ผมรู้สึกดีใจที่ในชีวิตของผมได้เจอะเจอกับบุคคลที่มีความดีงาม และเป็นต้นแบบให้กับชีวิตของผมตลอดมา
และกับบุคคลท่านนี้...ท่านคือ แม่ครูของผมเอง
ตลอดเวลาที่ผมตัดสินใจลาศึกษา... ถึง 2 ปีเกือบ 3 ปี เพื่อเรียนปริญญาโท
เมื่อมาทบทวนย้อนหลัง...ผมรู้สึกว่า....ผมมีชีวิตที่คุ้มเกินคุ้ม
ผมต้องตอบคำถามกับเจ้านายของผมทุกระดับชั้น ตั้งแต่ผมวางแผนการลาเรียนของผม ว่า...
ทำไมผมจึงเลือกเรียนสาขาสังคมวิทยา แทนที่จะเรียนสาธารณสุขต่อ เพราะผมจบปริญญาตรีด้านนี้
เมื่อผมสอบข้อเขียนได้แล้ว...และสอบสัมภาษณ์...ผมจำได้แม่นว่า...แม่ครูคนนี้ของผมเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมด้วย
ครูยิงคำถามสุดท้ายที่ทำให้ผมสะอึกพอสมควร....ว่ามีปัญหาการเงินไหม...ถ้าจะได้มาเรียน?...
แต่พอเข้ามาเรียนในชั้น...ถามเพื่อนในชั้น...เพื่อนบอกว่า...ครูถามคำถามนี้กับทุกคน
เพราะครูกลัวพวกเราเรียนไม่จบ และออกกลางคั่น
ชีวิตในรั้วมอขอ...ทิวสน...คณะ....โต๊ะหินอ่อน...ม้านั่ง...ดอกปี๊บ...
ซึ่งเป็นโลกอีกใบในการเดินทางทั้งชีวิต และการเรียนของผม
แม่ครูของผม..ให้กำลังใจ...และสั่งสอนผมและเพื่อนๆ เสมอๆ ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องส่วนตัว
แต่พิเศษมาก คือ ....แม่ครู..กับแม่ของผมเอง...เกิดตรงกับวัน และเดือนเดียวกัน
แม่ครูเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย...แต่ชอบให้ลูกศิษย์เรียกว่า “ครู”
แม่ครูจะดุมาก...พวกเราได้เรียนหนังสือกับแม่ครู...สัปดาห์ละหลายชั่วโมง
เสียงของแม่ครู...จะดังก้องในหูผม ทั้งยามหลับและตื่น...
แต่ความดุของแม่ครู...ทำให้เมื่อก้าวออกนอกรั้วมอขอ....กลับทำให้ชีวิตของผมเข้มแข็งมากขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อผมไปนำเสนอผลงานวิจัย...ในเวทีต่างๆ...ที่ราวกับผมเอาคอไปวางให้อาจารย์ผู้วิพากษ์ฟาดฟัน
การเรียนสังคมวิทยา...พวกเราต้องออกภาคสนามในหมู่บ้านประจำๆ…
ผมและเพื่อนๆ อดห่วงว่าครูจะเหนื่อย...แดดร้อน...อาหารการกิน....การนอนค้างอ้างแรม
แต่ปรากฏว่า...พวกเราเสียเอง...ที่เรื่องมากๆ ...จนครูต้องดุ...
เมื่อมีการนำเสนองานในชั้น และเวทีอื่นๆ ...ครูจะเรียกพวกเราให้นำเสนอให้ดูก่อน...ดูงานทั้งเล่ม
ครูเก่งมาก...เพราะลำพังของผมคนเดียวผมก็เกือบตาย..แต่ครูทั้งอ่านทั้งหมดทุกคน
บางวันต้องอยู่ และทำงานกันเกือบสว่างคาตา
และครูยังอดทนกับผมที่เหลวไหล...ไม่เอาถ่าน...ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
ถึงแม้ผมจะเรียนจบมานานหลายปี...ยังติดต่อกับครูเสมอๆ...
ยังคุยกันว่า...อยากดูแลครู...ครูไม่มีลูก...พวกเราเป็นลูกครูก็ได้.....เหมือนหนังสือ
Tuesday with Morrie…..วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี
กลับเป็นไปว่า...ครูต่างหากที่ดูแลและถามข่าวคราวพวกเราเสมอ และตลอดเวลาถึงปัจจุบัน
ครูจะดีใจสำหรับพวกเราเสมอๆ...ถ้ารู้ว่าลูกศิษย์มีเรื่องดีงามที่เกิดขึ้น
และครูจะเสียใจ...ถ้าลูกศิษย์มีเรื่องทุกข์ใจ...ซึ่งครูอาจจะทุกข์มากกว่าพวกเรา...ผมเชื่ออย่างนั้น....
ครูส่งข่าวข้อความทาง FB…ซึ่งนานๆ ครั้งผมจะเปิด...
ครูอยากให้ผมมางานแสดงมุทิตาจิตแด่อาจารย์สมศักดิ์ และอาจารย์เยาวลักษณ์...ที่จะเกษียณในปีนี้
แน่นอนผมต้องไปแน่นอน...
และผมได้เห็นข่าวดีของแม่ครูของผมที่จะได้รับรางวัลนี้....
รางวัลจากประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.)
ตัวรางวัลมันยิ่งใหญ่มาก...แต่สิ่งที่ครูเป็น...ครูทำ...สำคัญกว่า...สิ่งที่ครูสอน...และรางวัลที่ได้รับมากมายหลายเท่า...
ผมขอนำภาพบางส่วนที่ลูกศิษย์รุ่นน้อง...ที่แปะไว้ใน FB ของครู
มาเก็บด้วยในบันทึกของผม
ผมระลึกถึงภาพอย่างนี้...กับผม...เพื่อน....และครู
ผมแอบอิจฉารุ่นน้อง....ที่อยู่ในห้องที่มีแอร์ และคอมพิวเตอร์
ส่วนพวกผม..อยู่ตามพื้น...ตามทราย...และปิ้งแผ่นใส....
แต่ก็เห็นใจกับน้องที่แม่ครู...ยังมีสีหน้า...ทุ่มเท...มุ่งมั่น...กับลูกศิษย์ทั้งยามหลับ และยามตื่น...ที่ไม่เวลาไม่เปลี่ยนแปลง
แม่ครูเป็นครู 24 ชั่วโมงจริงๆ
ขอคาราวะ...ขอแสดงความยินดี....ผมรักครูครับ...
ตามมาอ่านต่อ หลังจากมอบดอกไม้ เน็ตหายเสียความตั้งใจอ่าน
เขาว่ากันว่า "ครูดี ==> ศิษย์ดี " .... และ .... "ศิษย์ดี ===> มาจากครูดี"....สรุป ดีทั้งนั้นนะคะ.... ข้อแค่คิดดี...แล้วความดี...จะออกมาสู่การปฏิบัติเอง"
เอาใจช่วย...และเอาใจส่งมาช่วย...สู้ ๆๆๆ สู้ ค่ะ
อาจารย์คิมรันโด กล่าวว่า
สิ่งที่ผมคาดหวังจากลูกศิษย์ไม่ใช่การประสบความสำเร็จ "ได้เร็ว" กว่าคนอื่น แต่คือการได้เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ "ได้มากที่สุด"
;)...
ครู : ใช่จะเพียงเป็นผู้ให้ความรู้อย่างเดียว ครู เป็นหลาย ๆ อย่าง ...โชคดี มีครูที่ดี : ครูมีศิษย์สัมฤทธิ์ผลทุกอย่าง...สัวสดีครับ
งดงามจัดเลยค่ะทั้งลูกศิษย์และแม่ครู