นักศึกษาอีกคนหนึ่ง เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา ในหมู่เรียนที่ ๑ เช่นเดียวกับคนแรก มีคำตอบที่น่าสนใจใน ๒ หัวข้อ ดังนี้ครับ
วิธีคิด : วิธีคิดของผมเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ได้เรียนวิชานี้ ยังคิดแค่่ว่า เรียนไปให้จบก็พอ แต่หลังจากที่ผมได้เรียนวิชานี้กับอาจารย์ประจำวิชาคนนี้ ความคิดผมเปลี่ยนไปจากเดิม อาจารย์สอนแนวคิดการพัฒนาตนเอง การคิดถึงสิ่งอื่นนอกจากตัวเอง และการคิดถึงพ่อแม่ บุพการีที่อบรมสั่งสอนเลี้ยงเรามาจนโต
ทัศนคติ : ก่อนที่ผมจะได้เรียนวิชานี้ ทัศนคติของผม คือ อะไรก็ได้ที่มันง่าย ๆ และไม่ต้องเหนื่อย เรียนจบไปก็ไปเป็นครู ผมคิดง่ายไป ซึ่งการเป็นครูมันไม่ใช่เรื่่องง่าย และเหนื่อยมาก พอผมเรียนวิชานี้ได้สักพัก ผมจึงทบทวนตัวเอง ว่าเป้าหมายในชีวิตที่ผมต้องการที่สุดคืออะไร จากที่ตัวผมไ่ม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ผมเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง แล้วเป้าหมายในชีวิตของผมก้ชัดเจนขึ้น
การใช้ชีวิต : เมื่อก่อนผมเป็นคนทำอะไร ไม่ทำจริงจัง และไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องสำคัญ ๆ ทำงานส่งอาจารย์ก็มักจะทำก่อนถึงเวลาส่งแค่ไม่กี่วัน แต่การได้เรียนวิชานี้ ผมเลยเข้าใจว่า การทำงานให้เสร็จก่อนถึงเวลาส่งหลายวัน ทำให้เราสบายใจกว่า เพราะอาจารย์สั่งงานเยอะมาก ผมแทบจะไ่ม่มีเวลาว่างได้ทำอย่างอื่น แต่นั่นก็เป็นการฝึกฝึกฝนความขยันในตัวเอง ผมจึงขยันมากขึ้น
............................................................................................................................................
"... คุณรู้ไหม นี่คือตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัยผมเอง ที่คิดแบบนี้ คิดแค่ทำอะไรไปวัน ๆ เดี๋ยวก็จบ เค้าได้ไม่ได้คิดว่า ก่อนจะไปเป็นครูควรทำอย่างไรให้ดีที่สุด ..." (ผู้เขียนบันทึก)
............................................................................................................................................
ผมเป็นคนขี้อาย อายที่จะแสดงความรักต่อพ่อแม่ ต่อครอบครัว แม้แต่การกอดพ่อ กอดแม่ ผมไม่ได้กอดท่านมาหลายปีแล้วตั้งแต่ยังเด็ก แต่อาจารย์สอนว่า "หากเราไม่กอดท่าน ไม่บอกรักท่านในตอนนี้ หากวันหนึ่งท่านเสียไป เราจะไม่มีใครให้กอด ให้บอกรัก"
หลังสัปดาห์นั้น ผมกลับบ้านไปกอดพ่อและแม่ แล้วบอกว่า ผมรักพ่อกับแม่ ท่านแปลกใจว่า ทำไมวันนี้ผมมาแปลก เพราะปกติไม่ค่อยทำแบบนี้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีที่ผมกล้าจะแสดงความรักให้พ่อกับแม่ได้เห็น
............................................................................................................................................
"... นั่นเป็นคำพูดของผมที่สอนทุกคนในห้อง หลังจากได้ชมวีดิทัศน์ของคุณหมอพงศ์ศักดิ์ไปแล้ว และมันได้ผลทุกครั้งครับ ..." (ผู้เขียนบันทึก)
............................................................................................................................................
เมื่อถึงโลกปัจจุบัน สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไป คนที่อยู่ในสังคมก็เปลี่ยนไปด้วย
การเป็นครูต้องตามโลกให้ทัน ตามความคิดของเด็กให้ทัน
มิฉะนั้น คนที่เป็นครูก็เพียงแค่ทำหน้าที่สอน แต่เข้าไม่ถึง และเมื่อเข้าไม่ถึง
เด็กจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้ตามที่เราอยากให้เขาได้เป็น ได้คิด และได้ทำ
เด็กทุกคนมี "ความกตัญญู" นะครับ แต่เราต้องไปปลุกให้เขากลับมาใช้มันอีกครั้งหนึ่ง
มิฉะนั้น เขาจะเดินห่างออกไปจนตามไม่ทัน
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
Happy Ba ครับ ;)...
ภาพสุดท้ายเป็นภาพอาจารย์ was หรือบอกอ วิติ๊ด คะ :)
เหมือนที่หัวหินเลยครับ
ภาพผมที่ดูอ้วนเกินความจริงไปหน่อยครับ อิ อิ
ขอบคุณมากครับ คุณหมอบางเวลา ป. ;)...
ชน "ข้าวซอย" ครับ 555
โอ๊ะ Globalization ไงครับ ท่านอาจารย์ โสภณ เปียสนิท 555
ขอบคุณมากครับ ;)...
สวัสดีครับ
การท่จะเป็นครูอาจารย์ได้นะครับ
คงจะต้องมีใจรักมาก ๆ นะครับ
แต่อีกส่วนนั้น ส่วนตัวผมคิดว่า ควรที่จะเป็นคนที่ได้ เกรดเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไปนะครับเป็นตัวตัดสิ้น
เพราะบุคคลเหล่านี้จะมีภาวะบางอย่างที่แตกต่างกับคนที่เรียนไม่ถึงหลาย ๆ กรณีนะครับ
ทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ผมเลยอยากให้สิ่งนี้เป็นตัวตัดสิ้นก่อนอันดับแรก
ถ้าใครไม่ถึงก็ไม่ต้องฝันว่าจะเป็นครูหรืออาจารย์นะครับ จะได้ไปหาทำงานอย่างอื่นนะครับ
ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีงานทำ ไปเป็นครูอาจารย์ดีกว่านะครับ
น้องๆ กลุ่มนี้มีต้นทุนชีวิตดีที่ได้พบท่านอาจารย์และได้เรียนรู้ความเป็นจริงที่ดีงามในชีวิตตั้งแต่อยู่ในมหาวิทยาลัย
บางคนต้องลองผิดลองถูกเกือบครึ่งชีวิตกว่าจะเข้าใจเหมือนน้องๆ เขาในวันนี้
คนบางคนหายใจหมดไปทั้งชีวิตแล้วยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็มี
ดีใจและชื่นชมการสอนของอาจารย์ที่ช่วยร่นระยะเวลาการเรียนรู้ของน้องๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ตอนเรียน ป.ตรี ผมก็ไม่ถึง ๓.๐๐ เหมือนกันครับ คุณ ลูกสายลม ;)...
เกรดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเท่านั้นครับ
แต่เราไม่ต้องการ "คนเก่งแต่เลว" เราต้องการ "คนเก่งแต่ดี"
หรือ "คนไม่เก่งมาก แต่ดี" เท่านี้ก็ได้ครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
เช่นนั้นเลยครับ อาจารย์ ...ปริม pirimarj... ;)...
เรามาเรียกว่า "ชะตากรรม" ดีไหมครับ อาจารย์ ;)...
เราเปรียบเทียบได้ชัดที่สุด ก็คือ วิชากลาง ไม่ว่าจะเป็นวิชาศึกษาทั่วไป หรือ วิชาชีพบังคับ
วิชาเดียว มีคนสอนหลายคน เด็กคนไหนลงกับอาจารย์ท่านอื่ืน (ที่สอนไปอย่างนั้น)
ผลคงแตกต่างกันอย่างแน่นอนครับอาจารย์
ขอบคุณมากครับ ;)...
สวัสดีครับ แวะมาตอบอีกทีนะครับ
เกรดอาจเป็นส่วนประกอบก็จริงนะครับ แต่ก็บ่งบอกถึงความขยันของบุคคลนั้นได้ระดับหนึ่งครับ
ส่วนเก่งแต่เลวหรือไม่เลวนั้น หรือเก่งแต่ดี หรือไม่เก่งแต่ดีหรือไม่ดีนั้น เป็นถามที่ไม่มีใครสามารถตอบได้นะครับ เพราะเป็นความรู้สึกทางอารมณ์มากกว่านะครับ
ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ นะครับ มีคนอยู่ 3 คน
คนแรก ทำงาน เวลา 06.00 น. ถึง 17.00 น
คนที่สอง ทำงาน 16.00 น. ถึง 01.00 น.
คนที่ สาม ทำงาน 24.00 น. ถึง 08.00 น.
จะสังเกตได้ว่าทุกคนจะมีชั่วโมงที่เกินกันนิดหน่อย และสามารถทำให้คนที่ 1 ได้เห็นคนที่ 2 และคนที่ 2 สามารถเห็นคนที่ 3 เเละคนที่ 3 สามารถเห็นคนที่ 1
คนที่ 1 เป็น ที่ ขยันทำงาน เข้าตรงต่อเวลา ไม่ขโมยของในที่ทำงาน กลับบ้านไปด่าเมีย ตีลูก
คนที่ 2 เป็นคนที่ขโมยของที่ทำาน พูดเสียงดัง ด่าเพื่อนร่วมงาน กลับบ้านไป สวดมนต์ ชอบไปวัดวันหยุดเป้นประจำ
คนที่ 3 เป็นพูดจาสุภาพ เรียบร้อย ให้เพื่อนยืมเงินหรือช่วยเหลือเพื่อทุกอย่าง กลับบ้านไป กินเหล้า เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน
เมื่อคนทั้งสามคน เวลาเจอและคุยกัน หรือคุยกับคนอื่นสามารถบอกได้ว่า
คนที่สองอาจบอกว่าคนที่หนึ่งเก่งครับ มาทำงานตรงต่อเวลา
คนที่สามก็บอกว่า คนที่สองชอบขโมยของที่ทำงานเสมอเลย
คนที่หนึ่งบอกว่าคนที่สาม เรียบร้อยดี
และก็สลับกัน
จะเห็นได้ว่าทั้งสามคนนั้นก็ไม่ได้มีใครดี ถ้าคิดตามหลักการโดยทั่วไป
ผมถึงบอกว่าสิ่งนี้เป็นการยากมาก ถ้าเราจะบอกว่าใครดีหรือไม่ดีครับ
แต่ความเป็นครูอาจารย์นั้นจะต้องมีหลักเกณฑ์ เพื่อที่จะสรรหากลุ่มบุคคลที่ดีกว่าบุคคลอื่น ๆ ก็เท่านั้นนะครับ
สิ่งนี้จะเป็นเกาะให้กลุ่มครูหรืออาจารย์ จะได้ไม่ใครกล่าวว่า ไม่มีอะไรทำแล้วไปเป็นครูอาจารย์นะครับ
ผมต้องการสร้างสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นนะครับ ส่วนกลุ่มคนที่ไม่ถึง 3 ก็ยังสามารถไปเรียนได้นะครับ เพื่อพัฒนาตนเองให้ได้ ก็สามารถเข้ามาเป็นได้นะครับ
ถ้าเราเริ่มต้นดี แม้จะทำ ดีหรือไม่ได้ ผมคิดว่า ผ่านะครับ
ถ้าเริ่มต้นไม่ดี แม้จะทำดีหรือไม่ ผมคิดว่าก็ ตกนะครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีหลักในการเดินนะครับ
แต่ครูอาจารย์ยังขาดหลักตัวนี้ และผมก็อยากให้มี เพื่ออนาคตที่ดีของชาตินะครับ ไม่ใช่ตัวผม
เป็นสิ่งที่อยากให้มีมาก ๆ ครับ
ขอบคุณนะครับ เสนอแนะได้นะครับ
ความคิดอาจไม่ตรงกันได้ครับ แต่หลักการต้องตรงกันนะครับ เพื่อสร้างสังคมครูอาจารย์ที่ดีไม่ให้คนไม่ดีมาหาประโยชน์ครับ
ขอบคุณครับ
ยอมแ้พ้แล้วกันนะครับ ;)...
แหม ๆ อาจารย์เล่นตัดบทนะครับ
ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ อาจกล่าวแรงไปนิดนะครับ
แต่หวังจะให้มีกฏและหลักเกณฑ์มากกว่านะครับ ไม่อยากให้ใช้อารมณ์หรือจินตการไปตัดสิ้นใครนะครับ
ขอบคุณครับ
ด้วยประสบการณ์ตรง ไม่ีมีอารมณ์ครับ ;)...
ยินดีที่คนรุ่นใหม่มีความคิดเป็นของตัวเองครับ
ดีกว่าเดินตาม แต่ไม่รู้เหตุผล
ยินดีและขอบคุณครับ ;)...
เป็นหัวข้อบันทึกที่.. ต้องรีบแวะเข้ามาอ่านค่ะ เมื่อก่อน kunrapee ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน.. แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผ่านไป ประสบการณ์เริ่มสอนให้เราคิด คิดที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคุ้มค่ามากที่สุด โดยเริ่มจากคนใกล้ตัวของเราเองนี่แหละ.. ตามหัวข้อบันทึกของอาจารย์ค่ะ (เด็กๆโชคดีที่ได้เรียนรู้ ทำให้คิดได้เร็วขึ้น)
ขอบคุณมากครับที่คุณ kunrapee แวะเข้ามาให้กำลังใจนะครับ ;)...
ลมหายใจไม่นานเท่าไหร่ก็ไปจากโลก เราต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด
การเป็นครุเหมือนแม่ปูที่สินลูก ครูจะปลูกจะสอนศิษย์ดีได้ ครูต้องเป็นแบบอย่างทางครรไล ศิษย์เดินได้เพราะเรียนรู้ตามครูเดิน แวะมาชื่นชมค่ะ
ขอบคุณมากครับ ท่านคณบดี ผศ ทิพยวรรณ นิลทยา ;)...