เขียนด้วยใจ สื่อสารจากใจ เรื่องอะไรก็อ่านเพลิน


คำคมวันนี้เป็นของนักเขียนท่านหนึ่งค่ะ คุณThornton Wilder ท่านบอกไว้ว่า

If you write to impress it will always be bad, but if you write to express it will be good.

Thornton Wilder, writer (1897-1975)

เป็นคำคมที่อ่านแล้วชอบทันทีอีกชิ้นค่ะ รู้สึกเลยว่าเหมาะกับสิ่งที่เราพบเห็นเสมอใน GotoKnow แต่ละวันที่รู้สึกเหนื่อยๆล้าๆ พอได้แวะตามเมลที่รวมบันทึกของสมาชิกที่เราติดตามเข้ามาอ่าน ก็จะได้พบกับเรื่องราวดีๆ อ่านแล้วมีความสุข  และเห็นจริงอย่างที่คุณ Thornton Wilderซึ่งเป็นนักเขียนชาวอเมริกันที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ถึงสามครั้งท่านบอกไว้จริงๆ คือ

"หากท่านเขียนเพื่อให้ประทับใจงานที่ออกมามักจะไม่ดี แต่ถ้าท่านเขียนเพื่อสื่อสาร เพื่อแสดงออก ก็จะได้งานที่ดี"

ถือเป็นเคล็ดลับที่ไม่ลับในการเขียนได้เลยนะคะ นั่นคือเมื่อไหร่ที่เราอยากจะแสดงออก อยากบอกความคิด ความอ่านที่มาจากใจเรา ตัวเราจริงๆให้ลงมือเขียน งานที่ออกมาก็คือสิ่งที่มาจากใจเรา ความคิดเราและสื่อถึงสิ่งที่เราอยากจะบอก เราเองก็จะมีความสุขกับการเขียน คนอ่านก็จะรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่เราสื่อออกมา งานก็จะเรียกได้ว่าดี แต่ถ้าเราพยายามจะเขียนเพื่อให้ประทับใจ แต่ไม่ใช่สิ่งที่มาจากใจที่จะสื่อจริงๆ งานของเราก็จะฟ้องตัวของมันเอง

นี่คือสิ่งที่ตัวเองอ่านแล้วตีความออกมาเอง แต่พอลงมือเขียนแล้วรู้สึกว่า อาจจะมีมุมมองอื่นในคำว่า impress กับ express ที่คุณ Thornton Wilder ท่านอยากจะสื่ออีกก็ได้นะคะ ท่านใดอ่านแล้วจะแลกเปลี่ยนความคิดกันก็ยินดีนะคะ   

 



หมายเลขบันทึก: 491640เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 00:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน 2012 09:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

"หากท่านเขียนเพื่อให้ประทับใจงานที่ออกมามักจะไม่ดี แต่ถ้าท่านเขียนเพื่อสื่อสาร เพื่อแสดงออก ก็จะได้งานที่ดี

เรียนอารย์ กทน.โอ๋.... ประโยคที่อาจารย์ยกมา ว่างานเขียนออกมาจะดีหรือไม่ดีหรือประทับใจ อยู่ที่การสื่อสาร แต่สำหรับผมอยู่ที่ความสุขครับ

มีความสุขที่ได้เขียนได้เล่า ...

ดึกๆตื่นขึ้นมานั่งคิดนั่งเขียน เจอคำถามจากแม่บ้าน"เขาให้ตังค์มั้ยที่ต้องมาอดนอน....."

เหนือสิ่งอื่นใดในการได้สื่อสาร คือความสุข.....

มีเรื่องเล่าเรื่องจริงสัก40ปีก่อน ผู้หญิงวัยรุ่นตอนต้นสองคนไปเก็บเกี่ยวข้าวในนา ถึงเวลาเที่ยงก็แยกตัวจากผู้ใหญ่ไปกินข้าวกันสองคน

เขามีเรื่องสัยในที่ไม่กล้าถามผู้ใหญ่ หรือถึงกล้าถามก็ได้คำตอบที่ต้องไปตีความถามต่อ ในเรื่องเครื่องหมายเพศของผู้ชายที่เธอสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่

อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม การเหนียม อาย แม้กระทั่งจะเอ๋ยถึงอวัยยะวะเพศ ทำให้เธอสองคนสนทนา ธรรมชาติ ผู้ชายกันว่า

"อ้ายนั้นของผู้ชาย เป็นเนื้อหรือเป็นกระดูก เพราะได้ยินได้ฟังมาว่า บางครั้งก็แข็ง บางครั้งก็นิ่ม.......

ลุงคนหนึ่งนั่งต่อนกเขาอีกฟากหนึ่งของปลวกที่พวกเธอนั่งกินข้าว เมื่อคนมานั่งสนทนา ก็หมดปัญญาที่จะให้นกต่อ ทำให้นกเถื่อนมาติดกับ

ลุกขึ้นไปหยิบนกที่แขวนแล้วอ้อมมาบอก สองสาวที่สื่อสารกันอยู่ว่า..."ไม่ใช่โดก(กระดูก) ไม่ใช่เนื้อหลานเหอ มันเป็นเอ็น" (ลุงคนนั้นลุงผมเอง)

เรื่องเขียนเรื่องเล่า ที่เขียนออกมาอาจไม่ดี ไม่ประทับใจ แต่เป็นความสุขที่ได้บอกได้เล่าให้เห็นในมุมที่ยังไม่รู้ไม่เห็น สำหรับผมคือความสุขจากการเล่าครับ

  • Express >>> Impress >>> Express >>> Impress >>> Relationships

  • พี่ใหญ่คิดว่า สองคำนี้มีความสัมพันธ์อย่างเป็นเหตุและปัจจัยต่อเนื่องเป็นห่วงโช่่ระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านค่ะ

  • KM sharing ที่ดี เป็นการแบ่งปัน success stories แบบเรื่องเล่าเร้าพลัง..

นึกถึงกวีก้องโลก ซึ่งเป็นหนังนะ พระเอกมีพรสวรรค์ก็จะสามารถ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ดี และเขาก็ใช้จินตนาการของเขาสร้างสิ่งต่างๆ ที่ปรารถนาในชีวิตจริง เขียนกลอนอันบรรเจิด

อ่านบันทึกของพี่โอ๋ที่รักและเคารพของผมแล้ว ประทับใจและสร้างแรงใจมากครับ ขอบคุณมากที่แนะนำ G2K ให้ผมครับ

  • การอ่านเรื่องนี้ทำให้ผมคิดอย่างนี้ครับ (ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกันหรือไม่นะครับ) งานศิลปะที่โดดเด่นลึกล้ำ ดูเหมือนจะเป็นงานที่ออกมาจากอารมณ์ส่วนลึกปลดเหตุผล แต่งานศิลปะที่ทำขึ้นเพื่อตอบสนองเงื่อนไข เช่น ขายให้ได้เงิน ทำเพื่อให้ถูกใจคนอื่น ฯลฯมีจะเหตุผลบางอย่าง คำว่า สวยดี และ คำว่า .... (อธิบายไม่ได้แต่รู้สึกอะไรบางอย่างเมื่อเห็นภาพนั้นตลอดถึงรับรู้ถึงอารมณ์ลึกๆของผู้เป็นเจ้าของศิลปะ) ดูจะแตกต่างกัน
  • ผมเคยอ่านงานเขียนชิ้นหนึ่งเป็นคนไทยเขียนและคาดว่าน่าจะเป็นพระ เมื่อหลายปีก่อน ทุกวันนี้ผมยังคิดถึงงานเขียนชิ้นนั้น คืออ่านแล้วเย็นใจ จึงคิดว่างานเขียนน่าจะเป็นศิลปะ คือ ๒ อย่างที่ผมเข้าใจเองนั้น (ไม่ได้มีความรู้เรื่องศิลปะครับ)
  • งานทางวิชาการดูจะปลอดจากอารมณ์ส่วนลึก (มนุษยศาสตร์) หากแต่เป็นงานที่ให้เหตุผล และเมื่อผลิตออกมาจึงรับรู้ได้เพียงบางกลุ่มเท่านั้น แตกต่างจากงานที่มาจากอารมณ์ส่วนลึก ไม่ว่าใครก็รับรู้ได้ พระพุทธรูปปั้นสมัยก่อนมาจากศรัทธาส่วนลึก ผมเคยยืนมองและรู้สึกอิ่มใจทั้งที่วัสดุก็น่าจะไม่แตกต่างจากพระพุทธรูปปั๊๋มแบบ
  • งานเขียนที่ออกมาจากอารมณ์ส่วนลึก น่าจะเป็น "ความรู้ฝังลึก" นะครับ เคยใฝ่ฝันนะครับว่า งานวิชาการนั้น ทำอย่างไรจะให้มีความจริงและเรื่องอารมณ์ลึกเข้ามาด้วย ดูจะน่าอ่านมากกว่างานแข็งๆคือวิชาการครับ
  • หรือว่า งานอารมณ์ลึกๆ น่าจะเหมาะสมกับบางวัยหรือไม่ ซึ่งต้องเกิดจากการสะสมมาสู่การเล่า
  • ขอบคุณเนื้อหาที่ได้อ่าน ทำให้ได้ความคิดครับ

ใช่เลยค่ะ...ผลของงานเขียนที่ดี คือ เขียนออกมาจากใจจริง ๆ ค่ะ ซึ่งการเขียนมันจะไหลออกมาเอง ไม่ต้องไปเค้น ไปคั้น ทำให้มันลื่นไหลมาเป็นผลงานเขียน แล้วจะทำให้ผู้อ่าน อิน + สนุก + เข้าใจในผลงานเขียนนั้น บางผลงานก็จะเหมือนว่าผู้อ่านเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยค่ะ

อาว่า อ.โอ๋ เป็นคนที่จุดประกายความคิดได้เก่ง ที่อาเขียนอยู่ทุกวันนี้ หลักๆ คือ ต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบว่า เรา (ผู้เขียน) กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็พยายามเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจตรงตามที่เราคิดให้มากที่สุด (เข้าใจตรงตามที่เราคิด คนละอย่างกับประทับใจในสิ่งที่เราเขียน) ผู้อ่านจะประทับใจหรือไม่ เป็นเพียงปัจจัยรอง มีนิดเดียวที่เพิ่มมา ก่อนเขียนต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนอ่าน เขียนให้คนใน g2k ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์อ่าน เราต้องหลีกเลี่ยงคำหยาบ คำสองแง่สองง่าม เพราะเราไม่ได้เขี่ยนไว่อ่านเอง เหมือนช็อตโน้ทหลังฟังคำบรรยายจากอาจารย์ในห้องเรียน......งง ๆอยู่นะ ที่อาว่ามานี้ ตรงประเด็นหรือเปล่า

คุณอา Blankคะ ใช่เลยค่ะ ตรงประเด็นเลยว่า คุณอาสื่อสารออกมาจากตัวตนของตัวเองเพื่อคนอ่าน ทำให้บันทึกเรื่องราวของคุณอาทั้งที่นี่และในอื่นๆจะมีแฟนคลับติดตามอย่างเหนียวแน่น เห็นด้วยกับพี่ใหญ่ Blank อย่างยิ่งด้วยค่ะ เป็นความเชื่อมโยงที่ชัดจริงๆที่โอ๋ไม่ได้คิดตอนแรกว่า เมื่อเรา express อย่างจริงใจ คนก็จะสื่อสารได้ถึงตัวเรา แล้วถ้าตรงกับความชอบของคนอ่านก็จะเกิดเป็นความประทับใจไปได้ เพราะฉะนั้น impress ก็จะตามมาเอง เหมือนที่เราติดตามบันทึกของกัลยาณมิตรใน GotoKnow ที่เราชอบ เกิดเป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่เรามีกันอยู่มากมาย สำหรับพี่บังหีมBlank ก็เพราะพี่เขียนด้วยความสุข นั่นคือการแสดงออกจากใจไงคะ ก็เลยมีทำให้สิ่งที่เขียนมีเสน่ห์ คนอ่านรู้สึกได้ก็จะเกิดความประทับใจเหมือนวงจรที่พี่ใหญ่Blankเขียนให้ดู เหมือนตัวอย่างที่คุณ Blank ยกมาให้เห็นด้วยค่ะ ว่าศิลปินและกวีดังๆที่งานของท่านเป็นที่ประทับใจเราๆนั้น ท่านก็สื่อความเป็นตัวเองออกมานั่นเอง ถ้าเป็นนิยายเป็นเรื่องราวที่เรา"อิน"เหมือนที่คุณBlankว่า ก็เป็นเพราะคนเขียนตั้งใจเล่าเรื่องราวนั่นเองจริงๆค่ะ โอ๋ก็เป็นแฟนคลับนักเขียนหลายๆท่านเหมือนกัน อ่านแล้วมีความสุขไปกับเรื่องราวจริงๆ 

คุณBlank จุดประเด็นต่อเนื่องได้ตรงใจพี่โอ๋จริงๆค่ะ เป็นคนที่ชอบอ่านงานวิชาการที่คนเขียนเขียนแบบเล่าจากประสบการณ์เหมือนกัน เดี๋ยวนี้ textbook ของหลายๆสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ก็มีเป็นแบบที่เขียนแบบเล่าเรื่องแล้วนะคะ พี่โอ๋ชอบอ่านมากกว่าแบบที่มีแต่วิชาการล้วนๆ และคนที่จะเขียนแบบนั้นได้ก็ต้องมีความรู้ฝังลึกในตัวอย่างที่คุณBlankว่านั่นแหละค่ะ ถึงจะเขียนได้ดี และพี่โอ๋เห็นด้วยว่าคนจะเขียนได้ก็คงต้องสะสมประสบการณ์มาระยะนึงนั่นแหละ สำหรับเราๆที่ยังไม่ถึงเวลานั้นก็คงต้องฝึกการเล่าเรื่องในแบบของเรา ฝึกคิด ฝึกสื่อสารไปเรื่อยๆนั่นเองนะคะ เอาความจริงใจเป็นที่ตั้ง 

ดีใจจังค่ะ น้องBlank ที่ป๊อบเองก็เป็นคนที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีงานดีๆเก็บไว้เผื่อแผ่คนอื่นๆต่อไป ต้องขอบคุณแรงพลังของป๊อบที่มีมากมาย ใส่ใจกับงานที่ทำเต็มที่ทุกเรื่อง ซึ่งเราก็จะสื่อสารได้จากสิ่งที่ป๊อบถ่ายทอดออกมา เป็นตัวอย่างหนึ่งของวงจรที่พี่ใหญ่Blank เขียนให้ดูน่ะค่ะ จากสิ่งที่ express ออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะเกิดความ impress ตามมาได้ไม่ยากเลย 

ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่แวะมาอ่านแล้วให้ดอกไม้ไว้ด้วยนะคะ ดีใจที่สิ่งที่คิด สิ่งที่เขียนจะได้ช่วยก่อประกายความคิดต่อๆไป เชื่อว่าเป็นสิ่งดีๆที่เราเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นได้ง่ายที่สุดค่ะ ชอบ feature นี้ของ GotoKnow มากๆเพราะตัวเองก็จะเป็นคนหนึ่งที่ เมื่ออ่านบันทึกใครก็จะกดให้เพื่อบอกว่าเราได้อ่านและชอบค่ะ เหมือนรอยยิ้มที่แบ่งปันกันได้เสมอ สุขทั้งคนให้และคนรับนะคะ

พี่โอ๋เริ่มประเด็นได้ตรงใจหลายๆท่าน ทำให้ kunrapee ได้คิดอะไรหลายอย่างเหมือนกัน.. แค่ได้เขียนสิ่งที่อยากบอกเล่า ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

 

อ. โอ๋ อาขอแก้เมนต์ ที่เขียนไปเมื่อวันก่อนดังนี้ "เข้าใจตรงตามที่เราคิด" เป็น "เข้าใจตรงตามที่เราต้องการสื่อ" เห็นไหม สำหรับคนแก่ การขีดเขียนที่ไม่ตรงกับจิตกำหนด เกิดขึ้นได้เสมอ.... กายซึ่งเป็นบ่าว เริ่มกบฎต่อจิตซึ่งเป็นนาย เพราะอะไร เพราะกายเสื่อมนั่นเอง

อ. โอ๋ อาขอแก้ไขเม้นต์ที่เขียนไว้เมื่อวันก่อนหน่อยนะ "เข้าใจตรงตามที่เราคิด" เป็น "เข้าใจตรงตามที่เราต้องการสื่อ" กายเริ่มเสื่อมแล้ว ไม่ยอมเขียนตามที่จิตสั่ง พอแก่ตัว บ่าวเริ่มกบฎต่อนาย ว่างั้นก็ได้

น้อง Blank คะ ตอนเราเขียนเพราะอยากเขียน อยากบอก อยากเล่านี่ เราไม่ทันคิดถึงอะไรตอบแทนอยู่แล้วนะคะ แต่พอเราได้รับรู้ว่ามีคนอ่าน มีคนแลกเปลี่ยน มีคนชอบสิ่งที่เราเขียน เราก็มีความสุขนะคะ เป็นความอิ่มเต็ม ที่ต่างจากการ"ได้"อะไรอื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีแรงที่จะบอกเล่าความคิดของเราเรื่อยๆ จริงไหมคะ

คุณอา Blank คะ สำหรับโอ๋ 2 ประโยคนี่ต่างกันนิ้ดเดียวนะคะ แล้วก็ถ้าพูดถึงกายเสื่อมนี่ อย่างคุณอานี่ต้องถือว่ารักษาสุขภาพได้เยี่ยมแล้วนะคะ เกษียณมาตั้งหลายปีแล้วยังสามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่ขนาดนี้ เป็นต้นแบบได้เลยค่ะ 

ขอบคุณคำแนะนำจากพี่โอ๋ครับที่ให้บอกเล่าเคล็ดลับ 10 ประการ ได้แก่

  1. ใช้พลังจิตของคุณสร้างประสบการร์ที่รู้สึกใกล้ชิดและสบายใจ

  2. สร้างโครงการด้วยบุคลิกภาพเร้าพลัง มีส่วนร่วม และมีการทำงานเป็นทีม

  3. พูดคุยกันถึง 7 สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการ คือ ความรัก สุขภาพ เงิน อาชีพ การท่องเที่ยว การศึกษา และความมุ่งมั่น

  4. เริ่มอ่านบทความที่เป็นสาธารณชน

  5. เริ่มค้นหาสิ่งใกล้ตัวที่ทุกคนนำไปใช้ในชีวิตได้อย่างพิเศษ

  6. ถอดบทเรียนจากข้อมลที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้

  7. อ่านศัพท์วิชาการและประยุกต์ใช้มันด้วยปัญญาเพื่อปวงชน

8.อย่าเขินอายถ้าจะใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพียงเล็กน้อยในเรื่องราวจิตวิทยาหรือสังคมวิทยา

  1. อย่าลืมความชัดเจนในหัวข้อที่คุณจะพูดในสิ่งที่คนอยากฟัง

  2. คุณพร้อมที่จะแก้ตัวหรือยังที่จะสร้างความสามารถของคุณให้มีคุณค่า

สื่อสารจากใจมาให้พี่โอ๋ ที่รักและคิดถึงเสมอครับ

น้อง Blank น่ารักจริงๆ ทำไมสองข้อหลังเขาอยากเป็นข้อ 1 กับ 2 แทนที่จะเป็น 9 กับ 10 เนาะ รับด้วยใจและส่งใจไปขอบคุณมากๆด้วยค่ะ รู้สึกไหมเอ่ย...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท