เคยรู้สึกสงสัยไหมครับ..ว่าเรียนๆไปเอาไปใช้ได้จริงไหม..คนสอนยังสงสัยเลย..สงสัยว่าไอ้ที่สอนไปน่ะ..ลูกศิษย์เอาไปใช้ได้ผลไหม..เรียนกันไป ทำวิทยานิพนธ์กันไป..ขึ้นหิ้งกันไป..ผมเองก็สอน Appreciative Inquiry ครับ..แต่ก่อนหน้าไม่ใช่ สอนการเงินบ้าง (จบ MBA Finances) มา สอน Business Creativity (ความคิดสร้างสรรค์ทางธุรกิจ) วิชาหลังนี่น่าจะเป็นความหวัง..พยายามอ่าน พยายามทำ..แต่ก็ไม่เห็นผล ไม่เห็นมีใครมาบอกว่าใช้ได้..แต่พอเริ่มเอา Appreciative Inquiry มาสอนก็ไม่ได้หวังว่าจะใช้อะไรได้มาก..เพียงแต่ลองดูหน่อยน่ะ..เอาอะไรไหม่ๆ มาสอนหน่อย..เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง
"อาจารย์ผมไปถามช่างว่าภูมิใจอะไรที่สุด..เขาบอกว่าภูมิใจที่ทำให้เครื่องเสียน้อยลง..เอ๊าทำไงหล่ะ...ว่างๆ ตอนไม่มีอะไรทำ ผมเลยลองเอาค่าพารามิเตอร์ของเครื่องที่เดินแล้วไม่ค่อยเสีย มาปรับเข้าเครื่องของผม..ปรากฏว่ามันเริ่มดีขึ้น. ตอนหลังเลยเอาไปขยายผล..ปรากฏว่ามันเสียน้อยลงทั้งระบบ"
"อาจารย์คะ ขายของไม่เป็นค่ะ..เอ๊าแล้วตอนที่ขายได้..ทำไงหล่ะ..อ๊อ น้องชายหนูเป็นนักออกแบบผ้าไหมค่ะ..ออกแบบแล้วก็ให้ใส่ไปโรงเรียน..ใส่ไปทีไรได้ออร์เดอร์ทุกที...เอ๊านี่ไงขายเป็นแล้วนี่..ก็ใส่ไปให้คนอื่นดูบ้างสิ...ต่อมา..อาจารย์คะ..หนูไปใส่ให้คุณนายผู้ว่าดูค่ะ..ยอดขายตามมาเพียบ"
ตอนหลังมีสาระพัดเคสครับ..ทั้งโรงพยาบาล ท้ังการศึกษา เบาหวาน ชราอย่างสง่า ดีๆ ทั้งนั้น..
และอื่นๆ อีกมาก..ที่ลูกศิษย์กลับมาเล่า..เราก็ต่อยอด..
...
ดูจุดร่วมของเหตการณ์ที่เกิดขึ้นสองเหตุการณ์นั้นนะครับ..อะไรครับ..คนเราสามารถสร้้างการเปลี่ยนแปลงดีๆได้ด้วยการตั้งคำถาม..และการเปลี่ยนแปลงนั้นใช้เงินทุนมากไหมครับ..เปล่าเลย..มันอยู่ในงานอยู่แล้ว..
.....
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมพบและเชื่อว่า..ถ้าเราตั้งคำถามดีๆ กับทุกเรื่อง..เราจะเปลี่ยนได้ทุกเรื่องจริงๆ...และก็อยากให้คนในสังคมได้เรียนรู้เรื่องอย่างนี้บ้าง..เพราะเร่ิมมองเหมือนกันครับ..ว่าเรียนไปแล้วเอาไปขึ้นหิ้ง ก็น่าเบื่อ..
....
แล้วเริ่มมองต่อว่า..ความรู้เรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงสังคมและโลกได้เลย...เริ่มจากเล็กๆนี่แหละ..และสำหรับประเทศชาติ..Appreciative Inquiry สำคัญมากๆ..เพราะใครๆก็ทำได้..สร้างการเปลี่ยนแปลงดีๆ ได้..ไม่ติดที่งบประมาณ..ติดที่อำนาจสายงานใดๆ อะไรทั้งสิ้น..เลยคิดว่าเรื่องนี้ต้องเผยแพร่ครับ..ต้องเผยแพร่ไปในวงกว้างให้มากที่สุด..ไม่ติดกับสถาบันใดๆ..ความรู้เรื่องนี้ควรเป็นของกลาง ใครๆก็ควรได้เรียนรู้ จะได้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงดีๆ..ด้วยงบประมาณต่ำๆได้..ความรู้นี้เหมาะกับสถานการณ์ของประเทศเรามากๆครับ..
....
และนี่คือความเชื่อของของเราเอง..เราคือชุมชน AIThailand หรือชมรม เครือข่ายผู้สนใจใน Appreciative Inquiry ครับ..เรามีพันธกิจสี่ประการ..คือ สร้าง สาน สลัก สละ.
....
นี่คือเรื่องราวของคำว่า "สละ" ครับ..เราจะ "สละ" ความรู้ที่เราได้มาให้มากที่สุด..
....
ทำไมเราไม่พยายามผูกขาดให้มันเป็นของเรา...หล่ะครับ..กลัวความรู้มันตายครับ..ผมเองเคยทำงานวิจัยให้กับนักวิชาการบางกลุ่ม..ปรากฏว่าเราอ่านแทบตาย ที่สุดเขาเอาไปหากินครับ..เอาไปทำ workshop ขายหมด ทั้งๆที่เราเองเป็นคนแกะความรู้นี้มา...ที่สุดไปได้ยิน..อาจารย์ครับ..รู้จักอาจารย์ท่านนี้ไหมครับ..แกดังเรื่องนี้เลย...ผมอยากบอกจังเลย..ว่าอาจารย์กลุ่มนั้น ไม่เคยอ่านหนังสือแนวนี้ครับ..ไม่เคยจะพยายามทำให้วิชาการที่ตนเองถือครองอยู่...ก้าวหน้าก้าวไกล..หวงก้างอยู่อย่างนั้น..ที่สุดที่น่าสงสารที่สุดคือรัฐและประชาชนครับ..เสียเงินกันเข้าไปโครงการ 10-20 ล้าน..แต่ได้ความรู้ที่ไม่เคยพิสูจน์ได้ว่า work หรืออย่างน้อยมีความพยายามทำให้มันก้าวหน้ายิ่งขึ้น..
...
เราจะไม่ผูกขาดมันเด็ดขาดครับ..เราจะเปิดเผย..เปิดให้คนรู้มากที่สุด..ความรู้ควรเป็น "มรดก" ของแผ่นดินครับ..
.....
และเราใน AI Thailand ที่มาทำงานร่วมกัน..ก็เชื่อและทำในสิ่งนี้
มีคนถามว่าเราเป็นองค์กรแบบไหน..เราเป็นองค์กรในรูปแบบชนเผ่า (Tribe) ครับ..คล้ายๆ หนังสือของ Seth Godin เรื่องชนเผ่า (Tribes)
Seth Godin นักคิดระดับโลกบอกว่า..ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนโลก...คุณเพียงแต่ "ลองตั้งคำถาม" ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ (Status Quo) นั้นมันดี มันชอบธรรมแล้วหรือ...
ถ้าคุณตั้งคำถามแล้ว..ไม่ต้องห่วงครับ..เพียงแต่คุณสื่อสารให้คนอื่นทราบ..คุณจะเจอคนที่เชื่อแบบเดียวกับคุณ (มี Passion) แล้วคุณก็จะสามารถสร้างขบวนการ (Movement) จนคุณเปลี่ยนแปลงได้จริง (Change) ครับ..
เช่นมีฝรั่งคนหนึ่ง..รู้สึกสงสารหมาจรจัดที่ซานฟรานซิสโก..คือในอเมริกา เขาจะมีหน่วยจับหมา แมวครับ..มาเพ่นพ่านนี่จับ..จับแล้วเอาไปฆ่าทิ้งใน24 ชั่วโมง"..ที่สุดเขาลองตั้งคำถาม..เขาท้าทายกับสิ่งที่ทำกันอยู่..มนุษย์ไม่ควรรังแกสัตว์ครับ..เขาเลยเสนอไอเดีย.."No Kill" คือไม่ฆ่า ประมาณว่าซานฟรานจะเป็นเมืองที่ปราศจากการฆ่า..หมาป่วย หมาแก่..จะไม่ถูกฆ่า..เขาขายไอเดีย..ที่สุดก็เริ่มมีคนเชื่อ..ตาม..มีคนช่วยเขาพูด..สุภาพบุรุษท่านนี้ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ..แต่เมื่อตั้งคำถาม..ก็มีคนเห็นด้วย..เขาก็เริ่มกลายเป็นหัวหน้าเผ่าแล้วก็มีคนเดินตาม..ตอนหลังถูกต่อต้านหนักครับ..ชนิดหน่วยงานจับสัตว์สหรัฐถึงขั้นต่อต้านกันทั้งประเทศ..แต่ ที่สุดสามารถทำให้เกิดเขตไม่ฆ่าได้จริงๆ. แล้วเขาก็ไปรณรงค์ต่อที่นิวยอร์ค..
....
Seth Godin บอกว่า เราเปลี่ยนโลกได้ครับ..ขอให้คุณต่อต้านอะไรที่ไม่ควรเถอะ แล้วคุณก็เล่าเรื่องนี้ให้คนอื่น..เดี๋ยวคนอื่นก็จะถามเองว่า What's next? แล้วคุณก็บอกทีละขั้นเลย..ว่าจะให้เขาทำอย่างไร..
โลกนี้รอคนคิดดีๆ อยู่และคนในโลกนี้ก็พร้อมสนับสนุนคนคิดต่างครับ..
...
ผมเอง..มิอาจเปรียบเทียบกับสุภาพบุรุษรักหมาท่านนั้น..แต่ก็ได้ตั้งคำถามต่อสิ่งที่ทำๆ กันอยู่แล้วก็ได้เริ่มทำมาเป็นปีที่ห้าแล้ว..เราไม่ได้อยู่แค่มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว..เราข้ามไปถึงอินเดีย..เราเล่าเรื่อง..เรามีคนเห็นด้วย..แล้วก็เราได้พาพวกเขาไปเจอเรื่องดีๆ พร้อมๆกับเรา..โดยเรามิได้ใช้งบประมาณและอำนาจใดๆทั้งสิ้น..
....
เราคือชนเผ่าหนึ่งครับ..
แล้วคุณล่ะ..มีเผ่าของคุณหรือยัง
Appreciative Inquiry แสดงให้เห็นว่า OK ใช้ได้จริงๆๆ เมื่อนำไปสู่การ Implement นะคะ ขอบคุณมากคะ
เรียน อาจารย์ครับ
- 4 สอ = สร้าง สาน สลัก สละ ของ AI น่าสนใจมากครับ
- เกร็ด AI อาจารย์บันทึกไว้...เกิดแรงบันดาลใจทุกเรื่องเลยครับ
- ผมว่า...ทุกท่านในโกทูโนว์...เป็นชนเผ่า...ที่เปลี่ยนโลกได้ครับ
ครับ ยืนยัน ตามความเห็นน้องทิมดาบ เอาไปใช้ในการคุยกับชุมชน คุยกันง่ายขึ้น
ครับเยี่ยมเลยครับ การตั้งคำถาม เป็นการทำให้เขาสืบค้นเห็นข้อจำกัด โอกาสในการลงมือกระทำของเขาเอง และมันจะคงอยู่กับพวกเขา แต่การใส่ข้อมูล ให้ข้อมูล สอนๆๆๆๆๆๆๆจำๆๆๆๆๆๆ ไม่ต่างกับการป้อนข้อมูลให้หุ่นจำ แล้วเมื่อเจอสถานการณ์ใหม่ๆจะแก้ไขได้อย่างไร ขอบคุณครับที่แบ่งปัน แล้วเติมเต็มในการใช้งานคำถามได้อย่างดียิ่งครับ ขอบคุณครับ
ไอเดีย.."No Kill" มากค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์
"Inspirational."