มากมาย.....จาก PCA


PCA

       ถึงขั้นเครียดมาก ถึงมากที่สุดตอนที่ลงมือทำ PCA แรกๆ เกิดคำถามมากมายในระหว่างที่ทำถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำมาตรฐานของ รพ.สต.ที่ชื่อว่า "PCA" จะ AWARD ไปเพื่อการใดเล่าให้เจ้าหน้าที่ต้องมานั่งเหนื่อยกับข้อมูลก่ายกองที่ต้องมาลงมือทำอย่างจริงอย่างจังไม่เป็นอันทำอะไรแล้วในชีวิตนี้ "ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะเสียเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตการงานกับ PCA" จะเอาเวลาจากไหนไปดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน จะเอาเวลาส่วนไหนไปเครียดกับปัญหาของชาวบ้านที่เป็นอุดมการณ์และความรับผิดชอบของเราโดยตรง เพราะตอนที่ทำทั้งที่ทำงาน กลับมาที่บ้าน ก็ต้องมานั่งเครียดกับเจ้าปัญหา PCA นี่แหละ  ผมมองไม่เห็นประโยชน์อะไรเลยจากมาตรฐานที่ชื่อว่า "PCA" ผมเกลียดทุกอย่างที่เป็น PCA  /ผมเกลียดคนคิดมาตรฐาน PCA / ผมเกลียดคนที่เอามาตรฐาน PCA มาให้ รพ.สต./ ผมเกลียดคนที่พิมพ์เล่ม PCA /ผมเกลียดคนที่ออกแบบปก PCA /ผมเกลียดพี่วรรณ (เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานระดับจังหวัด)ที่เขี่ยวเข็ญให้ทำ PCA/ ผมเกลียดทุกคน....................                              

      ผมเริ่มจะมาจับ PCA อย่างจริงจังก็ตอนย้ายมีที่ทำงานใหม่นี่แหละ  ตอนอยู่ที่ทำงานเดิมก็ทำบ้าง ก็เพียงก็อปปี้อะไรก็ไม่รู้ จากไหนของใครก็ไม่รู้ที่มาที่ไป ตัวเลขของเค้าก็เปลี่ยนเป็นของเรา ชื่อ รพ.สต.ก็ค้นหา แทนที่ ทั้งเล่ม ถามไอ้คนที่เราก็อปปี้ไฟล์ มันยังไม่รู้แล้วว่าเอามากจากไหน ส่งต่อๆกันมาเป็นลูกโซ่ แค่นี้....ไม่ได้เกิดการเรียนรู้อะไร ไม่รู้ว่า PCA คืออะไร ก็ทำตามๆกันมา เค้าสั่งให้ทำก็ทำ พี่บอกให้ส่งก็ส่ง ช่างประเสริฐสุดยอดมนุษย์อย่างแท้จริงที่ทำ PCA เป็นเล่มกว่าร้อยแผ่นกระดาษ แต่ไม่รู็เรื่องอะไรเลย โอ้...ฮัสนาน ช่างโง่เขลาอะไรปานชะนี้ โดยธรรมชาติส่วนตัวของผม ผมจะทำมันอย่างตั้งใจทุกรายละเอียดของงานใดงานหนึ่ง ถ้าผมสามารถหาคำตอบกับตัวเองได้ซะก่อนว่า "องค์กรจะได้อะไรจากงานที่ทำ และชุมชนจะได้อะไรจากงานที่เกิด" แต่ถ้ายังหาคำตอบไม่ได้  "ผมก็จะทำได้แค่ก็อปปี้ ...และ วาง แล้วก็ส่ง" งานนี้ไม่มีคุณค่า สำหรับผม "และ ตอนนั้น PCA เกือบจะกลายเป็นงานที่ไร้คุณค่าในสายตาของผมเสียแล้ว"

        จนกระทั่งวันที่ 29-30 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมาจังหวัดได้มีการจัดอบรมพาทำ PCA แบบเข้มข้น ก็จากที่ไม่ชอบ PCA อยู่แล้ว ก็ยิ่งไปกันใหญ่ "ทำไมต้องมาจัดอะไรช่วงสิ้นปีปีใหม่ที่เค้ากำลังจะหยุดด้วยเนี่ย" ไปกันใหญ่แล้วครับสำหรับผม ตอนนี้ไม่เหลือซากชิ้นดีอะไรเลยกับไอ้ตัวที่ชื่อว่า PCA ที่คอยตามมาหลอกหลอนทุกชั่วขณะชีวิต 2 วันกับการประชุมอบรมแบบว่า เอากันให้ตายเลยไปข้างหนึ่งระหว่าง PCA กับ คนทำ PCA ไม่ได้หยุดได้หย่อน เช้ายันกระทั่งเย็นจนดึก โอ้โห..สุดยอดมนุษย์ที่เดียวเชียวที่คนอบรมก็นั่งทนนั่งทำกันได้เป็นเวลานับชั่วโมงเช่นนี้ จนหลายคนถึงออกอาการง่วง หาว เหงา นอน บ่น ด่า อยู่ในใจกันระนาวดยาวเหยียด พี่วรรณา(ผู้รับผิดชอบ PCA จังหวัด) ก็แสนดีให้กำลังใจ "บอกว่าทนหน่อยน่ะ ก็เข้าใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะเวลาไม่มี" ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกกำลังใจกลับมาได้มากน้อยเพียงไหน สำหรับผม...ครั้งนี้ 2 วันผมตั้งปณิฐานกับตัวเองว่า "เอาล่ะ PCA ถ้ามึงเจ๋งจริง 2 วันนี้จะเป็นสองวันสุดท้ายของกูกับมึงแล้วน่ะ ถ้าเจ๋งจริงมึงต้องแสดงออกถึงความร้ายกาจของมึงให้ออกมาเป็นที่ประจักษ์กับกูให้ได้ ถ้าผ่าน 2 วันนี้ไปแล้วยังเหมือนเดิม กูจะไม่ทำมึงอีกต่อไป กลับไป รพ.สต.กูจะให้คนอื่นรับแทน กูเหนื่อย" ผมคิดในใจอย่างนี้จริงๆ เพราะค่อนข้างเบื่อหน่ายกับงานที่เราไม่รู้ประโยชน์จากมันเลยแม้เพียงน้อยนิด แต่เหมือนฟ้าเป็นใจดลบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อ PCA สามารถแผลงฤทธิ์เดช และความเด่นดีในตัวของมันออกมาให้ผมได้ประจักษ์ชัดแจ้ง ผ่านวิทยากรที่มีความสามารถที่สามารถเค้นความดีของ PCA ให้ทุกคนสัมผัสได้ "กะเสาะ" วิทยากรบ้านๆที่มากมายด้วยความสามารถได้อธิบายขั้นตอน แนวคิด กระบวนการ ประโยชน์ อธิบายแล้ว อธิบายเล่า ภายใต้บรรยากาศการเรียนรู้กันเอง เต็มรูปแบบ ปฏิบัติได้จริง จนครบสองวันแบบรถด่วนไม่มีหยุดพัก ....ทำให้ผม เห็นอะไรมากมาย จากเจ้าตัว "PCA" ที่เคยเกลียดมานมนาน

       "PCA ให้ประโยชน์อะไรกับองค์กร และชุมชนจะได้อะไรจาก PCA"      หาคำตอบให้กับตัวเองได้สักที......................

       มันมากมายเหลือเกินประโยชน์ที่เรา องค์กรของเรา ชุมชนของเราจะได้ ไม่เพียงพอที่จะบรรยายบนแผ่นกระดาษได้เป็นแน่ แต่โดยหลักๆแล้ว PCA จัดระบบงาน และให้เรารู้จักวางระบบการทำงาน เห็นและรู้จักงานมากขึ้น เห็นความเชื่อโยงของงานทุกงาน พูดง่ายๆคือถ้าทำมันด้วยความตั้งใจ PCA จะทำให้เรามองเห็นการเดินทางของงาน ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่เริ่มจนถึงผลลัพท์ เริม่ตั้งแต่การวิเคราะห์บริบท แผน กิจกรรม และผลลัพธ์ทุกอย่างเชื่อมโยงอย่างลงตัว สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อเราเห็นการเดินทางของงาน เราก็รู้ว่าเราทำอะไรบ้าง และงานของเราเดินทางไปอย่างไรไปจนถึงที่สุดแล้วผลลัพท์จะเป็นอย่างไรกับองค์กรและชุมชน  เนื่อหาปลีกย่อนใน PCA หลายเรื่องที่ผมประทับใจและเข้าใจว่าเค้าต้องการอะไร ตัวอย่างในเรื่องการสร้างสัมพันธภาพ ผมค่อนข้างแปลกใจในตอนแรกว่า ทำไมในทุกหมวดของ PCA ถึงต้องมาวกเวียนถามวิธีการสร้างสัมพันธภาพและพยายามให้เชื่อมโยงกับเนื้องาน ผมลองไปค้นหาทฤฎีเกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพ ชัดเจนเลยครับและเคลียร์กับตัวเองที่สุด ว่า การสร้างสัมพันธ์คือจุดเริ่มต้นทั้งหมดที่จะทำให้ชาวบ้านเชื่อถือเราหรือไม่ ฟังเราหรือเปล่า ให้ความร่วมมือกับเราหรือไม่ในงานที่เราทำ มันจำเป็นและเป็นสิ่งที่ทวงถามคนทำงานอยู่ตลอดเวลาว่า สัมพันธภาพของเรากับชุมชนเป็นอย่างไร และเรามีวิธีการสรา้งสัมพันธภาพอย่างไร  อีกประการหนึ่งที่ประทับใจแบบสุดๆ ก็คือว่า PCA ในรูปแบบที่ถูกต้อง ไม่เน้นความเวอร์ เลิศหรู แต่ทุกบันทัดตัวอักษรคือชุมชนของเรา บริบทของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ผมตระหนักย้ำกับตัวเองอยู่ตลอดว่าการทำงานต้องทำตามบริบท ไม่สามารถจะคัดลอกชุมชนใดกับชุมชนอีกแห่งได้ บริบทของชุมชนแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆมากมาย การทำความเข้าใจบริบททำให้เรารู้จักชุมชน การรู้จักชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ รู้จักมากแค่ไหนการกำหนดกระบวนการ วิธีการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพและมีโอกาสบรรลุผลได้มากแค่นั้น  เมื่อเราได้เขียน ได้วิเคราะห์จะการทอดสายตาลงไปในชุมชนทำให้เรารู้จักตัวตนของชุมชนเป็นอย่างมาก จะทำงานกับเค้า ก็ต้องรู้จักกับเค้า บางทีเราเห็นแก่ตัวเกินหรือเปล่าที่เราพยายามจะให้ชุมชนรู้จักเราตลอด รู้จักงานของเรา เอ้า ANC เป็นอย่างไร EPI เป็นอย่างไร และเราก็ชอบที่จะวิเคราะห์หน้างานของเราอยู่เสมอว่า "ชุมชนขาดความรู้" แท้ที่จริง เราน่าจะมีโอกาสในการที่จะถามไถ่ตัวเองด้วยว่า "แล้วเรารู้จักชุมชนมากน้อยเพียงไหน" ทั้งที่จริงปัญหาก็คือ "เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ความเข้าใจชุมชน" มากกว่ามั้ย ในชุมชนที่มีปัญหาที่สุด เราชอบมากว่าชุมชนมีแต่ปัญหา เรามองเห็นแต่ปัญหา เพราะเรามุ่งแต่จะหาปัญหา พอมองแต่ปัญหา เราก็พลาดสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ความดีของชุมชน ผมมั่นใจว่าทุกชุมชนมีข้อดี มีศักยภาพ มีทุนที่เค้ามีอยู่อย่างมากมาย เราไม่เคยหาก็เลยไม่เจอ PCA ทำให้เราเจอ "ศักยภาพของชุมชนได้อย่างมากมาย"

       สุดท้ายนี้ถ้าหากว่าจะบอกว่าเป็นคนพูดกลับคำก็ยินดี ในเมื่อ PCA ทำให้ผมปิ้งป้างได้ถึงขนาดนี้ ครั้งหนึ่งผมเคยเกลียด แต่ตอนนี้ถึงขั้นรักเลยทีเดียว ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกดีๆกับเจ้า PCA ตัวนี้ รู้สึกดีที่พี่วรรณพูดเกี่ยวกับ PCA ที่ทำให้รู้จัก PCA มากขึ้นในทุกๆวัน รู้สึกดีที่ได้เห็นโปสเตอร์ PCA สวยงามมากทั้งที่เมื้อก่อนถ้าหยิบมาฉีกได้ก็คงจะทำไปแล้ว อิอิ แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น และจะมีสิ่งดีเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแน่นอนกับ PCA ผมรู็จัก PCA เพิ่มขึ้นในทุกๆวัน ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ "อูแว๊ะ" "เวอร์ไปแล้วฮัสนาน" กระหายจริงๆที่จะเรียนรู้ผ่าน PCA อย่างไม่รู้จักจบสิ้น ขอบคุณ PCA ที่ทำให้ผมเห็นคุณค่าในงานที่ทำมากขึ้น ขอบคุณ PCA ที่ทำให้องค์กรของผมยกระดับตัวเองขึ้น และขอบคุณ PCA ที่ให้ประโยชน์มากมายกับชุมชนและประชาชนที่ผมรักที่สุด PCA จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนางาน พัฒนาองค์กรต่อไป มีความสุข และคุ้มค่ากับการอดหลับอดนอนมาหลายคืนกับการทำ PCA แล้วทำให้เข้าใจ ขั้นสามที่ได้ไม่สำคัญไปกว่า "สิ่งที่ได้รับจากเครื่องมือตัวนี้ที่ชื่อ PCA" การเรียนรู้ที่มีประโยชน์อย่างมากมาย มีความสุขที่ได้ทำงานคุณภาพตัวนี้ ความสุขเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเกคียงคู่งานคุณภาพ ถ้าทำไม่มีความสุข "งานจะมีคุณภาพได้อย่างไร" ขอให้ทุกคนที่ทำ PCA พยายามทำความรู้จักกับ PCA แล้วทุกคนจะหลงรัก...เหมือนผม

                                     นายฮัสนาน หะยีเจ๊ะเล๊าะ                          
                                          รพ.สต.บ้านเจ๊ะเก
                                           086-284 5985

คำสำคัญ (Tags): #pca
หมายเลขบันทึก: 498841เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2012 11:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 22:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

แด่...ผู้ร่วมชะตากรรม ...แต่เป็นกรรมแห่งความดีงามนะครับ

PCA ที่ทำให้ผมเห็นคุณค่าในงานที่ทำมากขึ้น

 PCA ที่ทำให้องค์กรของผมยกระดับตัวเองขึ้น

PCA ที่ให้ประโยชน์มากมายกับชุมชนและประชาชน

PCA จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนางาน พัฒนาองค์กรต่อไป


คิดว่าการทำPCA...ที่ดีมากๆๆต้อง "มีความสุข"... สิ่งนี้สำคัญมากค่ะ

ขอบคุณบทความดีดีนี้นะึคะ

ขอบคุณ..น้องฮัสนาน...บทความของน้องมันทำให้พี่วรรณมีพลังขึ้นมากเรยที่เดียว จากเดิม..ที่แทบจะหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว... พี่สัญญาว่า..เราจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไปตราบใดที่น้องๆยังต้องการพี่...^

ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่ได้ถ่ายทอดออกมาค่ะ ตัวเองก็เพิ่งเข้ามารับงานเป็นผู้ประสานงานในการทำPCA ได้1 ปี แต่เคยผ่านความรู้สึกที่ไม่เข้าใจต่อมาตรฐานHA จะทำไปทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ ทำแต่เอกสารทำให้ดูแลผู้ป่วยได้น้อยลง จนกระทั่งเห็นประโยชน์จากการทำทบทวนการดูแลผู้ป่วย ทบทวนความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ค้นหาสาเหตุ แก้ไข และป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มันทำให้พัฒนางานของเราขึ้นไปเรื่อยๆๆๆๆ

ตอนนี้มีโอกาสมาเป็นผู้ประสานPCA  ทำความเข้าใจมาตรฐานPCA มันไม่ยาก จับหัวใจของHAมาใช้ได้เช่นกัน   แต่สิ่งที่มันยากยิ่งกว่ายากคือการประสานกับรพ.แม่ข่าย ซึ่งบางคนยังแยกการพัฒนาHA กับPCA อยู่  ทั้งที่มันเป็นเรื่องเดียวกันแค่ทำมันเชื่อมต่อจากรพ.แม่ข่ายมาสู่รพสต.สู่ชุมชน เท่านั้น

และสิ่งที่โครตยาก และทำให้หนักใจอยู่ตอนนี้ คือการบีบเคล้นจากจังหวัด ด้วยระยะเวลาที่สั่งให้เรารีบ  จริงๆแล้วการจะผ่าน PCA ขั้น  3 มันต้องใช้เวลา ในการจัดระบบที่สำคัญ ใช้เวลาในการทบทวนโรคหรือกลุ่มโรคที่เป็นปัญหาในพื้นที่  วิเคราะห์SWOTการดำเนินงานที่ผ่านมาของโรคดังกล่าว เพื่อในไปวางแผนเชิงกลยุทธ์ กำหนดตัวชี้วัด วางแผนงานพัฒนา ลงมือปฏิบัติและทบทวนการดุแล  ประเมินผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับปรุง   แต่การบีบเคล้นภายใน1-2 เดือน  ทำให้พื้นที่ทำไม่ทันและไม่เข้าใจ ก็คงจะเกิดการCOPY  และทำด้วยความไม่เข้าใจ แบบที่เกิดขึ้นกับคุณฮัสนาน เขียนเล่าในบทความแน่นอน  ทำให้รู้สึกหนักใจไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับพื้นที่ที่ตนเองต้องประสานเช่นกัน อยากให้เค้าทำอย่างเข้าใจและเห็นประโยชน์  สุดท้ายเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท