ผู้เขียนเกรงใจจังเลยค่ะ แต่ความคิดกำลังโลดแล่นไปไกลเกินกว่าจะ ฉุดรั้ง...ไว้ได้ เลยอยากจะขอต่ออีกสักบันทึกเกี่ยวกับ "R2R" ค่ะ ....
ผู้เขียนจำได้ว่าหลังจากผลงานชิ้นแรก ได้รับการตีพิมพ์ ตัวเองก็เริ่มติดใจในการทำวิจัยมาตั้งแต่นั้น เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่มันยากตรงที่เราตีกรอบ ปิดกั้นความคิดของตัวเองเอาไว้ต่างหาก ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ เป็นต้นว่า...
ผู้เขียนเห็นด้วยมาก ๆ เลยที่ว่า "วิจัย" กับ "ใจ" ต้องเป็นสิ่งที่คู่กัน หากเราฝ่าฟันมันไปได้ ด้วยการผ่านพ้นดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น เริ่มจากการมอง "หาเรื่อง" เป็นอันดับแรก โดย.....
- เริ่มจากความ "สนใจ" อะไรเป็นพิเศษ
- งานที่เรา "ทำบ่อย ๆ" ใน "งานประจำ" แต่ยังพบ "ปัญหา" อะไรอีกมั๊ย? ที่เราอาจ "มองข้าม"
-มีความ "สงสัย" หรือ "อยากรู้" อะไรบ้าง
-ลอง "อ่าน" ให้เยอะๆ หาอ่าน paper ให้ตรงกับสายงาน หรือแม้แต่ต่างสายงาน ก็ยังจะอาจช่วยให้ "จุดประกาย" ความคิดเราได้
พูดถึงการอ่าน paper บางคนบอกมีปัญหาเรื่องการอ่าน paper ภาษาอังกฤษ (ไม่ get , ไม่แตก) อันนี้ผู้เขียนก็เป็นค่ะ ยอมรับว่าอ่อนหัดนักกับภาษาอังกฤษ แต่......ผู้เขียน มีวิธี.....
เดี๋ยวนี้นับว่าเราโชคดี ที่มีระบบ internet ให้ค้น แถมเลือกได้อีกต่างหาก จะค้นไทย หรืออังกฤษ ถ้าเราไม่แตกฉานภาษาอังกฤษ ผู้เขียนก็จะใช้วิธีค้นหา paper ไทยเรื่องคล้าย ๆ กัน อ่านให้แตกฉานแล้วค่อย ๆ ไปอ่านภาษาอังกฤษ รับรองว่า มันก็ไม่แตกต่างกัน.......
{แต่ได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่า พี่โอ๋ จะเขียนบันทึก "วิธีการอ่าน paper ภาษาอังกฤษ ได้อย่างรวดเร็ว" ให้พวกเรา ๆ ได้อ่านกันในเร็ว ๆ นี้ แล้ว}
เพราะฉะนั้น เราจะทำอย่างไรให้คำว่า "วิจัย" หรือ "R2R" เป็น "เรื่องใกล้ตัว" ที่ใคร ๆ ก็ "สามารถ" "จับต้อง" และ "เอื้อมถึงได้อย่างง่ายดาย"
คุณศิริคะ...
บันทึกนี้มีคุณค่ามากเลยนะคะ...กะปุ๋มอยากให้เล่าไปเรื่อยๆ...เพราะเป็น Best Practice ของผู้ที่ผ่านการปฏิบัติจริง...ด้วย Learning by Doing .... อย่างเนื้อแท้...น่าจะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อผู้ที่เริ่มจะทำ R2R...
....
ขุดออกมาเยอะๆ เลยนะคะ...สำหรับสิ่งที่เป็นความรู้ฝังลึก กะปุ๋มรออ่านด้วยจิตที่จดจ่อ...เพราะมีคุณค่าทางปัญญาและจิตใจมากคะ
ขอบคุณคะ
กะปุ๋ม
คุณ nidnoi ค๊ะ งั้นผู้เขียนขอยื่นใบลาพักผ่อน (เขียนบันทึกสักเดือน ซะแล้วกระมังค๊ะ)