ขับรถชนคนตายและบาดเจ็บ ทำงัยดี


เป็นปกติธรรมดาครับเพราะไทยเราใช้ระบบกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงมุ่งทำหน้าที่เพียงหาหลักฐานมายืนยันการกระทำความผิดของ ผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว ไม่ค่อยสนใจพิจารณาพยานหลักฐานฝ่ายผู้ต้องหา

ขับรถชนคนตายและบาดเจ็บ ทำงัยดี

          มีหลายท่านเวลาไปเลือกซื้อรถ สิ่งที่มักจะสอบถามจากฝ่ายขายคือ มีถุงลมนิรภัยกับเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ ถ้าชนแล้วห้องโดยสารจะเป็นอย่างไร ค่าซ่อมแพ่งหรือไม่ ผมถามจริงๆเถอะ ท่านตั้งใจซื้อไปชนไปซ่อมหรือครับ.....ฮิ.ฮิ.......  มีพรรคพวกผมเล่าให้ฟังว่า ไปกับพี่สาวเพื่อเลือกซื้อรถ ก็ตามสูตรครับต้องถามถึงอุปกรณ์นิรภัย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกแต่ที่แปลกคือพี่สาวเขาถามว่า .......รถมีถุงยางนิรภัยหรือไม่....ฮา.ฮา......

          ในช่วงเย็นวันหนึ่ง ผมได้รับโทรศัพท์จาก  ท่านลูกความ แจ้งว่าตอนนี้ อยู่ใกล้ซอยโชคชัย 4 ให้ผมเดินทางไปพบด่วน จึงได้เดินทางไปทันทีทั้งที่ผมกำลังจอดรถจะเข้าบ้าน สิบห้านาทีต่อมาผมก็ถึงจุดนัดพบ สิ่งที่พบเห็น มีผู้ชายท่านหนึ่ง นอนอยู่กับพื้นถนนมีหนังสือพิมพ์คลุ่มร่างอยู่ และมีรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ใกล้แนวเส้นกลางถนนส่วนช่องทางเดินรถช่องที่สองจากแนวขอบทางมีรถยนต์ของลูกความผมจอดอยู่ สภาพจราจร ด้านเดียวกันติดขัด ส่วนฝั่งตรงข้ามที่สวนทางกันก็ติดขัดเพราะมีเหตุให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทที่สวนทางมาต้องหยุดดูตามธรรมเนียมปฏิบัติ......เออ.....ท่านคงหยุดดูเป็นข้อเตือนใจนะอย่าไปตำหนิท่านเลย........(ทีหยุดดูก็พร้อมใจกัน แต่ทีให้เป็นพยานบอกไม่เคยเห็น....แฮ....) นั้นคือภาพที่เห็นเมื่อไปถึงที่นัดพบ

          พบเห็นอย่างนั้นก็เข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่ผมกระทำในทันทีที่เข้าถึงที่เกิดเหตุคือเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพไว้รวมทั้งสภาพโดยรอบเท่าที่จะทำได้ในเบื้องต้น และในระหว่างรอเจ้าพนักงานจราจรเข้ามาจัดการผมได้สอบถามความเป็นมาเท่าที่จะทำได้จากลูกความผม และจากร้านค้าแถวนั้น ทราบจากการบอกเล่าว่าขณะลูกความผมท่านขับรถมาในช่องทางที่สอง ด้วยความเร็วตามสภาพจราจร และช่องทางซ้ายสุดมีรถประจำทางจอดอยู่ที่ป้าย ขณะที่กำลังจะผ่านรถประจำทางคันที่จอดอยู่ด้านซ้ายนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถประจำทางออกมาเลยชนเอา ทำให้ผู้ขับขี่บาดเจ็บขาหักได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในซอยโชคชัย 4 แล้ว ส่วนผู้ซ้อนท้ายนอนเสียชีวิตอยู่ตามที่เห็น นี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          เมื่อบริษัทประกันภัยและพนักงานสอบสวนมาดำเนินการเรียบร้อย ผมจึงไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บพร้อมกับลูกความผม ขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาใดเพราะต้องรอสอบข้อเท็จจริงจากผู้บาดเจ็บก่อน ผมได้แนะนำลูกความให้แสดงความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับทางโรงพยาบาล แต่เมื่อติดต่อกับทางโรงพยาบาล จึงทราบว่าทางบริษัทประกันภัยที่ลูกความผมซื้อประกันภัยไว้ได้เข้ามารับผิดชอบให้แล้ว (บริษัทนี้มีความรับผิดชอบดีจริงๆครับ ผมเจอมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่อาจบอกชื่อได้เดี๋ยวจะเป็นการโฆษณา)

พักสายตาก่อนนะครับชมภาพงามๆเสียหน่อยผมถ่ายภาพบัวไว้เยอะนำมาแบ่งๆกันดู

 

 ได้พักสายตาแล้วกลับมาต่อกันครับ

          เมื่อเวลาผ่านไปสองสามวัน พนักงานสอบสวนได้โทรเรียกตัวลูกความผมไปพบและแจ้งข้อหา ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสและทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผมจึงติดต่อไปยัง บริษัทประกันภัยที่ลูกความทำประกันภัยไว้ ให้มาดำเนินการเรื่องหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหา (เพราะลูกความผมได้ซื้อความคุ้มครองการประกันตัวในคดีอาญาไว้ด้วย)  

         ว่าถึงตอนนี้ก่อนจะไปต่อขอแวะข้างทางหน่อยนะครับเพื่อเติมอาหารสมอง

          คือผมขออธิบายเพิ่มเติมสองเรื่อง

           เรื่องที่หนึ่ง

          บาดเจ็บสาหัส อย่างไรถึงจะเรียกว่าบาดเจ็บสาหัส ในทางกฎหมายคือ ต้องเป็นความเห็นทางการแพทย์ที่รักษาออกใบรับรองว่าเจ็บป่วยเกินกว่า 20 วัน จึงจะถือว่าบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมีผลในด้านโทษทางคดีอาญาที่กำหนดโทษไว้สูงขึ้นกว่าบาดเจ็บธรรมดา เอาแค่นี้นะหวังว่าพอเข้าใจ

            เรื่องที่สอง

           การประกันภัย ผมเห็นว่าน่าจะยังประโยชน์ต่อท่านถ้าได้เข้าใจประเภทของการซื้อประกันภัยไว้บ้าง ผมขออธิบายสั้นๆ

          การประกันภัยที่เราๆท่านๆได้ซื้อประกันภัยเกี่ยวกับรถไว้นี้แบ่งเป็นสองภาคคือ

          หนึ่ง   การประกันภัยภาคบังคับ คือรถทุกประเภทก่อนจะต่อทะเบียนประจำปีต้องซื้อประกันภัยประเภทนี้ทุกคันครับ ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า ประกัน พ.ร.บ. นะครับ หากไม่ซื้อไว้มีโทษปรับสูงสุด 10,000.-บาท

          สอง   การประกันภัยภาคสมัครใจ อันนี้ตอนที่เราทำสัญญาเช่าซื้อรถจากไฟแนนช์ แล้วเราก็ซื้อประกันภัยกันนะครับนึกออกนะครับ (น่าจะจัดไว้ในภาคบังคับนะเพราะถูกไฟแนนช์บังคับให้ซื้อ...ฮิ.ฮิ.....) ส่วนท่านที่ไม่มีความสามารถจะจ่ายดอกเบี้ย (คือซื้อด้วยเงินสด) อาจซื้อประกันภัยก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าภาคสมัครใจครับ

         การประกันภัยภาคสมัครใจนี้ยังแบ่งออกเป็นสองประเภทอีกคือ

ประเภทที่หนึ่ง การประกันภัยประเภทไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ (อันนี้ค่าเบี้ยประกันจะแพง) คือประเภทนี้ใครขับขี่บริษัทประกันรับผิดชอบให้แต่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่

ประเภทที่สอง การประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ (อันนี้ค่าเบี้ยประกันจะถูก) คือประเภทนี้ต้องเป็นผู้ที่ระบุชื่อในสัญญาเป็นผู้ขับขี่เท่านั้นบริษัทประกันจึงจะรับผิดชอบให้ (ผู้ที่จะระบุชื่อในสัญญาได้ก็ต้องมีใบอนุญาตขับขี่)

นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นประเภท 1 ประเภท 2 ประเภท 3....4......5 หรือที่เราเรียกว่าประกันชั้นหนึ่ง ชั้นสอง...ชั้นสาม.....นะครับ และในแต่ละประเภทบางบริษัทยังให้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีกหลายอย่าง เช่นการประกันตัวในคดีอาญา ซึ่งลูกความผมได้ซื้อไว้ ผมจึงเรียกให้บริษัทประกันภัยมาประกันตัวลูกความ (ลูกความผมไม่มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยครับมีรถหลายคันต้องซื้อเงินสดทั้งหมด....ฮิ.ฮิ...) เอาพอเข้าใจนะครับต่อไปเวลาซื้อประกันภัยรถจะได้เลือกอย่างมีประโยชน์สูงสุด

 

พักอีกที่ก็ได้ครับก่อนกลับเข้าเรื่องเดิมผมมีภาพบัวงามๆมาให้ชมอีกภาพเดี๋ยวค่อยไปต่อ

 

         เมื่อผ่านขั้นตอนประกันตัวผมกับลูกความก็ไปงานศพของผู้ตายและจ่ายเงินช่วยค่าทำศพไป 20,000.-บาท ส่วนผู้บาดเจ็บก็แวะไปเยี่ยมและจ่ายช่วยเหลือไป 5,000.-บาท

         ในระหว่างที่ผมติดต่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆในระหว่างรอเจรจากับฝ่ายผู้บาดเจ็บและผู้ตาย ผมมีคำถามอยู่ในใจว่า ผู้บาดเจ็บขับขี่รถจักรยนต์มาจากไหน กำลังจะไปไหน ทำไมถึงได้ออกจากช่องทางด้านหน้ารถประจำทางตัดเข้ามาในช่องทางเดินรถของลูกความผม

         จากข้อมูลที่ผมได้รับและจากภาพถ่ายที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ในวันเกิดเหตุ มีหลักฐานให้ผมเชื่อว่า ลูกความผมเป็นฝ่ายถูก ผู้บาดเจ็บเป็นฝ่ายผิด ด้วยเหตุผลสองข้อคือ

         ข้อที่หนึ่ง     ผู้ตายมีบ้านพักอาศัยอยู่ในซอยห่างจากป้ายรถประจำทางเล็กน้อย ผมเชื่อว่าผู้บาดเจ็บต้องขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีผู้ตายซ้อนท้าย ออกมาจากซอยที่ว่านี้โดยผ่านหน้ารถประจำทางขณะที่จอดรับส่งผู้โดยสารในป้าย ทำให้รถที่ขับมาในซ่องทางด้านขวาของรถประจำทางมองไม่เห็นรถของผู้บาดเจ็บ

         ข้อที่สอง     จากร่องรอยของเศษซากของรถทั้งสองคันที่ตกอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่สองประกอบกับดวงไฟด้านหน้าซ้ายของรถคันที่ลูกความผมขับแตก และมีรอยความเสียหายของหน้ารถด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา กับสภาพของรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ใกล้ในแนวกึ่งกลางถนนห่างจากจุดชนไปประมาณสิบเมตรแสดงถึงเมื่อถูกชนปะทะโดยแรงทำให้เกิดแรงเหวี่ยงตามแนวทางที่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไป

         จากเหตุผลสองข้อที่ว่านี้ทำให้ผมเชื่อว่า ฝ่ายผู้บาดเจ็บได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากซอยตัดผ่านหน้ารถประจำทางซึ่งจอดอยู่ที่ป้ายแล้วพุ่งตรงไปที่แนวกึ่งกลางถนนเพื่อเลี้ยวขวา ซึ่งตรงปากซอยดังกล่าวมีป้ายบังคับให้เลี้ยวซ้ายปักไว้ก็แสดงว่า ต้องมีผู้คนที่อาศัยอยู่ในซอยดังกล่าวใช้วิธีออกจากซอยแล้วตัดตรงไปที่แนวกึ่งกลางถนนเพื่อเลี้ยวขวา โดยถือเอาความง่ายเป็นที่ตั้งไม่ยอมเลี้ยวซ้ายไปกลับรถเอาข้างหน้าทางกองวิศกรรมจราจรมองเห็นถึงความไม่ปลอดภัยจึงนำป้ายเครื่องหมายบังคับเลี้ยวซ้ายมาติดตั้งไว้  แสดงว่าผู้บาดเจ็บฝ่าฝืนป้ายบังคับเลี้ยวซ้ายดังกล่าวออกมาจึงเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของลูกความผม การให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนลูกความผมก็ให้ปากคำไปตามที่ว่ามานี้  แต่ผู้บาดเจ็บให้ปากคำว่าเขาขับขี่อยู่ในช่องทางเดียวกับลูกความผมชิดแนวเส้นด้านซ้าย แล้วถูกรถยนต์ลูกความผมชน เพราะเหตุนี้ลูกความผมจึงตกเป็นผู้ต้องหา

         เออ....ขอบ่นหน่อยนะครับ....ท่านสังเกตุไหม....เวลาที่มีป้ายบอกห้ามหรือแจ้งให้ทำอะไร.....ชาวไทยเรามักจะทำตรงข้ามเสมอ.....เช่น ในสถานนวดที่มีป้ายห้ามค้าประเวณี ท่านใดที่เพศเดียวกับผม(พ่อแม่ให้มาอย่างไรรับรองผมไม่ดัดแปลง..ฮิ.ฮิ...) ลองแวะถามดูเถอะครับรับรองซื้อได้......ฮา.ฮา........แต่ระวังที่บ้านด้วยนะขอเตือนว่ารู้เมื่อไหร่บาดเจ็บเมื่อนั้นเพราะอายุความยาวมาก....ฮา.ฮา....ไปตามร้านอาหารที่มีมวยตู้เปิดให้ดูแล้วมีป้ายห้ามเล่นการพนัน ท่านลองเสนอว่าต่อมุมน้ำเงิน รับรองว่ามีคนรองเพียบ......ฮา.ฮา........ขับรถไปหากเจอป้ายรถช้าให้ชิดช้าย....ให้ท่านชิดซ้ายทันทีครับ....เชื่อผมเถอะท่านถึงพังงาก่อนคันที่ชิดขวาซึ่งยังอยู่แถวพระราม 2....ฮา.ฮา......ยังมีอีกเยอะ....นี้แสดงให้เห็นว่าชาวไทยมีหัวใจเป็นไท...ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาบังคับ.....ฮา.ฮา.....

ฮิ.ฮิ.....เดี๋ยวไปไกลเกินก่อนกลับเข้าเรื่องให้พักอีกทีครับ

         

   ระหว่างที่รอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อฟ้องคดีนั้น ผมได้พยายามเจรจาต่อรองกับฝ่ายผู้ตายโดยเสนอจะจ่ายให้ 50,000.-บาทแต่ต้องทำสัญญาประนีประนอมกัน ส่วนฝ่ายผู้บาดเจ็บผมเสนอจะจ่ายให้ 10,000.-บาท แต่ต้องไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนตามความเป็นจริง ซึ่งเงินจำนวนที่เสนอจ่ายให้นี้ไม่เกี่ยวกับ เงินที่จะได้รับตามสิทธิ ประกัน พ.ร.บ. แต่ไม่อาจตกลงกันได้ เพราะฝ่ายผู้ตายต้องการ 1,000,000.-บาท ส่วนผู้บาดเจ็บ ต้องการ 200,000.-บาท  ก่อนไปศาล ผมได้บอกกับผู้บาดเจ็บว่า ที่ทางเราเสนอจ่ายเงินให้เพราะเห็นแก่มนุษยธรรมที่พึงมีต่อกัน เราไม่ได้รับว่าเราผิด ใครผิดใครถูก ในทันทีที่เกิดเหตุขึ้นผู้กระทำทราบได้ทันทีสำคัญว่าจะยอมรับหรือไม่  ส่วนฝ่ายผู้ตายผมบอกว่าให้ไปถามความจริงจากผู้บาดเจ็บดูว่าเกิดเหตุได้อย่างไรแล้วจะทราบว่าใครผิดใครถูก เงินจำนวนที่ทางเราเสนอให้เราไม่ได้คิดว่าทางเราผิดแต่เราเห็นว่าทางคุณสูญเสียเราอยากจะช่วย เมื่อไม่รับก็ไม่มีปัญหา ผมจะทำความจริงให้ปรากฏ  และเมื่อความจริงปรากฏทางเราไม่จ่ายเงินอะไรให้อีกเลย

ก่อนไปศาล

พักสายตาอีกครั้งนะครับเรื่องนี้มันยาว กลัวจะง่วงเลยให้ชมภาพมากหน่อย

 

พักสายตาแล้วเราไปเที่ยวศาลอาญากันครับ

                 ในศาลก็มี ฝ่ายผมเป็นจำเลย ส่วนฝ่ายโจทก์ก็มีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ ส่วนผู้บาดเจ็บและผู้ตายได้ให้ทนายความยื่นคำร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ

  ฝ่ายโจทก์ก็นำสืบว่าจำเลยขับรถยนต์ตามหลังรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายด้วยความเร็วสูงเกินกฎหมายกำหนด และโดยประมาทเป็นเหตุให้ ชนรถของผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายที่นั่งซ้อนท้ายมาถึงแก่ความตาย

         ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าผู้ตายมีบ้านพักอาศัยอยู่ในซอย......ซึ่งห่างจากป้ายรถประจำทางประมาณ ห้า เมตร และตรงปากซอยมีป้ายบังคับให้เลี้ยวซ้าย ในวันเกิดเหตุผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถผู้เสียหายที่บาดเจ็บออกมาจากซอยแล้วตัดผ่านหน้ารถประจำทางที่จอดอยู่ที่ป้ายตรงไปยังแนวกึ่งกลางถนนเพื่อเลี้ยวขวา โดยฝ่าฝืนป้ายบังคับเลี้ยวซ้าย จึงเป็นเหตุให้ชนกับรถของจำเลย

          เมื่อสืบพยานเสร็จศาลก็นัดวันฟังคำพิพากษา

          คำพิพากษา (ผมคัดย่อมาให้อ่านพอเข้าใจ และจำเป็นยิ่งที่ต้องปกปิดชื่อ สถานที่ และรายละเอียดบางอย่างเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อ คู่ความทุกฝ่าย)

          ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าเมื่อวันที่  3 มีนาคม  2544 เวลาประมาณ  18  นาฬิกา  จำเลยได้ขับรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน.........   ชนรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน.............ที่บริเวณ.........เป็นเหตุให้นาย...................คนขับรถจักรยานยนต์ โจทก์ร่วมที่1 ได้รับอันตรายสาหัส และนาย...................คนซ้อนท้ายโจทก์ร่วมที่2 ได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่

โจทก์ร่วมที่1เบิกความว่า  ในวันเวลาเกิดเหตุโจทก์ร่วมที่1ขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่สองจากแนวขอบทาง ส่วนจำเลย ขับรถยนต์ตามหลังมาด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้รถยนต์จำเลยชนกับรถจักรยานยนต์ทำให้โจทก์ร่วมที่1ได้รับอันตรายสาหัส และนาย.......เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 

จำเลยเบิกความว่า  ในวันเกิดเหตุขณะที่จำเลยขับรถยนต์ไปตามช่องทางเดินรถช่องที่สองจากขอบทาง ขณะขับผ่านรถประจำทางซึ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารอยู่ในช่องทางที่หนึ่ง ได้มีรถจักรยานยนต์วิ่งตัดผ่านหน้ารถประทางจากข้างถนนฝั่งซ้ายมือไปทางด้ายขวามือของถนน จำเลยได้หักรถหลบไปทางขวามือแต่ไม่พ้นเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกัน.......................เห็นว่าจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก...........ผู้ตรวจสอบร่องรอยอุบัติเหตุได้ความว่า รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันมีความเสียหายด้านซ้ายของรถยนต์เก๋งจำเลย ส่วนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมที่1 มีความเสียหายที่ตัวล้อหน้าด้านขวาและถังน้ำมันด้านขวา และได้ถ่ายรูปคู่กรณีไว้จำนวน  5  ภาพ ซึ่งพิจารณาภาพถ่ายดังกล่าวจะเห็นด้านขวาของรถจักรยานยนต์ถูกระแทกอย่างแรงจนล้อหน้าและถังน้ำมันยุบ สีเคลือบหลุด ส่วนด้ายซ้ายมีเพียงรอยครูด แสดงว่ารถจักรยานยนต์ล้มไปทางซ้าย ส่วนรถยนต์เก๋งความเสียหายปรากฏอยู่ที่ส่วนหน้าด้านซ้ายมากกว่าส่วนหน้าด้านขวานอกจากนี้ ยังมีสมุดบันทึกเอกสารหมาย ล.6   ของเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน.......ซึ่งบ้านของผู้ตายตั้งอยู่ ได้จดบันทึกหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมที่1 ไว้เมื่อ เวลา 17.50 น ในวันเกิดเหตุ ว่าขับออกจากหมู่บ้านซึ่งอยู่ในซอยใกล้สถานที่เกิดเหตุ โดยมีพยานผู้จดบันทึกเบิกความยื่นยันว่า เป็นผู้จดบันทึกหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมที่1 ซึ่งเข้าออกหมู่บ้านไว้และเป็นวิธีปฏิบัติตามปกติของการทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย และยังมี นาย..........ซึ่งเป็นผู้ขับรถประจำทางคันที่จอดรับส่งผู้โดยสารอยู่ที่ป้ายรถประจำทางในวันเกิดเหตุ เบิกความยืนยันว่าเห็นรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมที่1 ขับออกมาจากซอย ตัดผ่านหน้ารถของพยานออกไปด้วยความเร็วแล้วเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของโจทก์................เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานและสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงขัดกับคำพยานของโจทก์และโจทก์ร่วม ทั้งยังปรากฏในแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุ หมาย จ.4 แสดงจุดที่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน.............จากพยานหลักฐานดังกล่าวจึงน่าเชื่อว่าโจทก์ร่วมที่1ขับขี่รถจักรยานยนต์ตรงออกจากซอยบ้านของผู้ตายโดยฝ่าฝืนเครื่องหมายบังคับเลี้ยวซ้าย เข้าไปในช่องเดินรถจำเลย เชื่อว่า จำเลยเห็นรถจักรยานยนต์โจทก์ร่วมที่ 1 ตัดหน้ารถจำเลยในระยะกระชั้นชิดจึงไม่สามารถบังคับรถยนต์ให้หยุดได้ทันท่วงที การที่รถยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์จึงมิได้เกิดจากความประมาทของจำเลยพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ให้ยกฟ้องโจทก์

พักสายตาอีกครั้งนะครับ

  

กลับมาต่อกันครับ

      คดีนี้โดยข้องเท็จจริงแล้วลูกความผมไม่ควรจะถูกฟ้อง หากพนักงานสอบสวนเรียกพนักงานขับรถประจำทางคันที่จอดรับส่งผู้โดยสารอยู่มาสอบปากคำก็จะทราบว่าความประมาทเกิดจากฝ่ายผู้เสียหายเอง  ก็เป็นปกติธรรมดาครับเพราะไทยเราใช้ระบบกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงมุ่งทำหน้าที่เพียงหาหลักฐานมายืนยันการกระทำความผิดของ ผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว ไม่ค่อยสนใจพิจารณาพยานหลักฐานฝ่ายผู้ต้องหา  ผมต้องไปสืบหาพยานหลักฐานมาหักล้างเอาเองในชั้นศาล โชคดีที่ลูกความผมได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายที่เกิดเหตุในขณะนั้นทันทีและในภาพถ่าย ติดหมายเลขรถประจำทางด้วยผมจึงสามารถติดตามพนักงานขับรถมาเป็นพยานได้ จะอาศัยเพียงสมุดบันทึกการเข้าออกหมู่บ้านก็ไม่อาจทำให้ศาลเชื่อได้ว่า เป็นเพราะฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนเครื่องหมายบังคับเลี้ยวซ้ายที่มีอยู่ที่หน้าซอยเกิดเหตุ ลูกความผมจึงไม่ต้องรับผิดใดๆ และจากผลของคำพิพากษานี้เอง ฝ่ายโจทก์ร่วมที่ 1 ยังถูกบริษัทประกันภัยฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ บริษัทต้องจ่ายเป็นค่าซ่อมรถยนต์ของลูกความผม ส่วนจะถูกฟ้องคดีอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วยหรือไม่ผมไม่ได้ติดตามข่าว แต่คิดว่าน่าจะถูกฟ้องครับ มีคนตายทั้งที ยังไงก็ต้องมีผู้ต้องรับผิดในคดีอาญาเสมอ แต่เท่าที่ได้ผ่านพบมา หากผู้ขับขี่ไม่หลบหนี และมีการช่วยเหลือฝ่ายผู้เสียหายตามสมควร เท่าที่ศาลตัดสินคดีมาคือให้มีโทษจำคุก 1-2 ปี แต่ให้รอการลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และอาจมีโทษปรับเป็นเงินด้วย

          คดีนี้หากฝ่ายโจทก์ร่วมเขายอมรับความจริงตั้งแต่ต้น ทางเขาก็จะได้เงินช่วยเหลือจากลูกความผมไปแล้ว ความผิดต่างๆก็น่าจะเบาบางลง ผมไม่ทราบว่าขณะนั้นเขาคิดยังไงถึงไม่ยอมรับเงินตามที่เสนอความช่วยเหลือให้....เออ....คิดแล้ว....เศร้าแทนจริงๆครับ  แต่หากลูกความผมเป็นฝ่ายผิด....ผมรับรองครับว่าโจทก์ร่วมเขาจะได้เงินเต็มตามจำนวนที่เขาเรียกร้อง...เพราะลูกความผมท่านมีกำลังพอที่จะจ่ายให้ได้ส่วนจำนวนเงินที่เสนอจ่ายให้ในตอนแรกนั้น เป็นความคิดของลูกความผมเองครับ ท่านบอกให้ผมไปเจรจาดู ไม่ต้องคิดว่าใครผิดหรือถูก เมื่อฝ่ายเขาบาดเจ็บและตายเราช่วยได้ควรจะช่วยตามสมควร.....นี้คือน้ำใจที่แสดงออกมาของลูกความผม

 

พักอีกทีนะครับเดี๋ยวจึงจะไปดูข้อกฎหมายกัน

 

คราวนี้เรามาดูข้อกฎหมายกัน

     ข้อกฎหมายที่พนักงานอัยการตั้งเป็นข้อหาคือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรค 4 ประกอบ มาตรา 300 ซึ่งมีบทบัญญัติดังนี้ครับ

 

มาตรา 59  ( ดูในวรรค 4 ที่ทำหมายสีไว้ครับ)

         บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำ  โดยเจตนาเว้นแต่จะได้กระทำความโดยประมาท  ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท   หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

          กระทำโดยเจตนา  ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น

          ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิดจะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้

          กระทำโดยประมาท  ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา  แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์  และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่

          การกระทำ  ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย

มาตรา 300

          ผู้ใดกระทำโดยประมาท  และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

เพิ่มเติมอีกนิดก่อนจบ บางท่านอาจสงสัยว่าโจทก์ร่วมเป็นอย่างไร

เป็นอย่างนี้ครับ

ในคดีอาญา เมื่อพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแล้ว ผู้เสียหายหรือผู้มีส่วนได้เสียในคดีอาญานั้น สามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีนี้อยู่ขออนุญาตเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในคดีที่กำลังพิจารณานั้นได้ โจทก์ที่ว่านี้หละครับ เราเรียกว่าโจทก์ร่วม

เป็นงัยครับอ่านบันทึกยาวๆคงจะงงๆไปหลายวัน....ฮิ.ฮิ.....

บอกแล้วว่า ยุติธรรมคือศาสตร์ เห็นจริงยังครับ

คราวหน้ายังอยู่ศาลอาญาต่อนะครับไหนๆแวะมาแล้ว

หมายเลขบันทึก: 497439เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2012 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ธันวาคม 2012 00:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

ฮาย อ่านกันเหนื่อย พักหลายที เพราะเนื้อหาดี มีประโยชน์ ทั้งข้อกฎหมาย และบรรยายฟ้อง จึงต้องอ่านไปพักไป

ว่าแต่สบายดีน่ะครับ ท่านทนาย

ตามพี่บังมาเที่ยวศาลอาญาค่ะคุณทนายฯ

ไม่ค่อยสันทัด ศาลอาญา ถนัดแต่ศาลรัก ค่ะ 5 5

แปลกใจทำไมหนุ่มๆจับภาพดอกไม้ งามแท้ๆ คะ :)

ได้ความรู้มากเลยคะ ขอบคุณคะ

สวัสดีค่ะ... ชาวฝนแปดแดดสี่ อย่างงี้ระนองหรือปล่าว?? ถ้าใช่ก็บ้านใกล้เรือนเคียงหล่ะ :-)) ..ขอบคุณค่ะ สาระคั่นด้วยหลายยก อุ๊บ หลายพัก.....พักสุดท้าย จบลงได้ก็...รับดอกไม้ไป...ให้ด้วยความถูกใจ ในสาระที่ทั้งฮาและได้ประโยชน์ เพราะปกติโดยส่วนตัว ขับรถ และ ซื้อประกันรถยนต์ ก็ไม่ค่อยจะถี่ถ้วนนัก :-))

  • มีประโยชน์มากเลยครับ
  • ปกติคนขับรถไม่มีเจตนาอยากทำให้ใครตายนะครับ
  • พี่สบายดีไหม

ตามมาศึกษาหาความรู้ใส่สมองอีกแล้วค่ะ  เดี๋ยวจะไม่ทันทนาย  hahahaha

ถึงจะยาวก็อ่านจนจบแหละ

ขอบคุณกับบันทึกดีๆนะคะ....

 

สวัสดีครับท่าน Blank วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ผมสบายดีทั้งสุขภาพและจิต กินอิ่มนอนหลับครับ

หวังว่าบังเองก็คงสบายดีเช่นกันนะครับ

และขอให้บัง มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน (กรุณาอย่าอ่านเว้นวรรคนะ.....ฮิ.ฮิ.....)

แวะมาให้กำลังใจเป็นรายแรกอีกแล้วครับ หากอยู่ใกล้จะหอมสักฟอด....ฮา.ฮา...

ขอบพระคุณสำหรับดอกไม้ครับ

 

สวัสดีครับคุณ Blank  ปูดำอันดามัน

คุณปูครับ บังเอิญผมไม่ถนัดขึ้นศาลรัก.....เลยไม่มีเรื่องมาเล่า

อันนี้เห็นทีต้องถาม บังวอญ่า...เพราะท่านน่าจะสันทัด....ฮา.ฮา.......

คุณปูอย่าแปลกใจเลย ภาพจะงาม อยู่ที่....คนหลังกล้องต้องหล่อครับ....ฮิ.ฮิ.....

ภาพของคุณปูเดี๋ยวนี้ขั้นเทพแล้วครับ ไม่ได้แกล้งยอนะ ที่คุณปูอัพไฟร์ในบล็อกกับในเฟสบุ๊คเบาเสียที่ไหนหละ แต่ละภาพสวย มีมิติ มาโครก็คุยได้เลย

คุณปูว่างๆแวะรับผมไปเที่ยวศาลรักหน่อยดิ

ขอบพระคุณสำหรับดอกไม้ครับ

สวัสดีครับคุณ Blank  นีโอ..เบเกอรี่

ยินดีครับที่บันทึกของผมทำให้ได้รู้เรียนกัน จะพยายยามเขียนบทความให้เข้าใจกฎหมายได้ง่ายขึ้นครับ

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้ดอกไม้และกำลังใจ

สวัสดีครับคุณ Blank  kwancha

ยินดียิ่งที่ได้รู้จักครับคุณวรรณชไม

ผมเกิดที่พังงาครับ...พังงา..ระนอง ฝนตกได้พอๆกันครับ ของพังงา บางปีแถมให้อีก หนึ่งเดือนครับ ..... แถวชุมพรมีพรรคพวกผมอยู่หลายคน เจอกันทีแหลงในกันทุกทีไม่เคยแหลงนอก โดยเฉพาะที่ปากน้ำชุมพร ผมต้องถือว่าคุณวรรณชไม เป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกันครับเพราะมีแค่เขาสกกั้นเราไว้

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจโดยเฉพาะดอกไม้

สวัสดีครับท่านอาจารย์ Blank ขจิต ฝอยทอง

ผมสบายดีครับ หวังว่าท่านอาจารย์สบายดีเช่นกัน ขอให้สุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ

ใช้แล้วครับ ไม่มีคนขับรถท่านใดเจตนาทำให้ใครตาย เมื่อเกิดการตายขึ้น หากได้มีการช่วยเหลือตามสมควร ศาลจะรอการลงอาญาไว้ให้ ขนาดหลบหนีไปแล้ว ภายหลังเข้ามอมตัวและได้มีการช่วยเหลือฝ่ายผู้ตายตามสมควร ศาลยังรอลงอาญาให้เลยครับ เพราะศาลมองตรงเจตนาครับ

ขอบพระคุณสำหรับดอกไม้และกำลังใจครับ

สวัสดีครับคุณครู Blank  krugui

ครูกี้ร์สบายดีนะครับ

กลับมาครั้งนี้ยิ่งดูยิ่งส่วย...สงสัยตอนที่หายไป...แอบไปพอกโคลนมาแน่เลย....ฮิ.ฮิ.....

ผมเขียนสั้นๆไม่เป็นเสียด้วย คงต้องทนอ่านยาวๆต่อไปนะครับ....ต้องโทษคุณครูที่สอนเรียงความ...ทีเขียนสั้นๆไม่ให้คะแนน...เลยติดเขียนยาว...ฮา.ฮา....

ขอบพระคุณครับสำหรับดอกไม้และกำลังใจ

 สวัสดัครับคุณ Blank ปริม ทัดบุปผา

ขอบพระคุณมากครับสำหรับดอกไม้ที่ให้กำลังใจ

  • บันทึกถัดไป ผมขอเสนอ..หน่อย
  • เวลาพักยก...ใช้ระฆังตีแทนดอกไม้ จะดีกว่าไหม...ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีครับท่าน Blank สามสัก(samsuk)

ฮิ.ฮิ......ผมว่าใช้ดอกไม้นะดีแล้ว....ถ้าใช้ระฆัง ต้องบินไปเอาที่อังกฤษ อีกอย่างต้องรอตี สาม ทุกคืนบ่อยเดี๋ยวเกิด อาการเจ็ตแล็ก (jet lag)........ฮา.ฮา....

ว่างๆผมจะแวะไปบ้านท่านครับ

ขอบพระคุณสำหหรับดอกไม้และกำลังใจครับ

มาศึกษากฏหมายค่ะ   ดีนะคะที่มีดอกไม้สวยๆคั่นรายการ

  • มาสวัสดีปีใหม่และขอให้ทนายพบแต่ความสุขกายสุขใจตลอดปี ตลอดไปครับ
  • ระลึกถึง


Happy New Year  2013

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก 

จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวจงประสบความสุขด้วยอายุ วรรณะ สุข พละ 

คิดหวังสิ่งใดขอให้และสมปรารถนาทุกประการ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

กระจ่างมาก เหมือนตาเห็น

ขอปรึกษาท่านทนาย ครับ ญาติผมขับรถ ถูกคู่กรณีชน ผลเป็นฝ่ายถูก แต่คนขับ คู่กรณีตาย ทราบว่าเจ้าของรถคู่กรณี วานให้นำรถไปเปลี่ยนยาง

อย่างนี้เรียกแพ่งกับเจ้าของรถคู่กรณีได้ไหมครับ

อยากให้พี่ท่าน ช่วยเอาตัวอย่างขอผมเป็น กรณีศึกษาหน่อยคับ คือ จอดรถริมถนนบนผิวการจราจรในช่องซ้าย ในตอนกลางคืน แต่มีแสงสว่างจากเสาไฟ มองเห็นในระยะ 150 เมตรหรือไกลกว่านั้น โดยจอดอยู่ตั้งแต่เย็นๆ เหตุเกิดประมาณ 23.50 มีรถ จยย. ขับมาชนท้าย( ถนนมี 3 เลน ) ร้อยเวรแจ้งว่าผมผิด ข้อหากระทำโดยประมาน ที่จอดรถบนพื้นผิวจราจร อารัยประมานนี้ ขอแสดงความคิดเห็นให้ด้วยครั

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท