ไจ่ไจ๋ หนูน้อยลูกแม่ชลัญธร สุดฉลาด


เรื่องของศาสนาจะปลูกฝังได้ดีต้องอาศัยการเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ถูกต้องตามแก่นแท้ของศาสนาและค่อยเป็นค่อยไปให้ซึมซับไปทีละน้อย ๆ

เรื่องของเรื่องก็คือ เข้าไปแจมท่านชลัญธร ในหัวข้อที่เล่าถึงการพาลูกสาวตัวน้อยไจ่ไจ๋ไปเวียนเทียนแล้วแม่ลูกถามตอบกัน …..แล้วแม่นำเล่าให้อ่านกันในบล็อก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/490082

ไจ่ไจ๋ : ทำไมต้องเวียนเทียน  (อ้าวซวยแล่ว) ไม่ได้เตรียมคำตอบมาให้เจ้าลูกขี้สงสัยก็เลยตอบเพียง

แม่ : " เป็นวันที่เรามาระลึกถึงพระพุทธเจ้า น่ะ "

ไจ่ไจ๋ : ทำไมต้องนึกถึงวันนี้ล่ะแม่

(ขี้สงสัยอีกแล้ว) ถึงตอนนี้ป๊ามันกระโดดหนีเลย เพราะกลัวตอบลูกไม่ได้

แม่ : ก็เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเกิด วันที่รู้ธรรมะ และวันตาย เป็นวันเดียวกันน่ะลูก

ไจ่ไจ๋ : แล้วต้องร้องเพลง happy birth day มั๊ยแม่

( อ้าวซวยล่ะซิ หมวยน้อยมามุกนี้ เดี๋ยวแม่ตันอีกแน่ )

แม่ : เป็นพระเขาไม่ร้องเพลง happy birth day หรอกลูก เขาต้องสวดมนต์ มาสวดมนต์

กันเดี๋ยวบาป หมวยน้อยทำตามด้วยดี (เฮ้ย ! รอดตัวแม่ )

                                      ฯลฯ

ปู่ไปเจอเข้า ก็ต้องคิดหนักว่า ถ้าอยู่ด้วยจะตอบไจ่ไจ๋อย่างไร  อ่านแล้วจึงกลับมาตั้งสู้กับแม่หนูน้อย ให้แม่ชลัญธรดู  ว่าจะไปปู่จะไปรอดไหม 555

  ไจ่ไจ๋ : ทำไมต้องเวียนเทียน 

  ปู่ :  หนูนี่ถามปูเก่งจังเลย  เยี่ยมมากลูก  ลูกรู้แล้วยังว่าเวียนเทียนนะ       

        อย่างไร

ไจ่ไจ๋ : ก็ที่ปู่ กับป๊า และแม่พา   หนูไปเมื่อปีที่แล้วยังไงละปู่  (สมมุติเอานะ)

ปู่ : ปู่ลืมไปแล้ว  เมื่อปีที่แล้วไปถึงวัดแล้ว  เราทำอะไรกันบ้างนะ

     สมมุติว่าไจ่ไจ๋เล่าได้ ปู่ก็คอยถาม คอยชม

          - เราเดินเวียนโบสถ์กี่รอบ

          - ตอนเราเดิน เราต้องถืออะไรไปบ้าง

          - เรากราบพระด้วยไหม

          - ทำไมหนูจึงไว้แม่ ไหว้พ่อ ไหว้ป๊า ไหว้ปู่  ทั้งเช้า ทั้งเย็น

          - ทำไมทุกๆ คน ที่มาวัดต้องกราบ พระพุทธเจ้า

(ปู่เริ่มรุกบ้าง แต่เอาแต่น้อย ๆ  และค่อยช่วยให้ไจ่ไจ๋ตอบได้ถูกต้อง         และชม)      

ปู่ :  ไจ่ไจ๋  หนูรู้จักพระพุทธเจ้าไหมลูก

ไจ่ไจ๋ :  (สมมุติ)  ก็พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ ที่แม่ให้หนูไหว้เมื่อไปวัด ไงละปู่ 

          (ถ้าไจ่ไจ๋ ตอบไม่ได้ตามคาด  ก็ช่วยคิดตอบได้เหมือนที่สมมุติไว้    

           แล้วก็ชม  ตามสูตร)

ปู่  :  เก่งมากลูก  เก่งมาก

       หนูรู้ไหมว่า พระพุทธเจ้าเมื่อนานมาแล้ว  ก็เป็นคนเหมือนปู่ เหมือนหนูนี่แหละ  แต่พระองค์ท่านเป็นคนที่มีส่วนทำให้ป๊า แม่ ปู่ หนู และคนในโลกนี้มีความสุข ปู่ถามหน่อยซิ  ทุกวันนี้หนูคิดว่าหนูมีความสุขไหม   (สอนบ้างแนะบ้าง)

ไจ่ไจ๋ :   มีค่ะ

ปู่:  ที่หนูมีความสุข ก็เพราะมีพ่อแม่  มีบ้าน  ไปโรงเรียนแล้วเพื่อน ๆ ไม่แกล้งหนูมีคุณครูใจดีสอนหนู   ที่เป็นอย่างนี้  ก็เพราะคำสอนของใครหนูรู้ไหม

(การบอกความรู้ ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย หากมีเวลาการตั้งคำถามให้ตอบจะดีกว่า

เช่น ทำไมหนูจึงบอกว่ามีความสุข  เพราะไร จึงบอกว่ามีความสุข การบอกจะดีตรงที่รวบรัดให้เข้าเป้า …….ไจ่ไจ๋อาจตอบเป็นอย่างอื่น  ซึ่งอาจต้องเพิ่มต้องเติมให้ตอบได้ถูกต้อง และลงท้ายด้วยการชม  และชวนชมวีดิโอการ์ตูน พร้อมๆ กับปู่ และป๊า แม่  ซึ่งไม่จำเป็นต้องในทันที หาโอกาสดี ๆ ที่พร้อมหน้าพร้อมหน้ากัน หากเป็นไปได้)

การ์ตูนเป็นสื่อที่ดี  ผมลองคลิ๊กหามาฝากแม่ชลัญธร

พระพุทธประวัติ พระพุทธเจ้า ตอนที่ 1

http://www.youtube.com/watch?v=on_E8NT_noQ&feature=related

พระพุทธประวัติ พระพุทธเจ้า ตอนที่ 2

http://www.youtube.com/watch?v=lb_2l7ydtV4&feature=relmfu

ในวีดิโอนั้น จะมีคำที่ยากๆ  เด็กๆ อาจฟังชมแล้วไม่รู้เรื่อง ก็ปล่อย ๆ ไปก่อน แต่ถ้าหากค่อย ๆ แปลไทยเป็นไทยให้พอเข้าใจได้ ก็จะดีมาก

จะให้รู้เรื่องทั้งหมดตามใจผู้ใหญ่คงไม่ได้ เรื่องของศาสนาจะปลูกฝังได้ดีต้องอาศัยการเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ถูกต้องตามแก่นแท้ของศาสนาและค่อยเป็นค่อยไปให้ซึมซับไปทีละน้อย ๆ   

นี่คือแนวหนึ่ง ที่จะสู้กับคำถามด้วยความอยากรู้ของแม่หนูไจ่ไจ๋  ที่แสนฉลาดลูกของแม่ชลัญธร    ปู่จะไปรอดไหมนี่  555

         

หมายเลขบันทึก: 490630เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 09:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 09:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ขอบคุณมากค่ะท่านชัด 5555555555555555 มาก ตอนนี้ชลัญกับคุณป๊าเป็นโรคกลัวคำถามลูกค่ะ กลัวตันน่ะ ตอบอะไปมันเข้าตัวทุกที อย่างเรื่องการรักนวลสงวนตัวนี้ ชลัญสอนประมาณอย่านุ่งสั้น แต่อธิบายลูกผิด บอกว่าจะเป็นคนนิสัยไม่ดี จนลูกไม่ยอมใส่ชุดว่ายน้ำ แถมไปห้างไปเจอคุณผู้หญิงคนหนึ่งใส่สั้นลูกไปสะกิดเขาว่า "พี่นิสัยไม่ดีเหรอค่ะ นุ่งสั้น " แม่เกือบโดนสาวนั่นกินหัว เอาลูกออกจากร้านแทบไม่ทัน เฮ้ยไจ่ไจ๋เอาแม่แล้วมั๊ยล่ะ มีเรื่องฮาอีกเยอะเขาความจำดีมาก

ขอบคุณมากอีกครั้งสำหรับวิธีการสอน ชลัญเริ่มนึกออกแล้วว่าต่อไปเราต้องเป็นฝ่ายรุกให้เขาตอบ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายตอบจนมุมแน่ สำหรับ link มีประโยชน์มาก เดี๋ยวชลัญ โหลด ไว้ให้หมวยน้อยค่ะ

555 การรักนวลสงวนตัว อาจไว้ให้โตอีกหน่อย เช่น พอขึ้น ป.5 ปุ.6
ตอนนี้ อาจทำได้ ด้วยการให้สังเกต การแต่งตัวตามโอกาส ที่เหมาะสม ว่ายน้ำก็ใช้ชุดว่านน้ำ หน้าร้อนก็อาจนุ่งสั้น แต่ไปเที่ยว จะมีโอกาส ยุงกัด ไม้เกี่ยวเนื้อ หรือหกล้ม ไหม นุ่งสั้น หรือ นุ่งมิดชิด อันไหนจะดีกว่า

พอเริ่มเป็นสาว ก็ค่อย ๆ สอน ในเรื่องเพศศึกษา เพศตรงข้าม ที่มีทั้งดี ทั้งร้าย

ฉลาดอย่างไจ่ไจ๋ นี่สอนไม่ยาก ถ้าถามมาก ๆ อีกวิธีคือการถามกลับ แล้วค่อย ๆ เคลียร์ ที่สำคัญ คือ ต้องนำให้ลูกตอบถูก และชม อย่าได้เบรก อย่าได้ตำหนิ จนทำให้ความใสชะงักไป

เช่น "ถ้าหากแม่นุ่งสั้น ลูกคิดว่า แม่นิสียไม่ดีใช่ไหม" "ถ้าคุณยายนุ่งสั้นละ เป็นอย่างไร"

555 เลีียงลูกนี่เป็นความท้ายชนิดหนึ่งนะครับ 555

ขอบคุณมากท่านชัด เดี๋ยวหาโอกาสพาไจ่ไจ๋ไปไหว้ปู่ชัด ดีกว่า คุณป๊ากับแม่ จะได้วิชาเลี้ยงลูกกลับด้วย ขอบคุณค่ะ

หลานเจ้าปัญญา...กับ...ปู่เจ้าปัญญา ...เช่นกันครับ

  • เด็กๆชอบถามคำถาม
  • ที่เราคิดไม่ถึงเสมอนะครับ

ครับ....หลานนะเจ้าปัญญา ปู่นะเจ้าปัญหา มากว่ามั๊งครับ การที่เด็กๆ ถามนี่โชคไปแล้ว กว่าครึ่ง

ในกระบวนการสอนในปัจจุบัน จึงน่าจะเริ่มด้วยการเคลียร์คอนเซ็ปในเรื่องที่สอน แล้วต่อท้ายด้วยการให้ตั้งคำถาม และหาคำตอบเอาเอง ครูก็ค่อยยุคอยแหย่ คอยถามให้เข้าเป้า ให้กำลังใจช่วยไปสัก 25 % ซึ่งท่าน ดร.ขจิต คงทำอยู่แล้ว เรียนแบบนักวิจัย รู้แล้วรู้แบบ่รู้ลืม 555 ใช่ไหมครับท่าน

อ่านแล้วหัวเราะในความช่างคิดช่างถาม ฉลาดเฉลียว เหมือนคุณแม่ของสาวน้อยใจใจ๋ค่ะ

บันทึกนี้ ทำให้บรรยากาศใน gotoknow แช่มชื่น เป็นกันเองดีจังเลยค่ะ

คุณปู่เยี่ยมมากๆค่ะ ตัวเองก็มีลูกช่างถาม และมักจะชวนลูกคิดหาคำตอบมากกว่าตอบเองเสมอ เพราะเด็กๆเขาถามแบบคิดไปด้วยเสมอ เราไม่ต้องตอบไปทุกอย่าง เขามีคำตอบอยู่ในใจแบบของเขาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พยายามระวังคือการบอกว่าอะไรไม่ดี จะบอกว่าอะไรดีมากกว่าค่ะ เพราะสิ่งไม่ดีเราไม่จำเป็นต้องพูดถึง เมื่อไหร่ลูกถามค่อยคุย แต่จะพูดแต่เรื่องที่ดีๆ คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกๆมองหาสิ่งดีมากกว่าสิ่งไม่ดีในทุกๆอย่างต่อไป และคิดว่าลูกๆที่เลี้ยงมาจนคนสุดท้องอายุ 15 ปีแล้ว เป็นเด็กที่มองโลกในแง่ค่อนข้างดีเสมอค่ะ เอามาแลกเปลี่ยนในบันทึกคุณปู่ หวังว่าน้องชลัญธรจะได้กลับมาอ่านอีกที เผื่อเอาไปใช้กับหนูไจ๋ไจ๋บ้างค่ะ 

เด็กๆวัยนี้อยากรู้..อยากลอง..เป็นการเริ่มต้นพื้นฐานชีวิตจากการซึมซับสิ่งที่ได้สัมผัสรอบตัวค่ะ

ขอบคุณพี่โอ๋ค่ะเป็นคำแนะนำทีดีมากสำหรับพยาบาลอย่างชลัญที่เป็นเพียงดูแลรักษาผู้ป่วยแต่ไม่ประสาในการเลี้ยงลูกเลย

สุดยอดคุณแม่เลยครับ ท่านโอ๋-อโณ

ในเรื่องสอนลูกให้มองคนในแง่ดี นี่ผมเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จ                      

แต่พอลูกโตแล้ว ก็ถูกคุณแม่ของลูกที่เป็นครูคณิตศาสตร์ ต้องเสริมให้ลูกว่า ต้องระมัดระวังด้วย เพราะอาจถูกหลอกหรือ ถูกโกงจากคนไม่่ดี ซึ่งอันนี้ก็ต้องระวัง แต่ก็ไม่ต้องห่วงหากเราสอนให้ฉลาด แบบถามเองตอบเอง อย่างที่ท่านโอ๋-อโณ ใช้กับลูกมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะเขาจะทันเกม ทันคนเสมอ

เมื่อวานพาไจ่ไจ่๋ไปเที่ยว พภ.วิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่ ม.บูรพา ไจ่ไจ๋กลัวปลาในตู้ ด้วยความป่วงของแม่ บอกลูกว่า ถ้ากลัวก็ยกมือไหว้ ปลาซิลูกปลาจะได้ใจดี ผลปรากฏว่าไจ่ไจ๋ เดินไหว้ปลาอย่างสวยงามทุกตู้ สร้างความตลกขบขันนให้ คนที่มาเที่ยวกันถ้วนทั่ว แม่รักแกลูกอีกแล้วปู่ชัด ญาติๆที่ไปด้วยพากันเขกกะโหลกชลัญคนละที 2 ที แต่ก็ขำบอกชลัญทำลูกขายหน้า แต่เขาไม่อายนะปู่ชัด แถมยังชวนให้คนอื่นๆไหว้ปลากันอีกโดยเฉพาะเวลาเห็นปลาตัวใหญ่ๆ จะไหว้สวยเป็นพิเศษ ฮา...............ๆๆๆ

ก็ดีนะแม่ชลัญ ไจ่ไจ๋กลัวปลา พอยกมือไหว้ แล้วหายกลัว ก็ถือว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ การยกมือไหว้ใครที่อยู่ในสมองของไจ่ไจ๋ ใครคนนั้นต้องเป็นคนดีที่รักชอบเราได้ ยกมือไหว้ปลาแล้วเกิดความรู้สึกที่ดีกับปลา ก็ทำให้ไจ่ไจ๋ ไม่กลัวปลา จึงสรุปได้ว่าเป็นกุศโลบายที่ดีของแม่ชลัญ

ปู่นำเหตุการณ์นี้ไปเล่าให้ย่าฟัง ย่าก็ชมแม่ชลัญ และเสนอว่าพอไจ่ไจ๋หายกลัวแล้ว ก็ควรจะทบทวนกันหน่อยว่าที่แม่ให้ไจ่ไจ๋ไหว้ปลานั้น ทำให้หายกลัวจริงไหม ต่อไปถ้าเรากลัวอะไร แล้วจะหายกลัวไหม เช่น กลัวแมวแล้วไหว้แมว กลัวงู แล้วไหว้งู จะหายไหม ถ้าหากไม่ไหว้ละ จะทำอย่างไร จึงจะไม่กลัวอะไรต่ออะไร ที่พบที่เห็นอีก

งานสอนลูกสอนหลานนี่เป็นการบ้านที่สนุกจริงๆ 555

ถ้าลูกกลัวอะไร พี่โอ๋จะชวนคุยว่ากลัวตรงไหน ชวนดูตรงอื่นๆที่น่าจะไม่น่ากลัว บางทีเวลาลูกกลัวเขาจะดูท่าทีของเรา ถ้าเราทำเฉยๆไม่ตื่นเต้นไปกับการกลัวของลูก บอกเขาว่าเป็นธรรมดาที่เราอาจกลัวโน่นกลัวนี่ แต่ลองดูแบบนั้นแบบนี้ ทำให้เป็นการค้นหาว่าเรากลัวอะไร กลัวทำไม เขาก็จะเปลี่ยนมุมมองไปเองค่ะ ถ้ายังกลัวอยู่ก็ไม่เป็นไร มองหาอะไรที่ไม่กลัวแทน ไม่ต้องไปใส่ใจกับสิ่งที่กลัวมาก ของหนูไจ๋ไจ๋ อาจจะพบว่าปลาบางชนิดตลกออก บางตัวก็แปลก ที่น่ากลัวอาจจะเหลือไม่กี่อย่างเท่านั้นเองค่ะ เราต้องชี้ชวนให้เขาแยกความแตกต่างดู แนะนำแลกเปลี่ยนกันค่ะ

ขอบคุณ พี่โอ๋ อโณ มาก ท่าชลัญจะต้องไปเรียนวิชาเลี้ยงลูกด้วยซะแล้วทั้งปู่ชัด คุณย่า พี่ โอ๋ ให้กำลังใจที่ดี ต้องรีบเรียนหลักสูตรสอนลูกไม่งั้นลูกเป็นเด็กป่วงตลกบ้าบอเหมือนแม่แน่เลย 55555

ผมขอชื่นชมท่านโอ๋ อโณ ที่สอนลูกได้เนียนมาก

ไจ่ไจ๋ นี่คนแรกใช่ไหม. ถ้าใช่ มือใหม่หัดขับอย่างนี้ ก็ไม่เบาแล้วนะครับ ทำได้ ๆ จะให้ดีต้องมีอีกสอง ชายหนึ่ง แล้วหญิงงอีกหนึ่งนะครับ รับรองแน่ ๆ ว่าไม่แพ้ท่าน โอ๋ อโน 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท