แม่ผู้สู้ชีวิต


ถึงแม้แม่จะ ไม่ได้รับโล่ แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี แต่แม่ได้รับโล่ประจำใจ จากลูก ทุก ๆ คน ลูกรักแม่...

แม่ผู้สู้ชีวิต

 

 

        แม้วันเวลาจะผ่านไปหลายปี ทุกสิ่งทุกอย่าง อาจจะลืมหรือลืมไปสิ้นแล้ว แต่ภาพแม่ที่ลำบากยากเข็ญ เพื่อลูก ทั้ง ๗ ได้อยู่ดีมีสุข เป็นคนดีของสังคม อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ไม่มีวันที่ลูกจะลืมเลือนไปได้ ตราบชีวิต

        ผู้เขียนจำเหตุการณ์ และภาพความขยันขันแข็งของแม่สมจิต โชคชัยได้ ทุกอย่างที่แม่ทำ คนสมัยก่อนไม่มีการคุมกำเนิด และสมัยนั้น รัฐบาลสนับสนุนให้เงินช่วยเหลือบุตร พ่อเป็นครู พ่อเลื่อนโชคชัย เงินเดือนน้อย พ่อเสียชีวิตแล้ว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ อายุพ่อ ๘๓ ปี ด้วยโรคชรา ได้อ่านบันทึกพ่อวันพระราชทานเพลิงศพ ครั้งแรกพ่อรับราชการ เงินเดือนไม่ถึง ๑๐ บาท เมื่อมีลูกมาก ก็ไม่พอใช้ จริงอย่างที่กล่าวว่า “ลูกมากจะนาน”  ต้องขายนาขายไร่ ส่งลูกเรียนนั่นแหละพ่อแม่แจกไร่แจกนาให้ลูกทุกคนแล้ว   เพราะความยากจนของครอบครัว เงินเดือนพ่อไม่พอส่งลูกเรียนแม่จึงเป็น"แม่ผู้สู้ชีวิต"

 

             แม่ทำไส้กรอก หมูส้ม ต้มเครื่องใน ขายห่อหมก

 

          แม่ต้องทำงานหนัก ตั้งแต่ ขายไส้กรอก ขายหมูส้ม ต้มเครื่องใน ขายหมกหน่อไม้ ตั้งแต่ห่อละ ๕๐ สตางค์ หลังจากนั้น เป็นห่อละ ๑ บาท  แม่และพี่ชาย พี่ชายคนโต ออกเร่ขาย หลังเลิกเรียน ไม่มีโอกาสไปวิ่งเล่น กับเด็กวัยเดียวกัน โดยใช้วิธีหาบ กระจาด  แม่ต้องตื่นเช้าทุกวัน ช่วงนั้นผู้เขียน ยังไม่เกิด พี่ชายเล่าให้ฟัง ผู้เขียนเป็นลูกคนกลาง

 

เหมือนร้านขายหม้อ ขายกะละมัง

 

            ครอบครัวมีลูกทั้งหมด ๗ คน ลูกชาย ๖ คน น้องสุดท้อง เป็นหญิง รวม ๗ คน ที่จริงแล้ว มี ๘ คน น้องสุดท้องเป็นลูกแฝด หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง แต่น้องชาย มีอายุเพียง ๖ เดือน เป็นปอดบวม สมัยก่อน การอนามัย ยังไม่เจริญ หนทางไม่สะดวก กว่าจะรู้ กว่าจะถึงหมอ ก็เสียชีวิตแล้ว

            ถึงแม้พ่อจะรับราชการ แต่ลูกมาก จึงทำให้ขัดสน เป็นครอบครัวที่ยากจน วันไหนฝนตก เหมือนร้านขาย หม้อ ขายกะละมัง เพราะหลังคาบ้านมุงหญ้าคา ผุ พังเร็ว จึงรั่ว ลงใช้ภาชนะต่าง ๆ พอจะรองรับได้ นำมารอง มองแล้วเหมือนร้านขายหม้อ ขายกะละมัง

 

แม่ช้อนกุ้งท่ามกลางอากาศหนาว

 

            ภาพที่ผู้เขียนเห็นความลำบากของแม่ ช่วงนั้นเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ แม่ต้องตื่นแต่เช้า ตี ๔ -๕ ออกไปที่บึง ไม่ไกลอยู่ที่หน้าบ้าน ประมาณ ๓๐๐ เมตร เป็นบึงใหญ่กว้างมาก เต็มไปด้วย จอกแหนหนา ทุกวันต้องตามแม่ไป ในมือแม่ถือสวิง ผู้เขียนถือถังใบไม่ใหญ่นัก บางวันใช้หม้อ ไปถึง ผู้เขียนนั่งรอแม่บนสะพาน แม่เป็นคนลงน้ำซึ่งเป็นฤดูหนาว  แม่จะช้อน กุ้งไปเรื่อย ๆ ไกลจนมองไม่เห็น กลัวว่าแม่จะจมน้ำคิดตามประสาเด็ก บางวันก็ร้องไห้ เพราะสงสารแม่ ประมาณ ๕ นาที ก็จะกลับขึ้นฝั่ง บางครั้ง ๑๐ นาที บางวันก็ใช้ตะเกียงจุดเพื่อเก็บกุ้ง แต่ถ้าสายออก ก็ไม่ต้องใช้ กว่าจะได้กุ้ง พอที่จะทำอาหารเช้า สงสารแม่มากครับ

 

แม่สับหน่อไม้ เก็บเห็ด เก็บหอย  ปู

 

            วันใดไม่ได้ลง ก็จะหาหน่อไม้ บริเวณป่าไผ่ รอบหมู่บ้าน ได้ต้มแกง หาหอย ปู เพื่อนบ้านชวนไปเก็บเห็ด แม่ก็ไป  บ้างครั้งแม่โดนแตน บุ้งต่อย หนามไผ่ เกี่ยวแม่ จนเลือดไหล แม่ก็อดทน ได้หน่อไม้จะนำมาแกง แม่แกงหน่อไม้ใส่ย่านาง อร่อยมากครับ ถ้าได้หอยจุ๊บ (หอยขม) แม่จะต่อยก้น ถึงมาแกง ใส่ข้าวเบือ (ข้าวเหนียว ย่างให้เกรียม นำมาตำ) ใส่ยอดตำลึง ผักปลัง (น้ำเหนียว ขลุกขลิก) ถ้าได้ปู แม่จะอ่อม โดยแกะกระดองแข็ง ๆออก ตำ เยาะน้ำ คั้นเอาเฉพาะน้ำ แล้วนำไปอ่อม เมื่อเดือด จะข้นเอง ใส่ผักต่าง ๆ ลงไป กลิ่นปูหอมมาก

 

แม่เก็บถ่าน

 

            แม่เคยพาไปเก็บเศษถ่าน ที่หลุมเผาถ่านเก่าของชาวบ้าน เก็บมาไว้ใช้ ประหยัดเงินทองได้มาก แม่ทำเกือบทุกวัน จนมีถ่านเก็บไว้ใช้ได้เป็นปีถึงก้อนจะไม่ใหญ่  แต่ต้องออกเดินทางไปไกล ออกแต่เช้า ห่อข้าว ห่อน้ำไปกิน ที่ป่า ถ้าวันไหน ลืมน้ำก็จะดื่มน้ำ ในนา ในที่มีน้ำขัง สมัยก่อนเชื้อโรคไม่มากเหมือนสมัยนี้ แม่จะหาหลาย ๆ หลุม จนมืดค่ำ ท่ามกลางอากาศที่ร้อน ถึงได้กลับ

          ถึงบ้านต้องหุงข้าว ทำกับข้าว ดีอย่าง พอโตหน่อย แม่จะจัดเวร ให้ลูก ๆ ทำกับ ข้าว หุงข้าว เช้า เย็น พวกเราจึงทำอาหารเก่งทุกคน เพราะเรามี น้องสาวเพียงคนเดียว ที่เป็นคนสุดท้อง ยังเล็ก น้องสาวคนเล็ก ทุกวันพระ พี่ ๆ ทั้ง ๖ คน จะต้องหาดอกไม้ มาไหว้น้อง เพราะกลัวน้องจะอายุสั้น เนื่องจากว่า ครอบครัวมี แต่ลูกชาย พ่อต้องการ ลูกสาว จึงไปทำพิธีของลูก จากพระเจ้าใหญ่วัดหงส์ จึงได้ลูกแฝด หญิงชาย ความเชื่อว่า น้องเป็นลูกพระเจ้าใหญ่ คนเฒ่าคนแก่จึงให้ไหว้ ทุกวันพระ จนโต แข็งแรง จึงหยุดไหว้ เมื่อน้องเข้าชั้นอนุบาล (ความเชื่อคนเฒ่าคนแก่ บอกว่า จะได้ลูกชายอยู่แล้ว ไปขอพระจึงให้ลูกสาว มา จึงเป็นลูกแฝด)

        ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าใหญ่วัดหงษ์ (บ้านศีรษะแรด อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์) มีโจรไปลักพระพุทธรูป นำไปไม่ได้ ต้องไหว้บก คือคิดว่าเป็นแม่น้ำ ก็ลงไหว้บนพื้นดิน ไปไม่รอด สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นจะทิ้งระเบิด แต่ผิดเป้า

        เรื่องขอลูก มีว่า สามี ภรรยา แต่งงานไม่มีลูกสืบสกุล นั่งรถผ่าน ไม่มีเวลาแวะ รู้ว่ามีพระเจ้าใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ใครบนอะไร ก็จะได้ จึงเอ่ยปาก ขอลูกเมื่อผ่านหน้าวัด ยกมือไหว้แล้วอธิษฐาน นัยว่า ขอพระเจ้าใหญ่ได้ประทานลูกให้ด้วย  อย่างไรก็ได้ ขอให้ป็นลูกชาย ปรากฏว่า  ภรรยาตั้งครรภ์ พอคลอดเป็นชาย จริง ๆ หลังจากที่ไม่ได้ตั้งครรภ์มานาน  เชื่อไหมครับ ได้ลูกชาย แต่เป็น ... เอ๋อ เพราะแรงอธิษฐาน อย่างไรก็ได้ (คงจะหล่อ หรือไม่หล่อ ดื้อ ไม่ดื้อ)  

 

แม่ไปเที่ยวบ้าน

 

            ที่เห็นแม่ทำอีกอย่าง คือนำสิ่งของ ที่จำเป็นไป”เที่ยวบ้าน” (แลกข้าว) ในสมัยก่อน ถนนหนทางไม่สะดวก บ้านชนบท เดินทางลำบาก แม่ก็จะหาของที่จำเป็น โดยมากจะเป็นเครื่องบริโภค เช่น ปล้าร้า ปลาทูนึ่ง ปลาทูเค็ม หมาก สีเสียด ซึ่งปลาร้า แม่จะไปแลกบ้านแถบลำน้ำมูลที่เขาทำ นำมาเก็บไว้ เมื่อได้มากพอ ก็จะนำไปแลกข้าวอีกทอดหนึ่ง โดยมากจะไปช่วงที่กำลังดำนา พอถึงเวลาเก็บเกี่ยวจึงไปเก็บ ซึ่งจะหาบไปใส่กระสอบป่าน ที่เหลือจะหาบกลับบ้าน ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนักมากครับ เพราะบางหมู่บ้าน ไกล เป็นสิบ ๆ กิโลเมตร รถราไม่มีเหมือนสมัยนี้

        วันหนึ่ง ขณะที่แม่หาบข้าว ตะขาบ วิ่งขึ้นหลังเท้าแม่  แม่ตกใจ จึงสะบัดเท้า โดยเร็ว แต่ไม่ล้ม ด้วยความเร็วตะขาบไม่สามารถกัดทัน นับเป็นโชคดี ของแม่  ผู้เขียนจะออกไปรับหาบแม่ ทำให้แม่สบายขึ้นบ้าง เพราะลูกคนอื่นต้องไปทำงานที่อื่น

        หลังจากนั้น เมื่อถนนหนทางสะดวกสบาย การ เที่ยวบ้านก็ไม่มีอีก เพราะชาวบ้านสามารถ หาซื้อเองได้ แม่จึงเลิกเที่ยวบ้าน

 

แม่กลับมาเป็นแม่ค้าขายขนม

 

        แม่หันมาเป็นแม่ค้าขายขนมหวาน ตลาดเช้าแทน เมื่อแม่ลุกมาทำขนม ลูก ๆ ทุกคนก็จะตื่นเพราะนอนไม่หลับ เสียงแม่ทำขนม ตี ๑-๒ เสร็จก็จะออกไปขาย ทันตลาดเช้า ทำทุกวัน แต่ ลูก ๆ ไม่ได้นอน

       แม่ไปเรียนทำ ซาละเป่า ที่จังหวัดชัยนาท กลับมาทำขายพักหนึ่ง ทำให้ชีวิตครอบครัว ดีขึ้น เพราะความขยัน สู้ งาน

 

แม่ขายประกัน จนเกือบขายชีวิต

 

        ช่วงระยะหนึ่งที่ทำให้แม่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แม่เป็นตัวแทนประกันชีวิต ทำกับบริษัทไทยสมุทร ช่วงเวลานี้ผู้เขียน เป็นครูแล้ว แต่ก็พาแม่ออกหา ลูกค้าในวันหยุด  ก็พอช่วยได้ เพราะผู้ปกครองก็อยากช่วย ที่เป็นแม่ของครูของลูก แม่ทำอยู่หลายปี เดี๋ยวนี้แม่หยุดเป็นตัวแทนเพราะ เกิดอุบัติเหตุ แม่ออก เก็บเบี้ย โดยรถมอร์เตอร์ไซด์ ซึ่งแม่ไม่คุ้นเคยมาก่อน พึ่งมาหัดเมื่อ ออกหาเบี้ย ตอนอายุมากเกือบ ๗๐ ปี โดยวันนั้นแม่ ออก ตี ๕ ถึง ๖ โมงเช้ากำลังสลัว แม่โดนรถชน ตกลงข้างถนน นานเท่าไรไม่มีใครเห็น จนเกือบเที่ยงวัน ชาวบ้านมาพบ จึงมีคนมาแจ้ง และมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม  บริเวณแม่เกิดอุบัติเหตุ ในเขตของพยัฆคฯ  ลูก ๆ ทุกคนตกใจ และทำใจ ว่าแม่ไม่รอดแน่ แม่เสียเลือดมาก รีบนำส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลจังหวัดบุรีรัมย์ กว่าหมอจะมาดูแลอาการของแม่ ซึ่งไม่ถึง ๕๐ %  ที่จะมีชีวิต รอดอาการสาหัสมากหมอบอกให้ทำใจ  (หลังจากอาการแม่ดีขึ้นถามคุณหมอบอกไม่ถึง ๕๐ )   ขาแม่หัก เดี๋ยวนี้แม่ก็ยัง เดินเดี้ยง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่คิดว่าแม่จะมีชีวิตรอด แม่อยู่ห้อง ICU หลายวันจึงฟื้น

 

วันที่แม่ผ่าตัดไส้ติ่ง

 

            แม่ชอบปฏิบัติธรรม หลังจากแม่ไปปฏิบัติธรรม ที่วัดบ้านไพล อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา แม่บ่นว่า ปวดท้อง นำแม่ไปส่งโรงพยาบาล พุทไธสง หมอให้ยาแก้ปวดธรรมดากินแม่ ก็ไม่หาย แม่เป็นคนอดทนอยู่แล้ว ทนปวดเกือบหนึ่งสัปดาห์ จึงนำไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา ถึงรู้ว่า แม่เป็นไส้ติ่งอักเสบ จวนแตก คุณหมอบอกว่า ช้าอีกเพียงวันเดียว ต้องเสียชีวิต ช่วงนั้นแม่อายุ ๘๐ ปีแล้ว ครับร่างกายผอมมาก แต่แม่ ยังแข็งแรง แม่พักฝืน อยู่หลายวัน ลูก ๆ หลาน ๆ พร้อมหน้าพร้อมตา แม่กำลังใจดีมากครับ ออกโรงพยาบาล ไปพักที่บ้านน้องสาวที่หมู่บ้านกฤษดานคร ต. หนองจบก นครราชสีมา ที่นำแม่ไปโรงพยาบาล นครราชสีมาไม่ได้ มีอะไรกับโรงพยาบาล จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ใกล้ น้องสาว น้องชาย น้องชายเป็นทหารอยู่ที่นั้น พี่ชาย เป็นตำรวจที่ ปักธงชัย พี่ชายใหญ่เป็นข้าราชการบำนาญ ที่ลพบุรี นครราชสีมาจึงเป็นจุดศูนย์กลาง และมีพยาบาล ที่เป็นลูกศิษย์ ของผู้เขียนหลายคน ได้ช่วยดูแลเป็นอย่างดี เรื่องห้องพิเศษ ติดต่อหมอ เป็นภาระของลูกศิษย์ เป็นครูก็ดีอย่างครับ ผมภูมิใจ ที่เห็นศิษย์ได้ดี  

 

๑๐

ลูกดื้อทำให้แม่ตกใจ

 

            ผู้เขียน เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ด้วยความซน คิดสนุก เพราะไปหลอกเพื่อน ๆ  สำเร็จ จึงนำมาหลอกแม่ วันหนึ่ง แม่กำลังล้างจาน หลังจาก ทานข้าวมื้อเย็น แม่นั่งล้างจาน ที่ประตูครัวบ้าน เป็นประตู ที่เปิดโล่ง ไม่มีชาน แทนหน้าต่าง เพื่อน ๆ เคยมาเห็น เข้าเรียก “ผักกระตูโดนตาย”  (ผลักประตูกระโดดตาย)  ผู้เขียน ใช้กระดาษ ที่ตัดเป็นรูปโครงกระดูก ตัดเป็นท่อน เย็บด้วยด้าย ไม่แน่น เวลาแขวนกับไม้ สามารถแกว่งเหมือนเคลื่อนไหวได้ ตัวใหญ่ เท่าเด็ก สูงประมาณ ๑ เมตร  ตอนที่นั่งทำ แม่ ก็ยังเห็น หลังจากไปหลอกเพื่อนที่บ้านพัก เพื่อน ๆ ตกใจกลัว เขาจะเตะ จึงวิ่งกลับบ้าน ก็มาเจอ แม่ขณะที่แม่กำลังล้างจ้าน พอดี ก็เลย ค่อย ๆ ยกไม้ที่แขวน โครงกระดูกแกว่ง ๆ  แม่ร้องลั่น ด้วยตก ใจ แต่แม่คงนึกได้ว่า เราทำเมื่อเช้า แม่โกรธมาก ผม เข้าบ้านไม่ได้ ๓ วัน ต้องไปนอนบ้านยาย แม่หายโกรธแล้วจึง กลับบ้าน แต่ โดนแม่ตี เหมือนเดิม สมแล้วที่ต้องทำให้แม่ตกใจ นึกถึงเรื่องนี้ แล้วขำไม่ออก สงสารแม่มากครับ

 

๑๑

สัญญาพี่น้อง

 

        แต่ก่อนเราจะรวมญาติ พบกันที่บ้านในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ของทุกปี  พ่อเกิด วันนี้ครับ เพราะลูก ๆ มีครอบครัวไปอยู่ที่อื่น เดี๋ยวนี้ลูก ๆ เกษียณ หมดเหลือเพียง น้องสาว เป็นครูที่ โรงเรียนสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา คงอีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ อายุ ๕๐ กว่าแล้ว  เดี๋ยวนี้ แม่แข็งแรง เมื่อลูก ๆ มีงานทำ มีอาชีพ แม่ก็มีความสุข หลังจากพ่อเสียชีวิต ลูก ๆ ต่าง ตกลงกันว่า วันที่เราต้องรวมกันมาไหว้แม่คือวันปีใหม่ วันสงกรานต์ และขาดไม่ได้คือวันแม่

         พี่ ๆ น้อง ๆ จะมารับแม่ไปอยู่ด้วย บ้านคนนั้นที คนนี้ที แต่แม่อยู่ได้ไม่นาน คนแก่จะทิ้งบ้านได้อย่างไร แม่อยู่กับผู้เขียน ที่บ้านพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยผู้เขียนรับราชการครู(สอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) อยู่ที่บ้าน จนเกษียณ หลังจากเกษียณ  วิทยาลัยอาชีวะ มาติดต่อให้ไปสอน ให้เดือนละ หมื่นกว่าบาท เงินอยากได้ ผู้เขียนไม่ไป  อยากดูแล แม่ มากกว่า

 

๑๒

แม่นักปฏิบัติธรรม

 

        แม่เป็นคนชอบทำบุญ ชอบไปปฏิบัติธรรมตามวัดต่าง ๆทั้งใกล้ และไกลต่าง จังหวด  ชอบเป็นชีวิตจิตใจ ลูก ๆ ก็ไม่ห้าม แม่ชอบไปที่วัดไหน ก็จะไปส่งไปรับ ครั้งละ๓- ๗ วัน บางครั้งก็มากว่านั้นแล้วแต่ วัดใดจะจัด ถ้าช่วงเข้าพรรษาแม่ก็จะไปทั้งพรรษา แม่ตั้งใจปฏิบัติจริง มีสมาธิบางครั้งเห็นแม่นั่งนิ่ง ๆ ที่มือนับเม็ดประคำที่คอ แม่เดินจงกรม ที่บ้านยังเห็นแม่ทำ ส่วนนี้ที่ทำให้แม่แข็งแรง เปรียบกับคนรุ่นเดียวกัน แม่แข็งแรงกว่า แม่ไม่หลังหง่อม วันใดแม่ไม่ไปปฏิบัติธรรม ก็จะออกเก็บผักริมรั้วขาย ลูก ๆ ห้ามไม่ฟัง เพราะเกรงจะได้รับอุบัติเหตุ แต่ถือว่าเป็นความสุขก็ให้ทำ  คนแก่ทั่ว ๆ ไปเหมือนกับแมว เวลาดึงไว้ จะไปข้างหน้า ดึงหน้าจะไปข้างหลัง คนแก่เหมือนกัน มักทำตรงข้าม

 

                                              ๑๓

                                   แม่คิดถูกหรือคิดผิด

 

        เมื่อแม่ไปเลี้ยงหลาน ลูกของน้องสาว น้องสาวไปบรรจุที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต คลอดลูกคนที่สองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ แม่ใส่สร้อยทอง หนัก ๒ บาท ออกมาทำความสะอาด บริเวณ บ้าน บ้านพักครูอยู่ติดถนนผ้ใหญ่บ้าน ลูกห้าม แต่แม่ เชื่อในความดีของตนเอง คนทำบุญ ปฏิบัติธรรม ไม่เป็นไร พระคุ้มครอง  เป็นเรื่องจนได้ เมื่อคนร้าย มากระชากสร้อย ร้องให้คนช่วย แม่จำหน้าได้ เพราะมาวนเวียน ตำรวจจับได้อย่างรวดเร็ว ให้แม่ไปชี้ตัว แม่กลับไม่ชี้ บอกตำรวจว่า จำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่จำได้ แม่บอกน้องสาวว่า สงสาร เขา โธ่แม่ สงสารใครไม่สงสารไปสงสารโจรเสียนี่ เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นขณะที่ผู้เขียนเป็นครูอยู่โรงเรียนดอนเมือง กรุงเทพฯ น้องสาวเล่าให้ฟัง เดี๋ยวนี้น้องย้ายมาที่โคราช เออแม่คิดถูกหรือคิดผิด ได้แต่รำพึงในใจ

 

                                            ๑๔

                                  แม่ชอบตื่นเช้า

 

        แม่ตื่นแต่เช้าทุก ลุกขึ้นมาเดินจงกรม ก่อนจะไปตักบาตร แม่จะกวาดถนน หน้าบ้านที่เซื่อม ตัวบ้านให้สะอาด ปราศจากใบไม่ เศษดิน จึงจะออกไปตักบาตรที่หน้าบ้าน แม่เป็นนาฬิกาปลุก แม่ทำงาน เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยหยุด นี่แหละคือการออกกำลังกายอีกอย่างหนึ่ง แม่จึงแข็งแรง

        พรรษานี้ น้องไปส่งแม่ไปปฏิบัติธรรม อีก ๑ พรรษา ปีนี้แม่ไปจำที่วัด อำเภอท่าพระ จังหวัด สุรินทร์ ทุกปีแม่ไปที่นครราชสีมา ที่ท่าพระมีน้องชาย คนรองจากผู้เขียน คนนี้คนเดียวที่ไม่ได้รับราชการ แต่ทำงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพุทไธสง เกษียณก่อนผู้เขียน เพราะ พวกนี้ เกษียณ อายุ ๕๔ ปี  ส่วนพี่ชายคนที่ ๓ เป็นตำรวจเกษียณแล้ว กลับมาอยู่ที่บ้าน

        ภาพที่แม่ทำเพื่อลูก ยังฝังใจ ลูกยากที่จะลืมเลือน...ปัจจุบันแม่ อายุ ๘๕ ปี อยากให้แม่อยู่กับ ลูก ๆ หลาน ๆ ให้นาน ๆ  ถึงแม้แม่จะ ไม่ได้รับโล่ แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี  แต่แม่ได้รับโล่ประจำใจ จากลูก ทุก ๆ คน ลูกรักแม่...

 

“   หากจะมอบความรักให้พ่อแม่

จงมอบแต่วันท่านมีชีวิตจิตแจ่มใส

อย่ารอวันท่านดับลาลับไป

ท่านจะรู้อย่างไรในเรื่องราว

                                                    

 อย่ารอวันที่ท่านนั้นลาลับ

ดินถมทับอยู่หว่างกลางความหนาว

มีเพียงถ้อยร้อยอาลัยไว้แพรวพราว

ท่านจะรู้เรื่องราวได้อย่างไร...”

 

สวัสดีครับ

           

           

           

 

หมายเลขบันทึก: 497233เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2012 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม 2012 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ขอคุณ ดร.Somsri และ อ.นุ ที่ให้กำลังใจ ...สวัสดีครับ

  แม่ทั้ง 14 กิจกรรม....แม่ คือ สิ่งที่วิเศษ (Magical)  น่าอัศจรรย์ (Magicจริงๆ ค่ะ  

ขอบคุณมาก กับบทความดีดีนี้นะคะ

แม่สุดยอดแห่งความอดทน ทำดีเพื่อแม่ตั้งแต่ท่านยังอยู่ จะได้ไม่เสียใจ เมื่อท่านจากไป ยังมีสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ท่าน

  • คุณแม่เป็นนักสู้และมีความอดทนสูงมากค่ะ
  • เป็นแบบอย่างที่ดีที่ลูก ๆ เจริญรอยตามได้อย่างเชื่อมั่นว่าทางนี้เป็นทางสงบ
  • การปฏิบัติธรรมเป็นทางสงบที่ลูก ๆ ทุกคนวางใจและสบายใจได้เลยค่ะว่าท่านได้ใช้ชีวิตสมควรแก่ธรรมอย่างยิ่ง
  • ดูแลแม่ในขณะที่มีชีวิตอยู่เป็นการแสดงความกตัญญูที่ไม่ต้องรอและจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง ขอบคุณค่ะ

อ่านแล้วละสายตาไม่ได้เลยค่ะคุณแว่นธรรมทอง เขียนบันทึกเล่าเรื่องแม่ได้น่าติดตาม คุณแม่สมจิตสู้ชีวิตจริงๆค่ะ ทำหลายอย่างมาก.. แม้แต่ขายประกัน สุดยอดแม่ผู้อดทน ขอยกนิ้วให้เลยค่ะ

 

ชื่นชมคุณแม่นักสู้จริง ๆ ค่ะ

ขอคารวะในความดีงามนี้ตลอดไปและขอจงดลบันดาลให้แม่...และครูแว่นธรรมทองจงประสพสุขตลอดกาล สาธุ ...หากข้าพเจ้ามีโอกาสได้ทำสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจไว้ให้เป็นผลสำเร็จ...แม่และพ่อก็คงมีความสุขมากเช่นกันครับ...

ข้าพเจ้าจะพยายามทำความดีให้มากๆ...เพราะไม่มีอะไรที่จะตอบแทนผู้มีพระคุณได้อีกแล้ว...นอกจากความดี (หากชีวิตยังเหลืออยู่ให้ทำ..ก็จะทำให้ถึงที่สุดครับ) เมื่อจากไปจะไม่ได้เสียดายเวลาที่หมดไปกับชีวิตนั้น ... .... .... รักแม่ รักพ่อ รักคุณครู

สวัสดีค่ะคุณแว่นธรรมทอง

  • สุดยอดคุณแม่จริงๆนะคะ
  • คุณยายฝากดอกไม้กราบคุณแม่ด้วยคนค่ะ

แว่นธรรมทองขอบคุณทุกกำลังใจ สำหรับดอกมะลิ ของคุณยาย คุณมนัสดาแม่กลับจาก ปฏิบัติธรรม (ออกพรรษา) จะเล่าให้แม่ฟัง ...สวัสดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท