ผอ.เลือกตั้ง..(Campaign Manager) ฉบับ Change …นายก(มือใหม่)ฯ
อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ประเทศไทย กำลังเข้าสู่วิกฤตของการการเลือกตั้ง ผลการพิพากษาล่าสุดของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา ใครคือคนสำคัญที่สุดของกระบวนการนี้เลือกตั้งกันแน่
ในระบอบประชาธิปไตย ก่อนที่จะลงเลือกตั้งเพื่อได้มาซึ่ง สส. พรรคการเมือง (เชื่อกันว่า) จะมีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร เพื่อคัดเลือกคนที่เหมาะสมและส่งลงรับเลือกตั้ง โดยมีคนผู้หนึ่งทำหน้าที่กุมบังเหียนเรียกว่า "ผู้อำนวยการเลือกตั้ง" และคนผู้นี้แหละ สำคัญต่อทิศทางการเมืองของ สส. เหล่านี้...
ในหนังทีวีเรื่อง Change นายก (มือใหม่) ฯ ยกความสำคัญของขั้นตอนให้แก่ “...นิราซาว่า”
“นิราซาว่า” เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง ตามบทของเรื่อง... แค่ฉากเปิดตัวก็จ๊าบแล้ว...มาด้วยมาดสุดขลัง ยิ่งกว่าตอนเปิดตัวพระเอกเสียอีก...ภาพเล็ก ๆ ของ “นิราซาว่า” ในฐานะผู้ชนะศึกการเลือกตั้งหมู่บ้านมาหมาดๆ มันเวอร์สุด ๆ จริง ๆ (เลือกตั้งหมู่บ้านของเขาก็คงเทียบได้กับ อบต.บ้านเรา)
คน ๆ นี้เป็นผู้สำคัญที่สุด และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ อาซาคุระ เคตะ ได้คะแนนเสียง ได้ฉายแววความพิเศษที่มีอยู่ในตัว การค้นหาจุดเด่น จุดด้อย การออกแบบการต่อสู้ กลยุทธ์การหาคะแนน ไม่ใช่สิ่งที่จะมีในตัวใครคนใดคนหนึ่งโดยง่าย แม้ไม่ใช่เรื่องที่จะเรียนรู้ไม่ได้ แต่ ผอ.การเลือกตั้ง ก็ต้องเป็น “มือฉมัง” จริง ๆ และที่สำคัญพลิกวิกฤต เป็นโอกาส จากความเก๋าเกม จากความเป็นมือฉมังนั้น และที่สำคัญ เขาคือกุญแจสำคัญ ที่ทำให้ เคตะ มั่นใจว่า เขาเป็นผู้แทนราษฎร เป็นผู้ที่คนหนึ่งแสนกว่าคน เขียนชื่อของเขาในบัตรลงคะแนน ฝากความหวังของเขาไว้ ให้ช่วยดูแลคำมั่นสัญญา แต่อาจไม่ใช่นักการเมืองอย่างที่คนอื่นเป็นกัน
บทสนทนาสั้น ๆ ในศูนย์เลือกตั้ง ที่ผู้ใหญ่ท้องถิ่นหลายคนแนะนำให้ นิราซาว่า รู้จักกับ มิยาม่า ซึ่งมาจากโตเกียว มาช่วยการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เชียวนะ... มิยาม่า ออกตัวว่า ก็แหม..เป็นการเลือกตั้งสำคัญนี่นา....แต่คำตอบที่ได้รับจาก นิราซาว่า คือ ..” มีการเลือกตั้งครั้งไหน ที่ไม่สำคัญด้วยหรือ??”
ฟังเผิน ๆ ก็กวนประสาทดี แต่คิดอีกที นักเลือกตั้งในเมืองไทย จะคิดอย่างไรกับระบบการเลือกตั้ง อบต. เทศบาล อบจ สส สว และปาร์ตี้สิลต์ ???? จะคิดเหมือน มิยาม่า หรือ นิราซาว่า กันแน่.????
นิราซาว่า ตามบทหนัง เขาถูกกำหนดให้มีประวัติ วางแผนการเลือกตั้งมาแล้ว ๒๐๐ ครั้ง ชนะ ๑๙๙ ครั้ง แพ้เพียงครั้งเดียว และแพ้ในครั้งที่ ๑ เท่านั้น ด้วยประสบการณ์การวางแผนเลือกตั้ง ขนาดนี้ ถ้าทำให้ใครแล้วไม่ชนะ ก็คงไม่ใช่ นิราซาว่า แน่ๆ (บทหนังก็เวอร์สุด ๆ ได้เหมือนกัน...แต่..เขาจะบอกอะไรกันแน่???)
สำหรับเมืองไทย ผอ.การเลือกตั้งของ ๒๖ พรรคในวันนี้ คือใครกัน เขาเป็น “มือฉมัง” กันหรือไม่...
ขณะนี้มีบางพรรคประกาศตัว ผู้อำนวยการเลือกตั้งอย่างเปิดเผย แต่บางพรรค ก็อาจยกตำแหน่งนี้ ไปให้แก่ เลขาธิการพรรค หรือหัวหน้าเขตที่ควบคุมฐานเสียง
ระหว่างความเป็นนักวางแผนเลือกตั้งมืออาชีพอย่าง นิราซาว่า (ในหนังทีวี) กับ ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคการเมืองไทย(ในความเป็นจริง) มีอะไรต่างกันบ้างไหม...????
๑. นิราซาว่า สนใจเรื่องการเลือกตั้งและวิธีการต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนนเสียงเหนือกว่าคู่แข่ง
๒. นิราซาว่า ออกแบบความคิด กำหนดกลยุทธ์ และมีฝ่ายสนับสนุนไปร่วมกันทำให้เป็นจริง
๓. นิราซาว่า งานของเขาคือการเลือกตั้ง เสร็จงานเลือกตั้ง ก็หมดหน้าที่ ตระเวณต่อไปในพื้นที่เลือกตั้งอื่น
๔. นิราซาว่า ไม่สังกัดพรรค เป็นมืออาชีพ พรรคไหนโทรหาก่อน ก็รับจ้างพรรคนั้นก่อน..
๕. นิราซาว่า คิดกลยุทธ์จากข้อมูล และชั้นเชิงของการวางแผน สื่อสารไปถึงผู้ลงคะแนนกลุ่มต่าง ๆ และไม่คิดกลยุทธ์ซื้อเสียง หรือผิดกฏหมาย
๖. นิราซาว่า ไม่ผูกพันกับพรรค ไม่มีตำแหน่งในพรรค และไม่มีบทบาทในการบริหารพรรคเสียด้วยซ้ำ
๗. มีสัญชาตญาณของนักสื่อสารการเมือง
ส่วนผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคการเมืองไทย
๑. ต้องเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้ สนใจคะแนนเสียง มากกว่าการเลือกตั้ง
๒. ประสานผลประโยชน์ เบิกจ่าย ผลักดันกระสุน เสบียง และอุปกรณ์
๓. งานหลักคือสร้างสัมพันธ์ ระหว่างตนเอง พรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้ง
๔. ไม่มีอำนาจสั่งการ แต่เป็นสนามทดสอบ การจัดการความสัมพันธ์ของ สส./ นโยบาย/ และผลประโยชน์
๕. เป็นบันไดขั้นแรกของการบริหาร กลุ่ม ในพรรคการเมือง
๖. มีสัญชาตญาณของ นักการเมือง
นิราซาว่า คือผู้สวมบทนักสื่อสารการเมืองคนสำคัญ (ที่เรายังไม่เห็นในการเมืองไทย) ส่วน ผู้อำนวยการเลือกตั้งที่มีอยู่ก็คล้ายกับทำหน้าที่เป็นเพียงนักการตลาดในพรรคการเมืองเท่านั้น...ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพรรคการเมืองไทยพรรคอื่น ๆ ที่แม้แต่นักการตลาดในพรรค ก็ยังหาไม่เจอนะ...
สิ้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนเกือบค่อนประเทศ โล่งอก เพราะถือว่า มีความชัดเจนและเป็นบวกแก่คนทั้งหลาย..แต่น่าประหลาดที่นักการเมืองกลับ ม้งเม้ง ไม่พอใจ ด้วยประการทั้งปวง ...
ทำให้คิดไปว่า ผู้อำนวยการเลือกตั้ง (ผู้อำนวยการพรรค) หายไปไหน... หรือเพราะเป็นเช่นนี้ พรรคการเมืองไทยจึงมีสถานะเพียง ก๊วนนักเลือกตั้ง...ที่ไม่มีความรู้อะไรในระบบการเมือง เพียงแต่ปราศรัยดี พูดเก่ง โต้วาทีเยอะ หรือพวกเยอะ...ก็ได้เวทีไปครอง
สื่อสารการเมือง ไม่ใช่เรื่องขึ้นเวที ร้องตะโกนตำหนิฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ไม่ใช่เรืองประจานความล้มเหลวของอีกฝ่าย และโดยเฉพาะไม่ใช่เรืองข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ไม่เห็นด้วย...
สื่อสารการเมืองเป็นเรื่องกลยุทธ์ที่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่งั้น อีกไม่เกิน ๕ ปี อาเซียนก็คงมีประเทศไทย อยู่ลำดับท้ายสุด...
.
ต้องช่วยกันทุกๆ ฝ่ายนะคะ และทำหน้าที่ ที่ตนได้รับ ทำให้ดีที่สุด เพราะทุกวันนี้ ยาบ้าเต็มบ้านเต็มเมือง ขโมยเดินเต็มถนน ลูกหลานใครไม่ดูแลให้ดี ติดยาบ้า ค้าของเถื่อน ท้องในวัยเรียน นักเลง+นักเรียน บ้านเมืองมีแต่ปัญหา น่าเหนื่อยใจ นะคะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ Somsri ที่กรุณาให้กำลังใจ...
"สื่อสารการเมือง ไม่ใช่เรื่องขึ้นเวที ร้องตะโกนตำหนิฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ไม่ใช่เรืองประจานความล้มเหลวของอีกฝ่าย และโดยเฉพาะไม่ใช่เรืองข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ไม่เห็นด้วย... สื่อสารการเมืองเป็นเรื่องกลยุทธ์ที่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่งั้น อีกไม่เกิน ๕ ปี อาเซียนก็คงมีประเทศไทย อยู่ลำดับท้ายสุด..."
อยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาอ่านบทความนี้ทุกคน
จะติดตามอ่านงานเขียนของคุณเติมฝันต่อไปนะคะ และถ้าจะขอแนะนำให้คนเข้ามาอ่าน คุณเติมฝันจะรังเกียจไหมคะ อ.วิเสียดายบทความดีๆ ที่คนควรอ่านพลาดการอ่านไปน่ะค่ะ
ขอบคุณ ผศ.วิไล แพงศรี
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ.. ยินดี และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ อาจารย์จะกรุณา...
ขอบคุณอีกครั้ง ครับ..