เพียงเพราะความเหงา
ทำให้ฉันเดินกลับมาที่นี่ ที่เดิม
ที่ๆฉันจะนั่งมองผู้คน คนแล้วคนเล่า ผ่านเข้ามาและออกไป
เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ คนพยักเพยิดพูดคุยเรื่องที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม หลายคนเคร่งเครียดจริงจัง และหลายคนที่ยิ่งรู้จักกันมากขึ้นกลับตะขิดตะขวงใจที่จะสนิทสนมเหมือนแรกรู้จัก ราวกับว่า หน้ากากที่เคยพอกอย่างงดงามนั้นหลุดล่วงตามกาลเวลา
ฉันยิ้มและหัวเราะ บางครั้งก็พยักหน้าทักทายราวกับเป็นกลุ่มเดียวกับเขาเหล่านั้น แต่ฉันกลับไม่คลายเหงาลงได้เลย
เสียงเพลงในใจของฉันไม่เคยหยุดกังวาน แต่ไม่เคยช่วยทำให้ฉันหายเหงา จิตวิญญาณของฉันกระซิบ
ว่าความเหงาของฉันต้องได้รับการบำบัดด้วยปัญญา
ฉันจึงหวนกลับมา เพียงเพราะความเหงา และฉันกำลังค้นหา "ปัญญา"
เสียงตะโกนของคุณชายขอบ มาไม่ถึง น่าเสียดาย บางทีเพราะไร้นามมัว งกเงิ่น จดจ่อกับบางสิ่ง หรือเพราะไร้นามแก่มากขึ้น หลังคุ้มงอ จนเสียงเลยข้ามไป ขออภัยด้วยเถอะ และขอรับด้วยใจ
โบกี้เดิม แต่ไม่เหมือนเดิม
คุณชายขอบคงไม่หนาวกับความเย็นของแอร์หรอกนะ แอร์มีไว้เพื่อให้สบายขึ้น แต่คงทำให้คนที่ไม่นิยม รู้สึกหนาวเหน็บจนสะท้านในบางคราว แต่เมื่อต้องนั่งต่อไปให้ถึงสถานีปลายทาง ไอที่ระอุจากเลือดคนหนุ่มสาวรายรอบ ก็จะช่วยให้อุ่นขึ้นได้ เชื่อเถอะ
โบกี้ยังไม่เต็ม คนไร้ป้ายชื่อทะยอยขึ้นมาเรื่อยๆ
มืออุ่นๆ ของคุณชายขอบบอกว่า เริ่มเหงาบ้างแล้ว
เสียงตะโกนอันแหบพร่า มันก็ไม่น่าที่จะทำให้ไร้นามได้ยินหรอก และเมื่อนึกได้ก็ไม่อยากตะโกนซ้ำ ใช่กลัวไม่มีเสียง แต่กลัวไร้นามจะรู้สึกตื่นมากกว่า...ครับ
คนไร้ป้ายชื่อทะยอยขึ้นมาเรื่อย ๆ ใช่ครับ โบกี้นี้ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปมาก เพราะใจด้วยใจ ผมจงพยายามทนอยู่ต่อ ใส่เสื้อหนา ๆ กางเกงยีนส์ จะได้อุ่น ๆ หากมือ "ชายขอบ" ที่เคยทำให้ "อุ่น" ได้ บัดนี้หมดแล้วซึ่ง "ไอ" นั้น ไร้ประโยชน์อันใด ก็ไร้ซึ่งความหมาย เพียงเหลือไว้แต่ตำนาน
"ชายขอบ" หายไปหลายครั้ง เพราะหนาวเหน็บ ปากแตกเลือดซิบ ๆ โบกี้นี้ติดแอร์เย็นจริง ๆ
เพียงเพราะเหงาเราจึงพบเพื่อพลัดพราก
พบเพื่อจากจะฝากใจได้หรือนี่
ฟังเพลงเถื่อนไม่ถ่ายถอนรอนฤดี
มาวันนี้เพื่อค้นหาปัญญาญาณ
ไม่ยากหรอกจะบอกให้ถ้าใฝ่หา
ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งทางผ่าน
ริมระเบียงแห่งหัวใจดอกไม้บาน
เพียงอย่าผ่านแล้วพลัดพรากจากอีกเลย
มาต่อยอดต่อคำท่านบวร
น้อมคำสอนคำสั่งมาค้นหา
เหมือนจะเตือนให้เร่งคิดพิจารณา
ว่าปัญญาอยู่ทุกที่ถ้ามีใจ
มาเพื่อไป ไปเพื่อกลับ ไม่ลับหาย
อยู่เพื่อจาก จากเพื่ออยู่ หรืออย่างใด
อ่านก่อนคิด คิดหลังอ่าน ให้ชาญชัย
สว่างไสว ด้วยเมตตา เอื้ออาทร
ไร้นามหลับไหลไปจริงๆ คุณชายขอบ
แม้เสียงตะโกนอันแจ่มใสและร่าเริงของคุณชายขอบก็ไม่ได้ยิน
แต่ในฝันกลับได้ยินเสียงหัวใจที่เร่าร้อนอยากพลิกโลกด้วยอุ้งมือ เห็นเด็กชายตัวน้อยที่แบกรับความรับผิดชอบเต็มสองบ่า วิ่งไปกับฝูงชน แจ่มใสด้วยวัยอันสมบูรณ์และโอบอุ้มด้วยความรักจากคนรอบข้าง แต่บางครั้งแอบเผลอปาดน้ำตาเวลาที่อยู่เงียบๆคนเดียว
ฝันดูจริงจังจนแทบสะดุ้ง
ความฝันของคนชราล้วนเกิดจากความกังวล เป็นห่วงกลัวเด็กน้อยจะสะดุดกับพรมแดงที่ปูไม่เรียบ แต่คนชราก็รู้ว่าไม่ต้องห่วงมากก็ได้ เพราะเห็นเด็กน้อยวิ่งออกนอกพรมเป็นบางหน ตะลุยบนดินโรยกรวดที่คุ้นเคย พลางชำเลืองดูคนที่วิ่งบนพรมอย่างนึกห่วง.เป็นครั้งคราวตามวิสัยโอบอ้อมอารี ของเด็กน้อย
ดีใจที่ Dr .Ka-poom แวะมา "แลดู"
แลดูกับดูแล เขียนจำนวนอักษรตัวสะกดเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันที่พฤติกรรม
"แลดู" ของหญิงสาวดูไว้ตัวและสงวนตัวกลัวถูกลามปาม แต่ "แลดู" ของคนจ่ายตลาดบางครั้งเพราะยังไม่มั่นใจจะควักสตางค์ดีไหม จัดในกลุ่มเบี้ยน้อยหอยน้อยหรืออีกทีคือพวกประหยัดและมีความเกรงใจคนขาย เลยไม่อยากมองตรงๆ มองมากๆ มองจ้องๆ
"ดูแล" มองเห็นความอ่อนโยนเอาใจใส่ของคนพูด
แต่คนเหงาส่วนมากไม่อยากได้คนดูแล มักจะอยากได้คนเข้าใจ
ยิ่งเหงาเพราะขาดปัญญา ..ยิ่งอยากได้คนเข้าใจอย่างหนัก..
ดูเหมือนแถวๆนี้ อาจจะพอหาได้..
ยินดีเช่นกัน เกือบลืมบันทึกนี้ซะแล้ว
แต่ไม่เคยลืมคุณเมตตาเล้ย
สัวสดีค่ะคุณไร้นาม...
ยังมีมิตร มวลมั่น หมั่นค้นหา
หากมีสุข สุขสนุก ทุกเวลา
ก็หันหน้า ไม่เห็น เป็นธรรมดา
กลับมาผิน ยินคำรัก พักใจหวั่น
ขอให้หวล ชวนคำปลื้ม มิลืมกัน
ด้วยรักมั่น ฉันเธอ มิเคยลืม
ขออภัย คุณครูอ้อย ร้อยคำรัก
มาชวนชัก ให้ใจหวั่น เฝ้าฝันหา
ไร้นามลืม บันทึกนี้ ไม่ได้มา
เพิ่งเห็นว่า คุณครูห่วง หวงไร้นาม
อิอิ.......