ทำไมผู้หญิง-ผู้ชาย ต่างกัน


ชายหญิงแตกต่างกันมาแต่กำเนิด การเข้าใจซึ่งกันและกัน ย่อมทำให้ชีวิตคู่ลดความขัดแย้งลงได้

 


...... หลายครั้งสงสัยว่าทำไมหญิงและชายทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ   บางครั้งงอนกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง  ยิ่งแต่งงานกันยิ่งพาลงอนกันมากขึ้น  แต่งยิ่งนานก็รำคาญกันมากขึ้น  บางคนไม่พูดจากันเลยก็มี เพราะพูดเมื่อไรก็ขัดแย้งกันทุกครั้ง  เลยไม่พูด ก็อยู่กันไปแบบเซ็งๆ  จะหย่าก็อายสังคม  เกรงใจลูกหลาน  ชีวิตคู่ที่หวังว่าหวานแหววตอนก่อนแต่ง  กลายมาเป็นทนนั่งอมกลอยยามชรา   อย่างนี้ก็มีมากมาย   

...... วันวานไปอ่านพบบทความเียนถึงเรื่องความแตกต่างระหว่างหญิงและชาย มันเป็นมาแต่กำเนิด  เป็นธรรมชาติของมนุษย์บนโลกนี้  การเข้าใจซึ่งกันและกัน  ย่อมทำให้ชีวิตคู่ลดความขัดแย้งลงได้   

..... ลองอ่านดูข้อแตกต่างระหว่าง ชาย - หญิง  ดูนะครับ  ผมมีการตัีดทอนบ้างบางส่วนและใส่ไข่บางส่วน  เพื่อเหมาะสมต่อพื้นที่

 

1. ทำไมผู้ชายคุยไปดูทีวีไปไม่ได้

 

ผู้หญิงถนัดนักเรื่องการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน อาทิ เขียนรายการของที่จะซื้อพร้อมกับทำกับข้าวและบอกสามีให้ดูลูกทำการบ้าน การสแกนสมองบ่งบอกว่า สมองผู้หญิงไม่เคยว่างเปล่าแม้ยามหลับ ในทางตรงข้าม ผู้ชายมักพบว่าเวลาถูกขอให้โทรศัพท์ระหว่างดูทีวีเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง

 

 

นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า สมองซีกซ้ายและขวาของคนเราเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยกลุ่มเส้นประสาทที่เรียกว่า corpus callosum

 

 

โรเจอร์ กอร์สกี้ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในแอลเอ ยืนยันว่าสมองของผู้หญิงมี corpus callosum หนากว่าผู้ชาย 10% และมีการเชื่อมต่อระหว่างสมองสองซีกมากกว่าผู้ชาย 30% ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่า หญิง-ชายใช้สมองคนละส่วนกันเวลาทำงานอย่างเดียวกัน สมองของผู้ชายพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มุ่งเน้นกับงานเพียงงานเดียว ขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำการเชื่อมต่อสมองซีกซ้ายและขวามากขึ้น

 

 

ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ยิ่งสมองสองด้านเชื่อมต่อกันมากแค่ไหน คนนั้นยิ่งมีความเป็นเลิศด้านภาษามากขึ้น และยังอธิบายได้ว่า เหตุใดผู้หญิงจึงสามารถปฏิบัติภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยหลายๆ อย่างพร้อมกันได้  ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ผู้หญิงจะขอให้สามีทำอะไรให้ ควรเลือกจังหวะให้ดีและมอบหมายภารกิจให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

  

 

2. ทำไมผู้ชายโกหกไม่สำเร็จ

 

 

การศึกษาภาษากายพบว่า ในการสื่อสารแบบเผชิญหน้า สัญญาณที่ไม่ใช่คำพูดมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของสาส์นถึง 60% อีก 30% เป็นหน้าที่ของน้ำเสียง และ 10% ที่เหลือถึงเป็นถ้อยคำ

 

 

ผู้หญิงมีทักษะในการเลือกสรรและวิเคราะห์ข้อมูลนี้มากกว่าผู้ชาย โดยสมองสองซีกจะส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรวบรวมและถอดรหัสถ้อยคำ ภาพที่เห็น และสัญญาณอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 นี่คือคำอธิบายว่า เหตุใดผู้ชายจึงโกหกผู้หญิงซึ่งหน้าไม่สำเร็จ แต่ผู้หญิงกลับทำพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ได้ง่ายดายและเนียนเหลือเกิน 

 

  

3. ทำไมผู้หญิงมีปัญหาเวลาจอดรถขนานฟุตบาต

  

งานวิจัยทำกับคนอังกฤษที่มีบริษัทสอนขับรถเป็นสปอนเซอร์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายอังกฤษมีความแม่นยำ 82% ในการถอยรถของคนอื่นเข้าจอดขนานกับขอบถนน และ 71% ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ขณะที่ผู้หญิงได้คะแนนเพียง 22% และ 23% ตามลำดับ ทั้งที่เวลาสอบใบขับขี่ผู้หญิงจะได้คะแนนในส่วนนี้ดีกว่าผู้ชาย

 

สาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายในการเรียนรู้ภารกิจและทำซ้ำภายใต้สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่เหมือนเดิม ทว่า ในสถานการณ์จริงที่การจราจรหมายถึงชุดข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประสิทธิภาพของผู้หญิงจึงด้อยลง ขณะที่ผู้ชายมีทักษะด้านมิติสัมพันธ์สูงกว่าซึ่งเหมาะสมต่อภารกิจนี้ รวมถึงการจดจำแผนที่ในหัวและรู้ว่าต้องเลือกเส้นทางไหน

  

ถ้าต้องกลับไปที่เดิม ผู้ชายไม่จำเป็นต้องพึ่งแผนที่ เพราะพื้นที่สมองส่วนมิติสัมพันธ์จะบันทึกข้อมูลไว้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจึงลุกจากที่นั่งบนอัฒจรรย์เพื่อลงไปซื้อเครื่องดื่มและกลับมาโดยไม่หลง ขณะที่เรามักคุ้นตากับภาพนักท่องเที่ยวหญิงยืนทำหน้างงใส่แผนที่ตามสี่แยก

 

 

4. ทำไมผู้หญิงใส่ใจความรู้สึก-ผู้ชายหมกมุ่นกับงาน

 

ผู้ชายมักตีค่าตัวเองจากหน้าที่การงานและความสำเร็จ ขณะที่ผู้หญิงมองตัวเองมีค่าโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์กับคู่ครอง

  

ในอดีตกาล ผู้ชายเป็นผู้หาอาหารและแก้ปัญหา ซึ่งหมายถึงภารกิจสูงสุดอยู่ที่ความอยู่รอดเฉพาะหน้า ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้านและสร้างหลักประกันการอยู่รอดของลูกๆ แม้แต่ในยุคนี้ ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ผู้ชาย 70-80% ยังบอกว่าส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตคืองาน และผู้หญิงในจำนวนเท่าๆ กันยกให้ครอบครัวมีความสำคัญที่สุด

  

ผลลัพธ์คือ ถ้าผู้หญิงไม่มีความสุขกับชีวิตคู่จะไม่มีสมาธิกับงาน แต่ถ้าผู้ชายไม่มีความสุขกับงานจะปล่อยปละละเลยชีวิตคู่

  

เมื่อเครียดหรือรู้สึกกดดัน ผู้หญิงจะมองว่าการได้พูดคุยกับสามีเป็นรางวัลอันมีค่า แต่ผู้ชายกลับรู้สึกว่าการกระทำแบบเดียวกันรบกวนกระบวนการแก้ปัญหา ผู้หญิงอยากคุยและให้สามีกอด แต่สิ่งที่ผู้ชายอยากทำมากที่สุดคือนอนดูฟุตบอล

  

สำหรับผู้หญิง สามีดูจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด แต่สำหรับผู้ชาย ภรรยาช่างเซ้าซี้กวนใจหรือบางครั้งอวดรู้มากไปหน่อย เมื่อรู้แบบนี้ สามี-ภรรยาควรหาทางสายกลางเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ราบรื่น

  

5. ทำไมผู้หญิงมีสัมผัสที่ 6

 

เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ผู้หญิงเคยถูกเผาทั้งเป็นเพราะมีอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการทำนายแนวโน้มความสัมพันธ์และความจริงที่ซ่อนเร้น

 

 ในการทดลองหนึ่งพบว่า ภายในห้องที่มีสามี-ภรรยาอยู่ 50 คู่ ผู้หญิงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ โดยความสามารถนี้วิวัฒนาการมาจากหน้าที่การดูแลบ้านในอดีตกาล ทำให้ผู้หญิงสามารถฟันธงได้ว่าคู่ไหนรักกันดี คู่ไหนมีปัญหา และผู้หญิงคนไหนน่าคบหรือว่าต้องระวัง

 

 ขณะที่ผู้ชายกลับกวาดสายตาทั่วห้องเพื่อหาทางเข้า-ทางออก ซึ่งมาจากสัญชาติญาณในอดีตในการประเมินแนวโน้มการถูกโจมตีและทางหนีทีไล่ หลังจากนั้น จึงค่อยมองหาคนรู้จักหรือคนที่อาจเป็นศัตรู แล้วค่อยพินิจพิเคราะห์โครงสร้างห้องเพื่อหาจุดที่มีปัญหาและต้องการการซ่อมแซม

 

 6. ทำไมผู้หญิงชอบสับสนซ้าย-ขวา

 

ความที่ใช้สมองทั้งสองด้านไปพร้อมกัน ผู้หญิงหลายคนจึงมีปัญหาเรื่องมือขวา-มือซ้าย ในการศึกษาพบว่า ผู้หญิงราว 50% นึกไม่ออกว่ามือซ้ายหรือมือขวาถ้าไม่ได้เหลือบตาลงมอง ทว่า ผู้ชายที่ใช้สมองทีละซีกตอบโจทย์นี้อย่างง่ายดาย

 

ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงทั่วโลกจึงมักถูกเพศตรงข้ามบ่น เพราะชอบบอกให้เลี้ยวขวาทั้งที่จริงๆ แล้วหมายถึงเลี้ยวซ้าย

  

7. ทำไมผู้ชายไม่ชอบถามทาง

 

เรื่องนี้เกี่ยวกับทัศนคติที่ฝังรากมาแต่ดึกดำบรรพ์ที่ผู้ชายต้องออกสำรวจภูมิประเทศรอบๆ ถ้ำเพื่อจะได้กลับบ้านถูกเวลาออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาเลี้ยงครอบครัว

 

ลูกเมียต่างหิวโหยแต่เชื่อมั่นว่าพ่อบ้านจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จเหมือนเช่นทุกครั้ง ดังนั้นผู้ชายจึงไม่สามารถแสดงอาการกลัวออกมาให้ครอบครัวเห็น และมองว่าการขอความช่วยเหลือหมายความว่าการปฏิบัติภารกิจล้มเหลว

 

 ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผู้ชายขับรถออกไปนอกบ้านคนเดียว เขาอาจจอดถามทาง แต่การทำแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิง จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว

  

  ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงต้องระวังไม่ทำให้ผู้ชายรู้สึกผิดเวลาคุยปัญหากัน ขณะเดียวกัน ผู้ชายก็จะต้องเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษ แต่ต้องการช่วยแบ่งเบา จึงไม่ควรเก็บปัญหาไว้หนักอกคนเดียว


.....  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ชี้ให้เห็นข้อแตกต่างระหว่าง หญิง-ชาย ชัดเจน  การให้เขาเป็นเหมือนดังที่เราคาด  เป็นการกดดันทั้งตัวเราและตัวเขา  ด้วยเราจะหงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งต้องการ  เขาก็หงุดหงิดเพราะไม่อยากทำอย่างนั้น  เกิดขึ้นบ่อยๆ  ก็ตอกเข็มฝังรากเป็นความไม่พอใจซึ่งกันและกัน  ดังนั้นการเข้าใจว่าเขาคือชาย  เราคือหญิง  เขาคือหญิง  เราคือชาย  มันเป็นของมันอย่างนั้นแหละ  ช่วยให้สามารถปรับความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันให้มั่นคงถาวร


 

หมายเลขบันทึก: 488953เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012 16:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ความอะเอียดอ่อน มีมากกว่า ในเพศ หญิง มากกว่าชาย

ขอบคุณมากคะ

สัจธรรมคือความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างล้วน...อนิจจัง...จงเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วจะเข้าใจกัน อดทนกันได้มากขึ้นแน่นอนครับเอาธรรมะนำทาง อย่าเอาอารมณ์นำทาง ใช้เหตุผลเหนือความคิด พิชิตปัญหาครับ "ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ"

สัจธรรมคือความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างล้วน...อนิจจัง...จงเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วจะเข้าใจกัน อดทนกันได้มากขึ้นแน่นอนครับเอาธรรมะนำทาง อย่าเอาอารมณ์นำทาง ใช้เหตุผลเหนือความคิด พิชิตปัญหาครับ "ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ"

...ชายจริงหญิงแท้..คงหายาก...ขึ้นทุกวันๆ...ในสภาวะปัจจุบัน.ในสิ่งแวดล้อม..ของเราๆ..(ยายธี)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท