กฎหมายขัดกันของญี่ปุ่น APPENDIX 3B Act Concerning the Application of Laws (Horei) (Law No. 10 , June 21, 1898) ได้กล่าวถึงเรื่องพินัยกรรมไว้ ในมาตรา 27 นั้น ได้มีการแบ่งเรื่องการทำพินัยกรรมไว้เป็น 3 เรื่อง คือ เรื่องแบบ ,ผล และเรื่องการเพิกถอน
เมื่อพิจารณาเทียบเคียงกับกฎหมายขัดกันของไทย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 นั้น ในเรื่องของพินัยกรรม ตามกฎหมายขัดกันของไทย ในส่วนของแบบและผลของการทำพินัยกรรม และเรื่องการเพิกถอนพินัยกรรมจะอยู่ใน มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ซึ่งกฎหมายขัดกันของญี่ปุ่นและของไทยมีความเหมือนและความแตกต่างกันในการวางหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าว คือ
ในเรื่องแบบของการทำพินัยกรรมในกฎหมายขัดกันของญี่ปุ่นนั้น กำหนดให้แบบของพินัยกรรมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของผู้ทำพินัยกรรมในขณะที่พินัยกรรมมีผลใช้บังคับ แต่ในส่วนของกฎหมายขัดกันของไทยนั้น กำหนดให้แบบของพินัยกรรมนั้นขึ้นอยู่กับผู้ทำพินัยกรรม โดยผู้ทำพินัยกรรมอาจทำตามแบบที่กฎหมายสัญชาติกำหนดไว้ หรือทำตามแบบที่กฎหมายของประเทศที่ทำพินัยกรรมกำหนดไว้ก็ได้
ในส่วนเรื่องผลของการทำพินัยกรรม กฎหมายขัดกันของญี่ปุ่นกำหนดให้ผลของการทำพินักรรมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของผู้ทำพินัยกรรม เช่นเดียวกับในเรื่องแบบ แต่ในกฎหมายขัดกันของไทยนั้นกำหนดให้ผลของการทำพินัยกรรมเป็นไปตามกฎหมายภูมิลำเนาของผู้ทำพินัยกรรมในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมนั้นถึงแก่ความตาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองประเทศใช้หลักการในเรื่องผลของการทำพินัยกรรมนั้นแตกต่างกัน โดยที่กฎหมายขัดกันญี่ปุ่นใช้หลักสัญชาติ ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายขัดกันของไทย ที่วางหลักการในส่วนเรื่องผลของการทำพินัยกรรมไว้ โดยใช้หลักภูมิลำเนาของผู้ทำพินัยกรรม
เรื่องสุดท้ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำพินัยกรรม คือ เรื่องการเพิกถอนพินัยกรรม กฎหมายขัดกันของญี่ปุ่นกำหนดให้ผลของการเพิกถอนพินัยกรรมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของผู้ทำพินัยกรรมในขณะที่มีการเพิกถอนพินัยกรรม ซึ่งแตกต่างจากฎหมายไทยที่กำหนดให้การเพิกถอนพินัยกรรมเป็นไปตามกฎหมายภูมิลำเนาของผู้ทำพินัยกรรมในขณะที่มีการเพิกถอนพินัยกรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองประเทศใช้หลักในเรื่องการเพิกถอนของการทำพินัยกรรมนั้นแตกต่างกัน โดยที่กฎหมายขัดกันญี่ปุ่นใช้หลักสัญชาติ ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายขัดกันของไทย ที่วางหลักการในส่วนเรื่องการเพิกถอนการทำพินัยกรรมไว้ โดยใช้หลักภูมิลำเนาของผู้ทำพินัยกรรม แต่ทั้งสองประเทศก็ใช้หลักการโดยถือเอาเวลาในขณะที่เพิกถอนพินัยกรรมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเช่นเดียวกัน
จากการพิจารณาในข้างต้น จะเห็นได้ว่าทั้งกฎหมายขัดกันของญี่ปุ่นและกฎหมายขัดกันของไทย ต่างก็กล่าวถึงเรื่องการทำพินัยกรรมไว้โดยมีการกำหนดทั้งเรื่องแบบ ผลของการทำพินัยกรรม รวมไปถึงเรื่องการเพิกถอนพินัยกรรมเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในส่วนของหลักที่นำมาพิจารณา โดยที่การพิจารณาถึงผลของพินัยกรรมและเรื่องของการทำพินัยกรรมนั้น ประเทศญี่ปุ่นจะใช้หลักสัญชาติของผู้ทำพินัยกรรม แต่ประเทศไทยจะใช้หลักภูมิลำเนาของผู้ทำพินัยกรรมเป็นหลักในการพิจารณา
ไม่มีความเห็น