สวัสดีครับ พูดถึงห้องเรียนกลับทาง สำหรับท่านที่อยู่ในวงการศึกษาอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับคนทั่วไป ได้ยินชื่อแล้วอาจฉงน ห้องเรียนอะไรจะมากลับทาง เคยได้ยินแต่ "กระทงหลงทาง" เสียมากกว่า สำหรับผมเองที่มีโอกาสได้เป็นอาจารย์บ้างตามโอกาส จึงขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในหัวข้อนี้ด้วย ซึ่งอาจไม่ตรงตามทฤษฎีเท่าไหร่นัก
เกี่ยวกับการสอนแบบห้องเรียนกลับทางในอดีต สำหรับบ้านเราแล้วในความเห็นของผม ครูไทยเราก็เริ่มสอนแบบให้ผู้เรียนเป็นหลักมานานแล้วครับ เพียงแต่ไม่เต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ ที่คุณครูเน้นให้เด็กๆ เป็นหลักในการอ่านหนังสือเป็นบทๆ หรือท่องอาขยาน แล้วครูก็มาถาม มาทวนท้ายชั่วโมง หรือบางชั่วโมงก็ให้เด็กเรียนหรือเล่นตามอัธยาศัย เพราะคุณครูติดประชุม ซึ่งผมและเพื่อนๆ เองก็แอบชอบเพราะสร้างความสามัคคีพร้อมเพรียงในการอ่าน หรือเล่นได้ตามความสบายใจ อีกทั้งเป็นการฝึกการสร้างสัมพันธภาพและอีคิวกับเพื่อนผ่านกิจกรรมการเล่น นั่นเป็นภาพการสอนในอดีต ที่เทคโนโลยีการสอนไม่มีมากอย่างปัจจุบัน และเวลาไปโรงเรียนหนังสือก็ไม่ได้ใช้หนังสือมากมาย เอาใส่ย่ามสะพายไปสบายๆ แต่สมัยนี้แค่นักเรียนชั้น ป.1 หนังสือมีมากถึงขนาดต้องใช้กระเป๋าชนิดเดินลาก ทำเอาทุลักทุเล สำหรับย่ามคงไม่ต้องพูดถึง
มาถึงการสอนแบบของห้องเรียนกลับทางในปัจจุบัน ที่ให้ครูมีบทบาทเป็นผู้คอยส่งเสริม กระตุ้น และให้กำลังใจผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ซึ่งถือว่าโชคดีที่มีเทคโนโลยีสื่อสารทันสมัย จนคนแทบจะไม่คุยกัน วันๆ เอาแต่จ้องโทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์ สื่อผ่านโลกออนไลน์ มากกว่าใส่ใจคนข้างๆ ตัว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ทำให้คุณครูมีสื่อที่น่าสนใจในการสอนมากขึ้นครับ ยิ่งคุณครูท่านไหนที่มีความสามารถสืบค้นข้อมูลเก่งๆ ก็จะสามารถนำเอาสื่อที่น่าสนใจ ไม่ว่า คลิปข่าว เพลง ละครสั้น หรือแม้แต่ภาพยนตร์ที่น่าสนใจบางเรื่องมาเป็นสื่อในการสอน ให้ผู้เรียนได้ วิเคราะห์ อภิปรายให้เชื่อมโยงกับเนื้อหาในบทเรียน แต่สำหรับบางวิชาที่มีเนื้อหามากๆ แต่จำเป็นต้องสอน ถ้าเป็นรูปแบบเดิมที่ครูเตรียมตัวมาสอนโดยตรงแล้วให้นักเรียนนั่งฟัง แม้จะตรงเนื้อหา แต่ก็ชวนให้น่าเบื่อครับ โดยเฉพาะวิชาบรรยายในช่วงบ่าย ที่ผู้เรียนทานข้าวอิ่มมาใหม่ๆ ยิ่งทานข้าวเหนียวยิ่งแล้วใหญ่ ประกอบกับอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ทำเอาจากครูผู้สอนกลายเป็นผู้เชิญวิญญาณนักเรียนออกจากร่างไปเสียหลายครั้ง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนหมดชั่วโมง เท่าที่ทราบคุณครูก็ใช้วิธีแบ่งเป็นหัวข้อหลักย่อยๆ แล้วให้นักเรียนเลือกแล้วไปศึกษาค้นคว้าในหัวข้อที่ตนเองสนใจ แล้วแต่จะเป็นรายบุคคล รายคู่ หรือรายกลุ่ม แล้วมาเล่าหัวข้อที่ศึกษาให้เพื่อนฟัง แล้วคุณครูช่วยสรุปประเด็นที่สำคัญเพิ่มเติมหรือบางทีครูก็ให้นักเรียนมาเป็นคุณครูสอนเพื่อนๆ แทน ทำให้ผู้เรียนกล้าถามกล้าแสดงความเห็นกับครูสมมุติมากขึ้น คนสอนก็พอใจ คนเรียนก็สนุก ก็นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง
ส่วนการสอนแบบห้องเรียนกลับทางในอนาคต ผมว่า ควรให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้ตามชอบใจ ตามความถนัด โดยเน้นให้มีวิชาที่เป็นทักษะชีวิต และทักษะทางสังคม เพราะสิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนไปมาก ต่อไปคนที่มีเก่งความรู้อย่างเดียว แต่ขาดทักษะพื้นฐานของชีวิต อาจจะอยู่ลำบากครับ ส่วนควรจะเรียนอะไรบ้างนึกง่ายๆ ถ้าให้ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเงินซื้อ จะทำอย่างไรให้อยู่รอดด้วยตนเอง ก็ควรให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะในวิชานั้นแหล่ะครับ
สวัสดีค่ะน้องชำนาญ
น้องชำนาญ......
การเฮียนสมัยนี้ จะว่ายากก่ยากจะว่าง่ายก่ง่าย
อยู่ตี้คนสอนกั๋บคนเฮียนว่าจะไปในแนวเดียวกั๋นก่
ตี้สำคัญต้องเป๋นตี้ถูกใจ๋ของคนเฮียนนักกว่าของคนสอนเนาะ
เมินๆได้อ่านความเห็นเกี่ยวกั๋บการศึกษา เยี่ยะหื้อกึ๊ดถึงสมัยสอนละอ่อน
น้องคงสบายดีตึงครอบครัวเนาะเจ้า....