สาเหตุที่พระภิกษุถูกติเตียน


คนที่ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก

        ทุกคนย่อมเคยถูกติเตียนหรือถูกนินทา มาอย่างแน่นอนไม่รู้กี่ครั้งนะครับ  คนที่ติเตียนผู้อื่นนั้น โดยปรกติแล้วก็จะติเตียนได้ไม่เกิน ๗ วันนะครับ ถ้าจะยาวก็ไม่เกิน ๑๕ วัน 

      เเม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังเคยถูกติเตียนนะครับ ส่วนสาวกนั้นก็สามารถถูกติเตียนได้  โดยเมื่อนำมาคิดตามก็จริงอย่างนั้นจริง ๆ 

เพราะเหตุใด  สาวกของพระพุทธเจ้าจึงถูกติเตียนจากบุคคลอื่น  คือ

๑.  สาวกไม่ศึกษาความสงัด  ไม่ว่าจะเป็นสาวกผู้เถระ  ปานกลางและหรือผู้บวชใหม่

๒.  สาวกไม่ละธรรมที่พระศาสดาสอนให้ละ

๓.  สาวกเป็นผู้มักมาก  ย่อหย่อน  เห็นแก่อามิสและการหลับนอน 

          ธรรมที่ศาสดาสอนให้สาวกละจัดเป็น ๘ ประการ คือ  ๑)  ความโลภและคิดประทุษร้าย  ๒) ความโกรธและผูกโกรธ  ๓) ลบหลู่บุญคุณท่านและตีเสมอ ๔) ริษยาและตระหนี่  ๕) มายาและโอ้อวด  ๖) กระด้างและแข่งดี  ๗) ถือตัวและดูหมิ่นท่าน ๘) มัวเมาและประมาท

    เมื่อนำมาประมวลดูแล้ว  ผมก็คิดว่า สภาพสังคมของผู้สงบนั้นควรอยู่ในป่าและไม่ควรมีเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาเกี่ยวข้อง ชีวิตถึงจะสงบได้นะครับ

    สืบเนื่องมาจากเรื่องพระศรีสกลกิจ อันเป็นอุปัชฌาจารย์ที่เคารพรักของผมที่ท่านได้เสียชีวิตนะครับ

          http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501604

   เพราะเมื่อวันก่อนพี่ ๆ  ที่รู้จักท่านได้โทรศัพท์มาบอกว่า พระที่อยู่ในวัดท่านหนึ่ง  โดนออกหมายจับกรณีสงสัยว่าฆ่าพระศรีสกลกิจ  ซึ่งพระท่านที่ถูกออกหมายจับนั้น  ผมก็รู้จักดี  แม้อาจคิดว่าท่านจะกล้าหรือ  

   แต่เราก็ไม่สามารถหยั่งรู้รากนิสัยขอคนเราไปเสียทุกคนนะครับ  ตำรวจว่ามีข้อสงสัยหลายประการนะครับว่า

   ๑) ชาวบ้านได้ยินเสียงเจ้าคุณร้อง  แต่ท่านไม่ได้ยินและระยะห่างกุฎิทั้งสองก็ห่างกันไม่มาก

    ๒) โจรที่จะมาทำร้ายทำไม ถึงเอาสายประคดเอว ฆ่าเจ้าคุณ  ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงจะต้องเตรียมสิ่งที่จะฆ่ามาแล้ว ไม่ใช่มาหาเอาในวัด

   ๓) มีคนหนึ่ง  พึ่งออกมาบอกว่า ก่อนวันนั้นหนึ่งวัน เจ้าคุณพึงไปขายที่ซึ่งเป็นมรดกของทางบ้านนะครับ แต่ว่ายังเป็นของท่าน  ไม่ใช่ของสงฆ์นะครับ เป็นสิ่งของที่ได้มาจากบิดามารดานะครับ ท่านพึงขายไป ๖ แสน เลยคิดว่าคนที่รู้ก็คือ พระองค์นี้นะครับ  และเป็นมูลเหตุในการฆ่าด้วย

  คิด ๆ ดู ผมว่าพระในสมัยก่อนก็น่าจะดีนะครับ  อยู่กับธรรมชาติ  ไม่มีสิ่งของใด ๆ แม้จะบวชก็ต้องไม่นำมา  อยู่ด้วยตัวคนเดียว  ปัญหาก็ไม่เกิด  สื่อสารออนไลน์  โทรศัพท์  โทรทัศน์  ไม่ควรมีสำหรับผู้ทรงศีลจริง ๆ นะครับ วัดก็ไม่ควรสร้างอะไรมาก อยู่อย่างพอเพียง  และปัญหาก็ไม่เกิดขึ้น

  บางครั้งก็อยากให้เป็นเหมือนอย่างอดีต  แต่โลกก็ต้องเจริญไปข้างหน้า ระหว่าง อัตลักษณ์ และ อัตตาภิวัตร ที่ต้องเจริญต่อไปเรื่องจิตใจ  ก็เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักรู้ให้มากนะครับ

หมายเลขบันทึก: 504929เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2012 15:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม 2012 08:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • พระในปัจจุบันเปลี่ยนไปนะครับ
  • แต่เรายังมีพระดีๆมากกมาย
  • เช่นพระอาจารย์มิตซูโอ๊ะ
  • หลวงพี่ไพศาลและอีกหลายๆรูปนะครับ

พระที่อุบาสกกล่าวถึงเป็นเพียงผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาอยู่ ในกระบวนการนี้ยังถือว่าท่านบริสุทธิ์อยู่ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะผิดหรือถูก นอกจากโยมจะเสียใจที่สูญเสียอาจารย์ไปแล้ว มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้สูญเสียผู้อำนวยการห้องเรียนสกลนคร เช่นท่านอาจารย์เจ้าคุณศรีสกลกิจไปอย่างน่าเสียดาย และเสียใจ เพราะหลวงพ่อเป็นพระนักการศึกษาที่เป็นประทีปนำทางพระสงฆ์ในจังหวัดสกลนครที่โดดเด่น และอีกนานกว่าจะได้เห็นพระเช่นนี้อีก แต่เชื่อว่า สิ่งที่ท่านสร้างไว้จะไม่สูญเปล่า พวกเราจะสานเจตนารมณ์ท่านต่อไป

ขอขอบคุณ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

และขอกราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยครับ

ที่มีปฏิการตอบมานะครับ

เห็นด้วยกับทั้งสองท่านนะครับ

คนดีมักอยู่ลำบากนะครับ พระดีก็เช่นกัน คนที่จะทำลายมักเข้ามาโดยที่เราไม่รู้นะครับ

 

สาเหตุที่ ... พระภิกษุถูกติเตียน ... มีหายสาเหตุ นะคะ .... ปัจจุบัน .. พระภิกษุ เปลี่ยนไป ... ทำไงดีค่ะ

ขอบคุณพี่เปิ้ลนะครับ

สาเหตุเป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป แล้วพระสงฆ์ก็เลยเปลี่ยนตามสภาพสังคมไปด้วย แต่จริง ๆพระสงฆ์นั้น ไม่ควรที่จะเปลี่ยนไปตามสภาพสังคมนะครับ

ถ้าพระสงฆ์ไม่เปลี่ยนไป ถามว่าจะดำรงอยู่ได้ไหม ได้ครับ ยิ่งดีเสียอีกครับ

เพราะถ้าคนรู้สึกไม่ดี ยังไงก็ต้องเข้าวัดอยู่แล้วครับ ฉะนั้น จะต้องดีแน่นอนครับ

ขอบคุณ คุณชยพร แอครัจน์ กับดอกไม้นะครับ

ขอบคุณครับ

คนที่แปลงตน แปลงใจเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่แปลงใจเป็นพระภิกษุ... ทำอย่างไรเสีย "พระภิกษุก็ไม่เปลี่ยน" เพราะภิกษุคือผู้ที่เห็นคุณเห็นโทษในการใช้ชีวิตในฐานะเป็น "คน" ฉะนั้น คนต่างหากที่เปลี่ยนไปในขณะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ พระภิกษุโดยองค์ธรรมไม่เคยเปลี่ยนไปในทางที่ตกต่ำ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ "จิตได้รับการพัฒนาสูงขึ้น"

เจริญพร

ขอบคุณพระคุณเจ้าที่แวะมาให้ข้อคิดหลักธรรมนะครับ

สิ่งที่พระคุณเจ้ากล่าวถูกแล้วครับคนที่เปลี่ยนไม่ใช่พระภิกษุที่เปลี่ยน

แต่เราก็ไม่ควรลืมนะครับว่า คนทั้งหลายในโลกนี้ ได้อาศัยความเป็นภิกษุ จึงชื่อว่าภิกษุ (โดยสมมติสงฆ์)

ฉะนั้น เราจะแยกโดยสามัญย่อมแยกไม่ได้ครับ อาจแยกได้โดยปรมัตถะ ซึ่งก็มองไกลตัวไปนะครับและอาจจะดูยากสำหรับคนทั่วไปนะครับ

แต่ก็ขอบคุณพระคุณเจ้านะครับ

I have just read Buddhadassa's ตำราดูพระ where behaviour of bhikku (in plural bhikkhave) at the Buddha's time are described (in the Vinaya) as in the 227 silas. Many (even famous) bhikkhave would have failed (in some ways) to be พระแท้.

Sad but 'anicca'.

ขอบคุณ คุณ SR นะครับ สำหรับ Comment ที่มีให้ครับ

เรื่องนี้ถ้าจะพูดว่ายากก็ยากครับ พูดว่าง่ายก็ง่ายครับ

การอธิบายใด ๆ ในทางเกี่ยวกับศาสนานั้น จริง ๆ ผมว่าบางครั้งก็ควรยกไว้นะครับ ไม่อยากก้าวล่วงมากไป

ผมเคยเขียนอยู่ต่อหนึ่งจำไม่ได้นะครับว่า มีพระที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง เคยออกมาพูดทางทีวี ว่า ถ้าพระพุทธองค์ทรงยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ตอนนี้อาจจะทรงอยู่ที่กุฎิและทรงใช้ internet อยู่ก็ได้

ผมฟังครั้งแรกก็รู้สะดุ้งเลยครับ คิดได้ไง เอาความคิดปุถุชนไปเทียบกับพระอริยะ คำสอนพระพุทธองค์แน่นความสงัด จะใช้ทำไมกับของแบบนั้นนะครับ

แต่ก็เป็นหลักคิดของใครของตัวเองนะครับ

ผู้ที่จะทำอะไรก็แล้ว มักจะหาข้ออ้างหรือคำพูดดี ๆ มาพูดเพื่อทำใไ้ตัวเองดูดีเสมอนะครับ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท