดา ที่เป็นเมนูโปรด คืด สะเดาน้ำปลาหวานปลาดุกย่าง มาอยู่เชียงใหม่เมนูที่คู่กับดอกสะเดาที่อร่อยคือ ยำถั่วแป๊บไปด้วยกันได้อย่างอร่อยมาก

น้องเพลิน (อักขณิช gotoknow) มาธุระในเมือง นำดอกโสนมาฝาก ได้ทำ แกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก และ ไข่เจียว นำฝากลองทำเมื่อพบดอกโสน พืชธรรมชาติมีประโยชน์ต่อสุขภาพ 


สรรพคุณประโยชน์ สมุนไพรใน แกงส้ม อาหารเป็นยา มีดังนี้


โสน    โสนกินดอก โสนหิน ผักฮองแฮง(เหนือ)

ใบ      รสเย็นจืด ตำพอกกับดินประสิว และดินสอพอง พอกแก้ปวดฝี ถอนพิษ

ดอก   รสหวานเย็น สมานลำไส้

ต้น     รสจืด เผาแช่น้ำเป็นด่างดื่มขับปัสสาวะ

ราก    รสจืด แก้ร้อนในกระหายน้ำ


กระเทียม หอมเทียม(เหนือ) ปะเซ้ว(แม่ฮ่องสอน) อสุนา(สันสกฤต

หัว   รสร้อนฉุน แก้ไอ แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้แผลเน่า เนื้อร้าย บำรุงธาตุ ขับโลหิตระดู แก้โรคประสาท แก้ปวดหู แก้หูอื้อ ระบายพิษไข้ แก้ริดสีดวงงอก ขับพยาธิในท้อง แก้โรคในปาก แก้คออักเสบ แก้หืด แก้อัมพาต แก้ลมเข้าข้อ แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ แก้ปัสสาวะขัด บำรุงปอด แก้ปอดพิการ ปอดบวม แก้วัณโรคปอด แก้เสมหะ แก้น้ำลายเหนียว แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ฟกบวม แก้สะอึก คั้นผสมน้ำอุ่นและเกลือเล็กน้อย อมบ้วนปาก ฆ่าเชื้อโรคในปากแก้ปากเหม็น ดองน้ำผึ้ง หรือ รับประทานสดๆ วันละ ๕-๑๐ กลีบ แก้ท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด


หอม หอมไทย ผักบั่ว (อีสาน เหนือ) หอมหัวแดง หอมหัวขาว หอมเล็ก

ใบ  รสหวานเผ็ดเค็มฉุน แก้ไข้หวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล แก้โรคตา แก้ไข้กำเดา

หัว  รสเผ็ดร้อน  แก้ไข้เพื่อเสมหะ อันเครียดคราดอยู่ในทรวงอก บำรุงผมให้งอกงาม ทำเนื้อหนังให้สดชื่น แก้ไข้ที่ทำให้ร้อนใน ปวดกระบอกตา แสบร้อนตา น้ำตาไหล ขับเสมหะ แก้โรคในปากคอ บำรุงธาตุ ตำผสมพิมเสนและเปราะหอม พอกกระหม่อมเด็กไว้ราว 1 ชม. แก้หวัดคัดจมูก


พริก พริกชี้ฟ้า พริกที่ใช้ทำอาหารทุกชนิดมีสรรพคุณเสมอกัน

ผล รสเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ แก้แน่น ขับผายลม เจริญอาหาร ดองสุราหรือบดผสมวาสลิน ใช้ทาทูนวด หรือทาแก้เคล็ด ขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดตามข้อ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

ต้น รสเผ็ด สุมเป็นถ่านแช่น้ำดื่ม รสเย็น ขับปัสสาวะ แก้กระษัย แก้เส้นเอ็นพิการ แก้ปวดเมื่อตามร่างกาย


กระชาย หัวละแอน(เหนือ) ขิงแดง ขิงทราย (อีสาน)

เหง้า รสเผ็ดร้อนขม แก้โรคอันเกิดในปาก แก้มุตกิต แก้ลมอันบังเกิดแกกองหทัยวาย แก้ปากเปื่อย ปากแตกเป็นแผล ขับระดู ขาว แก้ใจสั่น แก้ปวดมวนในท้อง แก้บิดมูกเลือด แก้ปวดเป่ง รักษาลำไส้ใหญ่อักเสบ บำรุงกำลัง

ราก (นมกระชาย) รสเผ็ดร้อนขม แก้กามตายด้าน ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงความกำหนัด มีสรรพคุณคล้ายโสม


ตะไคร้ เยี่ยงเฮื้อ (เหนือ)  , สิงโต (อีสาน) , Lemon Grass

ต้น   รสหอมปร่า ขับลม แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้นิ่ว ดับกลิ่นคาว เจริญอาหาร


ขอบคุณ สรรพคุณประโยชน์โสน จากหนังสือ ร่วมอนุรักษ์มรดกไทย

เภสัชกรรมไทย รวมสมุนไพร ฉบับปรับปรุงใหม่ โดย วุฒิ วุฒิธรรมเวช


แกงส้ม ดอกโสน

เครื่องปรุง

  1. พริกแห้ง ผ่าครึ่งแช่น้ำ เพื่อให้นิ่ม ตำง่าย ที่ให้ผ่าเมล็ดพริกเพื่อดูว่าในเมล็ดมีราหรือไม่ เพราะบางเมล็ดของพริกแห้งมีเชื้อราใกล้ขั้วพริก หรือพริกแห้งที่ไม่มีขั้ว ถ้าผ่าเมล็ดแล้วพบราขึ้นให้ทิ้งไป อันตรายมาก ก่อมะเร็งในร่างกายได้
  2. กระเทียม  จะแกะเปลือกออกหรือไม่แกะออกก็ได้
  3. หอมแดง ปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นชิ้นเล็กๆ หัวหอมแดง มักจะมีราดำ การที่เราปรุงเครืองแกงเองทำให้เรามองเห็นว่ามีเชื้อราหรือไม่ แต่การที่เราซื้อพริกแกง คือความเสี่ยงที่ร่างกายได้รับเชื้อราปนเปื้อนจากสมุนไพร ที่ทำมากแล้วไม่ได้ล้างสมุนไพรแต่ละชนิดก่อนบดมาขาย
  4. กระชาย ขูดผิวเปลือกบางออก ล้างให้สะอาด หั่นชิ้นเล็กๆ การใส่กระชายมากน้อยแล้วแต่ชอบได้
  5. ตะไคร้ หั้นซอย
  6. กะปิ 
  7. เกลือ 
  8. ปลาต้มสุก 1 ตัว เช่น ปลาช่่อน ปลาทับทิม ปลานิล ฯ ต้มให้สุก ตักขึ้นมาแกะก้างออก นำส่วนหนึ่งมาตำกับน้ำพริก ที่เหลือไว้ใสรวมกับผัก (จะใช้กุ้งก็ได้)
  9. มะขามเปียก 1/2 กำมือ ล้างน้ำทิ้ง 1 ครั้งแล้วใส่น้ำพอประมาณแ แช่สักพักแล้วขย้ำให้เนื้อมะขามออกมาจากเมล็ด
  10. น้ำปลา 
  11. ดอกโสน

  ( ทุกอย่างประมาณได้ แล้วแต่ชอบรส เผ็ดมากน้อย ให้เหมาะสมกับผักสมุนไพรที่จะใส่แกงส้ม ใน 1 หม้อ )


วิธีทำ

นำพริกแห้งที่แช่น้ำบีบน้ำออกให้หมด กระเทียม หอมแดง กระชาย ตำรวมกันให้ละเอียด เมื่อละเอียดแล้วใส่กะปิ เกลือตำให้เข้ากัน ใส่เนื้อปลา 2 ช้อนโต๊ะ ตำรวมกับพริกแกงให้เข้ากัน นำหม้อที่มีน้ำต้มปลาที่ไม่ก้าง ตั้งไฟ ดูว่าน้ำพอดีกับผักที่เตรียมไว้หรือยัง หากมีน้อยเติมน้ำลงไปให้พอเหมาะ ต้มให้เดิอดพล่าน ตักพริกแกงที่ตำใส่ เคี่ยวพริกแกงไปสักพัก เติมน้ำส้มมะขามเปียก น้ำปลาชิมรสให้พอดีตามชอบ (ไม่ควรเติมน้ำตาล) เพราะความหวานจะได้จากผักสมุนไพร (บางบ้านจะใส่น้ำปลาร้าแทนน้ำปลา ) ปรุงรสชาติได้อร่อยแล้ว ใส่เนื้อปลาที่แกะก้างออกใส่ ตามด้วยดอกโสน คนเบาๆให้จมน้ำแกง พอเดือด อีกครั้งปิดไฟ ดอกโสนจะสุกไว้ ไม่ควรให้สุกมาก ความหวานของดอกโสนจะหายไปในน้ำแกง ถ้าใส่ผักอื่นด้วยก็ดูว่า ผักชนิดไหนสุกช้า ให้ใส่ก่อน แล้วตามด้วยผักที่สุกเร็ว


ดอกโสน



พริก หอมแดง กระเทียม กระชาย  ตะไตร้  กะปิ




หั่นชิ้นเล็กๆจะได้ตำง่าย เนื้อปลาแกะก้างออก


พริกแห้ง มีดผ่าดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ เมล็ดนำออกหรือไม่ออกก็ได้



ปลาต้มหรือนึ่ง



ตำรวมกันทั้งหมด



มะขามเปียก ขย้ำให้เนื้อออกจากเมล็ด



น้ำซุปจากต้มปลา ถ้าใช้ปลานึ่ง ก็ใช้น้ำสะอาด




ดอกโสน นำก้านออกล้างให้สะอาด ถั่วพู ผักแก่ดึงเส้นที่อยู่ตรงกลางออก เด็ดหัวท้ายทิ้ง หักหรือหั่นพอคำ




ผักสมุนไพร พอสุกไม่ควรให้สุกมากเพื่อรักษารสชาติของผักไว้



แกงส้มดอกโสน -ถัวพู



ปลาตะเพียนแดดเดียวปิ้ง หรือทอด หรือปลาอื่นๆ  คู่กับแกงส้มเพิ่มความอร่อยได้มากขึ้นอีก



ไข่เจียวดอกโสน ตัดพอคำใส่ในแกงส้มได้

เวลาทอด ไม่ควรใส่น้ำมันมาก เพราะจะทำให้น้ำมันลอยในน้ำแกงส้ม ไม่น่าอร่อย



แกงส้ม ดอกแค ถั่วพู กุ้งฝอย



แกงส้ม ผักบุ้งไทย ดอกแค

หากเราต้องระวัง กรดยูริดที่ยอดผัก เช่น ยอดผักบุ้ง ก็เด็ดปลายยอดผักบุ้งทิ้งไป

เราก็จะได้อร่อยกับยอดอ่อนของผักสมุนไพรต่่างๆได้ ผักบุ้งเป็นสมุนไพรที่บำรุงสายตาดีมากๆ


ผักที่นำมาแกงส้ม ได้อร่อย เช่น ถั่วพู, ผักบุ้งไทย, ดอกแคขาว-แดง , หัวไช้เท๊า ,กะหล่ำดอก ,กะหล่ำปลี , ผักกวางตุ้ง, ดอก- ลูกขจร ,ผักกะเฉด , ฟัก-แฟง , เห็ด, ถัวฟักยาว มะละกอดิบ แตงโมอ่อน ฯลฯ หรือ หน่อไม้ดอง หรือผัก สมุนไพร ใบ ก้านอ่อน ผักหั่นฝอย ทอดกับไข่ แล้วตัดพอคำใส่ในแกงส้ม เช่น ชะอม ใบช้าพลู ฯ ดอกไม้ที่กินได้ เช่น โสน อัญชัน เฟื้องฟ้า สายน้ำผึ้ง กระดังงาสงขลา ชบา ฯ 


ปลา     ที่นำมาทำแกงส้ม ใช้ ปลาทู นึ่งก็อร่อย แกะเนื้อปลาทูตำกับพริกแกงส่วนหนึ่ง

             ที่เหลือก็ใส่ในหม้อแกง ปลาทูจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมื่อใส่แกงก็จะหอมกลิ่นปลาทูด้วย

พริกแห้ง ใช้พริกเม็ดใหญ่ หรือพริกขี้หนูแห้ง ความเผ็ดจะต่างกัน

                ซึ่งลดความเผ็ดได้โดย นำเมล็ดออกไม่ใช้ตำลงไปด้วย

กระชาย    จะใช้ส่วนเหง้าหรือรากได้ทั้งนั้น ใส่มากก็จะหอม

พริกแกง ถ้าเราตำมาก ก็แบ่งเก็บไว้แกงวันอื่นได้ นำใส่ถุงหรือภาชนะ แช่ตู้เย็นไว้ ถ้าแช่ช่องแข็งจะเก็บไว้ได้นาน

อาหารไทย โดยเฉพาะที่ต้องใส่พริกแกงด้วยจึงเป็นอาหารเป็นยา ที่ดีต่อสุขภาพมาก


ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี


หมายเลขบันทึก: 508322เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2012 08:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มีนาคม 2013 07:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เมนูโ่ปรดเป็น่ระโยชน์มากมาย..เหมือนบริโภคยาหม้อใหญ่ค่ะ..

เห็นแล้วเกิดอาการเปรี้ยวปากขึ้นมาทันทีเลยครับ พี่ดา

ถ้าบ้านอยู่ใกล้ๆ คงต้องไปฝากท้องสักมื้อแล้วค่ะ

  • คิดถึงอาหารเชียงดาวค่ะ 

น่าทานทั้งนั้นเลยค่ะ

  • อ่านแล้วอร่อยมากค่ะพี่ดา
  • คาดว่าเร็วๆ นี้จะได้เมล็ดดอกโสน จากคุณอักขณิช ..มาปลูก
  • ขออนุญาติเชิญพี่ดามาแกงให้ชิมที่สวนบัวหน่อยนะค่ะ

สวัสดีค่ะ

คุณพี่ใหญ่

ค่ะยาหม้อใหญ่จริงๆ แกงส้มนอกจากสมุนไพรมากคุณค่าในพริกแกงแล้วผักต่างๆที่นำใส่แกงก็ให้ประโยชน์มากอีก ยิ่งใส่ผักหลายชนิด หลายสีในหม้อเดียวกัน ยิ่งเยี่ยมนะคะ

 

น้องเพลิน

เปรี้ยวปากแล้วแกงแบบพี่ดาหรือยังค่ะ พืชผักธรรมชาติบ้านแม่ตาดมีมากมาย เด็ดสดๆผักหวานอร่อยค่ะ

 

น้องนก

ค่ะไม่ได้อยู่ใกล้ ก็ทำเองได้นะคะในวันหยุด ชอบรสชาติจัดก็เพิ่มเครื่องปรุงในหม้อแกงให้มากขึ้น แกงส้มต้องหอมกระชาย จะชวนน่ากินยิ่งขึ้น

 

น้องอ ศิลา

ค่ะคิดถึงอาหารเชียงดาว ว่างมาชิมกันอีกนะคะ แวะรับพี่ดาไปแกงให้ชิมก็ได้ค่ะ

 

คุณ tuknarak 

ว่างลองทำนะคะ สมุนไพรเป็นยาทั้งหมดเลยค่ะ

 

น้องแหม่ม

ลองแกงสูตรพี่ดาชิมดูนะคะ  ได้ค่ะยินดีไปแกงให้ชิม จะไปเก็บผักสดๆเองเลยนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท