อุเบกขา เป็น antidote ของ กรุณา


เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเรานี้ล้วนแล้วแต่เป็นครูของเราทั้งสิ้น ถ้าเราให้เวลาที่จะคิดให้ตกผลึกกับสิ่งนั้น เราก็จะได้คำสอนที่น่าสนใจให้กับชีวิตเราเอง

สองสามวันที่ผ่านมานี้ผมได้ฝึก "พรหมวิหารสี่" ในข้อ "กรุณา" กับ "อุเบกขา" อย่างพอประมาณทีเดียว

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า "เจ้าขาว" ซึ่งเป็นแมวจรจัดที่ได้อาศัยอยู่แถวบ้านของผม เมื่อหลายวันก่อนโดนแมวตัวอื่นกัดที่คอด้านบนในจุดที่มันเลียทำความสะอาดแผลไม่ได้ พอมาถึงเมื่อวานผมก็สังเกตว่าแผลเริ่มเป็นหนอง เขาว่าแผลที่เกิดขึ้นในจุดนี้นั้นถ้าไม่รักษาก็ต้องตายแน่นอน

แต่เจ้าขาวเป็นแมวดุ ตอนมันหลงมาที่บ้านใหม่ๆ อ.จัน เคยอุ้มมันครั้งหนึ่ง ปรากฎว่ามันแว้งกัดเข้าให้ ต้องฉีดยาไปหลายเข็ม แล้วยังไปข่วนเพื่อนบ้านอีกด้วย

ผมเคยไหว้วานคุณไพศาล ช่างที่ช่วยต่อเติมบ้านเอาไปปล่อย ครั้งแรกปล่อยห่างบ้านประมาณไม่กี่กิโลเมตร ปรากฎว่ามันสามารถกลับมาบ้านผมได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เลยเอาไปปล่อยอีกที่อำเภอนาหม่อม ซึ่งห่างจากบ้านผมประมาณร่วมสิบห้ากิโลเมตร ปรากฎว่าผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เจ้าขาวก็กลับมาได้อีก สร้างความประหลาดใจให้แก่พวกเรามาก

ตอนที่เจ้าขาวกลับมานั้น มันผอมโซทีเดียว เดาว่ามันคงใช้เวลาในการเดินทางเท่านั้นและไม่ค่อยได้กินอะไร

ที่น่าแปลกใจว่ามันกลับมาได้อย่างไรนั้นพอทำเนา แต่สิ่งที่ผมข้องใจจริงๆ ก็คือ "มันกลับมาทำไม"? เพราะผมก็ไม่ได้ให้อาหารมัน ยกเว้นว่ามันแอบเข้ามากินอาหารของแมวที่เลี้ยง แล้วเราก็ไล่มันออกไปทุกที

แต่การที่มันอุตส่าห์เดินทางข้ามอำเภอกลับมาได้ ผมก็เดาว่ามันคงเลือกบ้านนี้เป็นบ้านของมันด้วยเหตุผลบางประการที่เกินกว่ามนุษย์เราจะเข้าใจได้ ดังนั้นเลยตัดสินใจให้มันวนเวียนอยู่แถวบ้านและยอมให้กินอาหารเหลือจากพี่มิ้งและเจ้ามะขาม (แมวที่เลี้ยง) ก็แล้วกัน

กลับมาเรื่องแผลของมันต่อ

หลังจากเห็นแผลมันเริ่มเน่า ผมเลยตัดสินใจจะเอามันไปหาหมอ แต่ก็ไม่สามารถจับมันได้ มันหนีหายไปในบ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านติดกัน

พอตกตอนเย็นมันก็ไม่ได้กลับบ้าน และผมก็เริ่มไม่สบายใจ ว่าเราตัดสินใจเลี้ยงมันแล้ว แต่มันกลับมามีอันต้องเจ็บป่วยโดยที่เราพยายามช่วยเหลือแล้วก็กลับช่วยไม่ได้

นอนพลิกไปพลิกมาอยู่พักใหญ่ก็ได้คิด ว่าเรามีความกรุณาต่อมัน แต่ความกรุณานั้นเมื่อไม่ประสบผลสำเร็จก็กลับกลายเป็นความทุกข์ให้ใจเราหม่นหมองไปเสีย ศาสนาพุทธบอกให้แก้ด้วยอุเบกขา ปล่อยวางความทุกข์เช่นนี้ไป คิดแล้วอุเบกขานี้ก็มีเหตุผลจริงด้วย

ที่จริงแล้ว ในอดีตผมเองไม่ค่อยชอบศาสนาพุทธสายเถรวาทเท่าไหร่ก็เพราะเรื่องอุเบกขานี่ละครับ ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาสนับสนุนให้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างเต็มที่ เถรวาทกลับเน้นที่เรื่องส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายของความเป็น "พระอรหันต์" ซึ่งแตกต่างกับ "พระโพธิสัตว์" และ "เซนต์"

ถ้าในมุม "พรหมวิหารสี่" เถรวาทให้น้ำหนักกับ "มุทิตา อุเบกขา" ในขณะที่มหายาน (และคริสต์ เท่าที่ผมได้ศึกษามา) ให้น้ำหนักกับ "เมตตา กรุณา"

แต่เอาเข้าจริงปรากฎว่าในการปฎิบัติที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อวานนั้น อุเบกขาช่วยผมได้มากทีเดียว ถ้าไม่มีสติที่จะปล่อยวางสิ่งที่ทำไม่ได้ ทุกข์ก็จะเกิดขึ้นกับเราโดยไม่มีทางออก

คิดแล้วผมได้คำตอบว่าใน "พรหมวิหารสี่" นี้ไม่เสียแรงที่คิดกันมาเป็นพันๆ ปี เพราะสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง มียาแก้ (antidote) ของในแต่ละหัวข้อไว้หักล้าง "พิษ" ของกันและกันอยู่ในตัว

และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ "อุเบกขา" นั้นเป็น "ยาแก้" ของ "กรุณา" นั่นเอง

สำหรับเจ้าขาว วันนี้ผมสามารถจับมันได้และเรียกร้านหมอมารับตัวมันไปเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันผมค่อยโทรไปถามอาการ แต่แผลขนาดนี้ถึงมือหมอแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกไม่นานก็คงกลับมาไล่กัดพี่มิ้งค์และเจ้ามะขามได้ต่อตามกรรมของแมวสามตัวนี้ต่อไป

หมายเลขบันทึก: 499891เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2012 14:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กันยายน 2012 20:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

อาจารย์คะ แปลกใจเรื่องเจ้าขาวมาก แมวมีความจำเรื่อง place memory ดีขนาดนี้เลย

เดี๋ยวตอนค่ำจะกลับมาแลกเปลี่ยนเรื่อง อุเบกขา ค่ะ

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

อาจารย์ค่ะ

ชื่นชมอาจารย์มากค่ะที่มีเมตตาต่อเจ้าขาวมัน น่าทึ่งที่มันอุตส่าห์กลับมาได้จากต่างอำเภอ....ปีก่อนๆ ทำงานกับแมวชุมชนมากค่ะ มีอยู่ในความดูแลร่วมสามสิบและก็เสียน้ำตาทุกครั้งที่มีเหตุต้องเสียมันไป บางทีก็พาลโกรธคนที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นเรื่องใหญ่โตวุ่นวายหัวใจเพราะไม่รู้จักอุเบกขานี่แหละค่ะ ถึงขนาดไม่ยอมย้ายบ้านเพราะกลัวจะไม่มีใครดูแลพวกมัน

ตอนนี้เริ่มรู้สึกปล่อยวางได้มากขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้ทั้งหมดอีกเหมือนกัน....

ขอบคุณค่ะที่ช่วยเตือนสติ....

สวัสดีค่ะอาจารย์ธวัชชัย

อาจารย์ค่ะ..คุยกันตามประสาคนรักแมว ชอบแมว ที่บ้านเคยเลี้ยงมากสุด 5 ตัว เพราะ แมวที่บ้านชวนเพื่อน เดินกลับมาอยู่ที่บ้านเพิ่มด้วยอีก 1 ตัว เดินมาแบบขาพิการ ตัวนี้เลยเรียกคะแนสงสารเต็มๆเลย ทำให้ไม่เกเรมากนัก แถมสงบเสงียม กินทีหลังตัวอื่น เลยมีเรื่องราวน่าเรียนรู้มากมายกับพฤติกรรมแมว....อืมม์...สุดท้ายเจ้าขาว "ฮีโร่"ก็เลยเป็น "ครู" ในการตื่นรู้ ธรรมของผองเรา "เมตตา-กรุณา... "อันว่าความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ...ขอบคุณ..ธรรมะ น่ารู้...ประจำวันนี้ค่ะอาจารย์

เรื่องของการปล่อยแมว แล้วกลับมาบ้านได้อีกเีนี่ย เคยเห็นเช่นกันค่ะ แถวๆ้บ้านเค้าระอากับพฤติกรรมของแมว อยากเอาแมวไปปล่อย ด้วยความที่รู้มาว่า แมวสามารถกลับบ้านมาได้อีก เค้าเลยเอาแมวใส่กระสอบไป ก่อนปล่อย ก็หมุนๆกระสอบ คล้ายๆกับทำให้งง เหมือนเวลาเราหมุนๆตัวต่อเนื่องกัน ..ปล่อยไปแล้ว สุดท้ายก็เหมียวน้อยกลับมาที่เดิมเหมือน เจ้าขาว ต้องเลี้ยงดูกันต่อไป แต่รักษาระยะห่าง แมวก็สื่อถึงกันได้ค่ะ  ใครมีเมตตา   เจ้าขาว..จึงได้กลับมาหาอาจารย์อีก  ขอให้..ขาว หายเร็ววันนะค่ะ อาจจะหายเกเรแล้วก็ได้รอบนี้ ไม่ไล่กัดพี่มิ๊งค์และมะขาม..อืืมม์.. สำนึกผิด อิอิ..:-))

นอกจากจะได้ฝึก พรหมวิหารสี่ แล้ว ยังถือว่า ท่านเป็นผู้ที่มีปัญญาบารมี (รอบรู้และเข้าใจในสภาวธรรม ตามความเป็นจริง) เพราะ สังเกตจาก การนำอุเบกขามาใช้ กับตน คนที่มี อุเบกขาบารมี มักจะเป็นผู้ห่างไกลทุกข์ เป็นจริงดังพระท่านว่า พระพุทธเจ้า มักจะตรัสเฉพาะสิ่งที่เป็นจริงและมีประโยชน์ เท่านั้น ไม่เช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงตรัส คุณทำถูกต้องแล้วหละค่ะ เมื่อเรากรุณาเค้าแล้ว แต่ก็ยังช่วยไม่ได้ แถมยังทำให้ใจเราทุกข์อีก อย่างนี้ เราก็ต้องใช้อุเบกขา วางใจเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆตน เปรียบเหมือนเราเจอคนกำลังจะจมน้ำ หากเราเองว่ายน้ำไม่เป็นแล้วโดด ลงไปช่วยทันที ก็มีแต่จะพลอยจมไปด้วยกัน (ตายแน่ๆ55) แต่หากเรา ชุกคิด หาไม้ หาคนมาช่วย เค้าก็ยังพอมีทางรอด ยังไงเสียเราก็ต้องเอาตัวเองรอดก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาช่วย คนอื่นทีหลัง ไม่ใช่เป็นการเห็นแก่ตัว แต่จำเป็นต้องวาง ไม่งั้นเราก็ไม่ถึงฝั่ง เสียที เพราะ มี ห่วง (คนตกน้ำ) คอยฉุดรั้งเราไว้ ไม่ให้ไปไหน ไม่มีความก้าวหน้า ผลลัพธ์ก็คือว่า เสียเวลา

อ่านเรื่องนี้ แล้วนึกถึงคำที่

อ. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ได้มาเล่าให้เราฟังว่า ...

แต่ก่อนคนไทย เป็นแชมป์ เมตตา กรุณา

แต่เราไม่ค่อยมี มุฑิตาให้กัน

ดังนั้น เราต้องมาตั้งชมรม ชมกันเองดีกว่า...

 

อุเบกขา เป็นยาแก้ของ กรุณา มันก็ยากอยู่นะคะอาจารย์

....ที่จริงแล้ว ในอดีตผมเองไม่ค่อยชอบศาสนาพุทธสายเถรวาทเท่าไหร่ก็เพราะเรื่องอุเบกขานี่ละครับ ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาสนับสนุนให้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างเต็มที่ เถรวาทกลับเน้นที่เรื่องส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายของความเป็น "พระอรหันต์" ซึ่งแตกต่างกับ"พระโพธิสัตว์" และ "เซนต์"

ตอนแรกๆผมต่อต้าน ถกเถียงกับ พี่ๆอยู่นานว่า " ศึกษาไปทำไม มันทำให้ระสึกว่า ทำให้เราเห็นแก่ตัว ไม่ช่วยสอน ช่วยแนะนำผู้อื่น บ้างหรือ??? ทำไมเราไม่บอกให้คนอื่นเห็นถูก/ผิด"

....เมื่อได้มาศึกษาและปฏิบัติเองก็จะรู้ครับว่า..........หลักธรรม  พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้ครอบคลุมทุกด้านแล้ว

.....เราพูด เราสอน คนอื่น ไม่ได้จริง แต่เราทำให้เขาเห็น และเข้าใจได้ด้วยสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ ครูบาอาจารย์ที่มีภูมิธรรมสูงมากๆ ท่านยังลำบากในการสอนธรรมผู้คนอย่างเราๆ อยู่เลย   ผมเคยใช้เวลาทุกเช้าชักชวน จนท. สารบรรณคุยเรี่องธรรมะ นั้นแล้วเป็นเดือนๆ ไม่มีใคร "เห็น" ....... 

......เราจะสอนคนตาบอดให้รู้จักสีต่างๆ ได้อย่างไร? ฉันใดก็ฉันนั้น......

ปัตจัตตัง จึงไม่ใช่เรื่องเอาเฉพาะตัวเองรอด หากศึกษาปฏิบัติกันจริงจัง

อ่านเรื่องเจ้าขาวกลับบ้านได้แล้วนึกถึงขำขันที่เพิ่งอ่านเจอของฝรั่งค่ะ เรื่องเอาแมวไปปล่อยนี่แหละ เขาปล่อยหลายรอบไกล ไปเรื่อยๆ ตอนหลังๆแมวกลับมาถึงบ้านก่อนคนปล่อยอีก แถมครั้งสุดท้าย คนปล่อยโทรกลับมาบ้าน ถามภรรยาว่าแมวถึงบ้านหรือยัง ภรรยาบอกว่ามันกลับมาแล้ว คนปล่อยบอกว่า ถามแมวให้หน่อยซิว่า กลับบ้านยังไง ตัวคนปล่อยขับวนไปวนมาจนจำทางกลับไม่ได้แล้ว...

เมื่อเช้าหมอโทรมาบอกว่าแผลเจ้าขาวนั้นหนอนขึ้นแล้ว เขาเอาออกไปเมื่อวาน วันนี้ก็เอาออกอีก คิดว่าพรุ่งนี้ต้องเอาออกอีกวันก็น่าจะหมด หลังจากนั้นแผลก็คงจะเริ่มรักษาตัวเองได้ ได้ฉีดยาแก้ปฎิชีวนะให้ด้วยแล้ว สัปดาห์กว่าๆ ก็น่าจะกลับมาซ่าได้

แต่ถ้าแผลหายเมื่อไหร่จะต้องจับทำหมัน ไม่งั้นก็ไปกัดกับเขาอีก

สวัสดีค่ะ ธรรมะก็คือธรมชาติ ธรรมชาติสอนเราตามโอกาสเสมอ และิจ้าขาวก็จะได้เรียนรู้แลรับพลงเมตตาจากอาจารย์ได้ในโอกาสต่อไป อย่าลืมฉีดวัคซีนกันบ้าให้เจ้าขาวด้วยนะคะ อนุโมทนาบุญค่ะ

  • แม่คนหนึ่งถามท่านเจ้าคุณปยุต ปยุตโต ว่า ทุกข์เหลือเกินเรื่องลูก  ท่านตอบดีค่ะว่า เมื่อเราได้เมตตาช่วยเหลือจนสุดกำลังความสามารถแล้ว แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่ ก็จำเป็นต้อง "อุเบกขา" เพื่อไม่ให้เราทุกข์ไปกับสิ่งนั้น 
  • และท่านสอนเพิ่มเติมอีกว่า  คนไทยเข้าใจอุเบกขาเพี้ยนไปมาก เช่น ยังมิได้ทำอะไรเต็มกำลังเลย ก็อ้างว่า "อุเบกขา"  ซึ่งไม่ใช่  เราใช้อุเบกขาก็เมื่อเราได้ทำเต็มกำลังของเราแล้ว  อุเบกขาจึงอยู่ลำดับสุดท้าย
  • พี่อ่านที่อาจารย์เล่า คิดว่าอาจารย์เข้าถึงพรหมวิหารสี่แล้วนะคะ

ในทัศนะของกะปุ๋มนะคะ

ที่จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิดในเรื่องของเถรวาทและมหายาน 

ที่ว่าเถรวาทมุ่งเฉพาะตัวเอง แต่มหายานมุ่งเพื่อผู้คน ... จริงๆ แล้วทั้งเถรวาทและมหายานพอถึงที่สุดคือ ... ปลายทางเดียวกัน

แต่จุดที่ต่างๆ คือ วิธีการ...

ในบางคนจิตที่ละเอียดเข้าสู่การเรียนรู้ จะเข้าล็อคของมหายานได้เลย 

หรืออุปนิสัยบางคน...ต้องเรียนรู้ผ่านวิถีของเถรวาท

พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทางเถรวาทหลายท่าน พลังแห่งความเมตตาประมาณหาที่สุดมิได้ เพียงแต่อุปนิสัยท่านไม่ได้ออกเผยแพร่ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการอธิษฐานจิตที่เป็นเป้าหมายของแต่ละบุคคล

ที่สุด...ไม่ว่าจะมหายานหรือเถรวาท แล้วทุกท่านต่างดำรงอยู่เพื่อโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย

การเรียนรู้ทำความเข้าใจในทัศนะเช่นนี้ 

หากเราได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ...เราจะเข้าใจความเป็นดั่งกันและกันของเถรวาทและมหายาน

...

Large_zen_pics_007 

ในความเห็นก่อนหน้า...เป็นทัศนะ

และอีกหนึ่งความรู้สึก ... ระหว่างที่อ่านบันทึกนี้

ทำให้นึกถึง "ดวงจิต"ของแมวตัวหนึ่ง ที่บากบั่นเดินทางมาเป็นระยะทางอันไกล

อ่านแล้วยิ้มในใจค่ะ เขาคงมีความรักและความผูกพันกับครอบครัวปิยะวัฒน์นะคะ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ที่จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะแค่นิกายครับ ผมยังคิดว่าทุกศาสนาที่จริงแล้วสอนในเรื่องเดียวกันทั้งสิ้นครับ ล้วนสอนให้เข้าถึงปลายทางเดียวกันทั้งนั้น แต่หนทางเดินเท่านั้นที่แตกต่างกันครับ

แผลของเจ้าขาว มันดีขึ้นแล้วยังคะอาจารย์

อุเบกขา เป็น antidote ของ กรุณา

การปล่อยวาง ต่างกันไหมคะ กับการวางเฉย

เมื่อไหร่มีโอกาสผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องความแตกต่างของการปล่อยวางกับการวางเฉยในมุมมองของผมนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท