If only - ขอเพียงวันนั้น...หวนคืน


ทุกวินาทีที่ผ่านไป เราจะต้อนรับวินาทีใหม่เสมอ และไม่มีโอกาสที่จะกลับไปวินาทีเดิมอีก แต่ละการตัดสินใจ แต่ละวินาทีของชีวิตที่ถูกใช้ไปเราควรจะใช้มันด้วยความมั่นใจว่าเราจะไม่เสียใจในอีกหลาย ๆ วินาทีให้หลัง

1)

ลีน่ากับไซม่อนประกาศการแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บ ทำให้เพื่อนสนิทต่างเซอร์ไพร์สไปตาม ๆ กัน ถึงแม้ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันมานานพอควร แต่ด้วยหน้าที่การงานที่กำลังไปได้ดี บวกกับนิสัยรักสนุกและรักอิสระของคนทั้งคู่ การประกาศการแต่งงานของทั้งสองจึงทำให้หลาย ๆ คนเลิกคิ้วถามว่าเพราะเหตุใดหรือ?

เจมส์ก็ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงซึ่งจะจัดขึ้นที่รีสอร์ทริมชายทะเลแห่งหนึ่งในอีกแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เขาได้รับการ์ดเชิญจากไซม่อน "เชิญแต่ที่สนิทกันจริง ๆ เท่านั่นว่ะ" ไซม่อนบอกพร้อมทั้งขอโทษขอโพยในความกระทันหันที่เกิดขึ้น

เจมส์ปฏิเสธคำเชื้อเชิญจากเพื่อนสนิทด้วยเหตุผลที่ว่ามันกระทันหันเกินกว่าจะฝากฝังงานได้ บวกกับความไม่สะดวกที่จะต้องเดินทางออกนออกเมือง เจมส์บอกว่าจะเชิญทั้งคู่สามี ภรรยาใหม่ไปทานข้าวด้วยกันเดือนหน้าเพื่อฉลองโอกาสสำคัญนี้

สามเดือนผ่านไปเจมส์ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่บอกเพื่อนไว้ เพราะงานที่ทำทำให้เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยรวมถึงข้ออ้างอื่นอีก จึงหาเวลาที่ทั้งสามจะเจอกันได้ยาก แต่เขาก็ยังไม่เคยลืมนัดสำคัญนี้ และคิดว่าสักวันหนึ่งจะโทรไปนัดเพื่อนเขา



2)

เบอร์นาร์ดกับเจนนิเฟอร์ตัดสินใจเริ่มชีวิตคู่กันด้วยการจดทะเบียนสมรสโดยมีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไปร่วมเป็นสักขีพยาน หลังจากการจดทะเบียนเสร็จสินแล้ว เจนนิเฟอร์เชิญพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายไปทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง เธอตกลงกับเบอร์นาร์ดว่าจะไม่มีพิธีการแต่งงานใดใดเพราะทั้งคู่ต่างก็มีภาระงานที่หนักหน่วง และสถานภาพทางการเงินที่ไม่ค่อยจะดีนักของเขาและเธอ ฝ่ายผู้ใหญ่ก็มิได้ขัดอะไร แต่วันนั้นเธอขอให้ผู้มีพระคุณร่วมทานข้าวด้วยกันสักครั้ง

เบอร์นาร์ดเองถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการวางแผนของเจนนิเฟอร์ เพราะเขาเห็นว่าร้านอาหารในโรงแรมที่เจนนิเฟอร์เลือกนั้นออกจะดูฟุ่มเฟือยเกินไป แต่เขาก็ยอมเธอ

ในขณะที่ไปถึงร้านอาหารเบอร์นาร์ดได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าให้ไปเจรจาเรื่องงานด่วน จริงๆ แล้วในใจของเขายามนั้นก็ไม่มีเรื่องใดที่สำคัญไปกว่างานที่กำลังรัดตัวนั้น เขาบอกให้เจนนิเฟอร์ทานอาหารกับพ่อแม่ไปก่อน แล้วเขาจะกลับมา

อาหารเย็นผ่านไปแล้วเบอร์นาร์ดไม่ได้กลับมาร่วมทานอาหารกับครอบครัวในวันนั้น เขาคุยงานกับลูกค้าจนดึก

 

3)

ปัง เตา ปา หัวหน้างานฝ่ายผลิตที่สนิทสนมกับปริมมากคนหนึ่งที่ที่ทำงาน คะยั้นคะยอให้เธอไปตีกอล์ฟกับเขาแทบทุกครั้งที่เขากับเพื่อนคนงานคนอื่นๆ ไปผ่อนคลายกันที่กอล์ฟคลับที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ในจอหอร์บารู ข้ามฟากไปมาเลเซีย แต่ปริมก็สามารถผัดผ่อนได้ทุกครั้ง..

“รอให้ฉันเล่นให้เก่งกว่านี้อีกหน่อยนะ แล้วฉันจะไปลงสนามกับคุณ”

“คุณไปกับลัมเถอะ ฉันจะเฝ้าโรงงานให้ คุณจะได้ตีกอล์ฟอย่างไม่ต้องกังวล”

“ฉันมีธุระที่จะต้องทำเสาร์นี้”

“วันหยุดมีไม่พอแล้ว ต้องเก็บเอาไว้กลับบ้าน” ฯลฯ

 

 

4)

บ่ายวันนั้นขณะที่เจมส์กำลังทำงานอยู่ เขาได้รับโทรศัพท์จากเดวิด เพื่อนในกลุ่มเดียวกันว่าไซม่อนเข้าโรงพยาบาลกระทันหันเพราะปอดทำงานไม่ปกติ

เย็นวันนั้นเจมส์และเพื่อนๆไปเยี่ยมไซม่อนที่โรงพยาบาล เขามีเครื่องช่วยหายใจครอบจมูกและปากอยู่จึงคุยได้ไม่ถนัด เจมส์จับมือเพื่อนสนิทเขาไว้แน่นกว่าทุกครั้งที่เจอกัน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำได้

ไซม่อนจากไปในคืนนั้นด้วยอาการปอดล้มเหลว ด้วยอายุเพียง 32 ปี เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดขั้นสุดท้ายเมื่อหกเดือนที่ผ่านมา....

 

5)

สิบกว่าปีผ่านไป เบอร์นาร์ดกับเจนนิเฟอร์ทำธุริจสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นเขามีฐานะทางการเงินดีมากคนหนึ่งของเมืองนี้ เขาและเธอมีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาโดยตลอด ทุกๆ ปีทั้งคู่จะฉลองวันครบรอบแต่งงานด้วยกันอย่างเงียบเงียบ

แต่ทุกทุกปีเบอร์นาร์ดจะอดคิดไม่ได้ว่าหากวันนี้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเขาได้ทานอาหารเย็นในค่ำวันนั้นกับทุกคน เขาคงจะทำให้เจนนิเฟอร์มีความสุข มีความทรงจำที่ดีมากกว่านี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยปากบอกก็ตาม..

 

 

6)

เมื่อสามเดือนที่แล้ว ปัง เตา ปา ล้มทั้งยืนหน้าห้องประชุมที่ทำงาน ทุกวันนี้เขานอนเป็นอัมพาตครึ่งซีกอยู่ที่สถานพักฟื้นแห่งหนึ่ง คงอีกนานกว่าที่เธอจะไม่คิดถึงเขาทุกครั้งที่เห็นถุงกอล์ฟตั้งอยู่ในห้องเก็บของ

ขอโทษนะ…ปัง…หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันคงไม่เพียงมานั่งเขียนบันทึก…บันทึกนี้...ปริมพูดพร้อมถอนใจใหญ่...

 

 

.

ในชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษของชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่ง เมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว อาจารย์แม่ที่ฉันเคารพรัก อ. มยุรี ตั้งใจดี ได้สอนนักเรียนเรื่องการใช้ คำว่า If only... (ขอเพียงแค่..., น่าจะ...) ฉันจำได้ลางเลือนถึงการใช้คำนี้ให้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ แต่ที่จำได้ขึ้นใจคือคำสอนของแม่ครูที่ว่าเมื่อเราเรียนจบออกไปแล้ว ขอให้เราพยายามอย่าใช้อย่าพูดคำว่า If only ให้บ่อยครั้งนัก

วันเวลาที่ผ่านไป กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวดั่งเรื่องที่เล่ามา ฉันจึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมอาจารย์แม่ถึงขอให้เราอย่าได้กลับไปเล่าสู่กันฟังด้วยการเริ่มต้นด้วยคำคำนี้ แทบทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดที่ว่า If only..... ซึ่งเป็นการแสดงความปรารถนากับสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริงในอดีต ฉันรู้สึกถึงความหดหู่ ความเสียดาย ความหมดหวัง และความรู้สึกของคำว่าช่วยไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้แล้ว ติดพ่วงมาด้วยเสมอ

ใครบางคนบอกว่า คำว่า If only (ขอเพียงแค่...) ดูเหมือนมันจะเป็นคำที่ฟังดูแล้วเศร้าที่สุดในโลก... ฉันเห็นด้วยค่ะ

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบางครั้งอาจไม่ใหญ่หลวงอะไร เพียงแต่เราเสียดายที่ไม่ได้ทำให้มันดีกว่าเดิม แต่บางคนอาจต้องสูญเสียมากมายนัก ฉันชอบหนังเก่า ๆ เรื่องหนึ่งชื่อ If Only (2004) ในเรื่องพระเอกได้รับโอกาสในการแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนรักของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังจากที่ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกัน เขาได้มีโอกาสทำในทุก ๆ อย่างที่ควรจะทำในวันหนึ่งเพื่อให้เธอรู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน และความรักไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อความตายมาเยือน

แต่ชีวิตจริงไม่ใช่หนังที่เราจะหันไปแก้ไขอะไรได้...

ทุกวินาทีที่ผ่านไป เราจะต้อนรับวินาทีใหม่เสมอ และไม่มีโอกาสที่จะกลับไปวินาทีเดิมอีก แต่ละการตัดสินใจ แต่ละวินาทีของชีวิตที่ถูกใช้ไปเราควรจะใช้มันด้วยความมั่นใจว่าเราจะไม่เสียใจในอีกหลาย ๆ วินาทีให้หลัง

เพราะคงไม่มีใครอยากฟังเราเริ่มประโยคด้วยคำว่า If only..... บ่อยครั้งนัก

 .

 

Theme from secret garden....

 

 

หมายเลขบันทึก: 485698เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2012 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2012 10:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

 

 

จะหวนคืนได้...ในความทรงจำ..นะคะ

 

 

 

 

....บันทึกนี้ให้ความรู้สึกเศร้านิดๆนะครับ ...ทำให้หลายๆคนอดย้อนกลับไปดูคืนวันที่ผันผ่านมา และไม่อาจไปแก้ไขได้ ...นอกจากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เหมือนคำถามของพระราชาในบทประพันธ์ของลีโอ ตอลสตอย นี้ คำถามอัศจรรย์ ๓ ประการ

สวัสดีค่ะคุณหมอเปิ้ล,

ขอบคุณค่ะค่ะ ทุกสิ่งที่เราทำลงไปในวันนี้คือความทรงจำของวันพรุ่งนี้ค่ะ หากอยากมีความทรงจำที่นำรอยยิ้มมาให้ ต้องทำในสิ่งที่จะไม่ต้องเสียใจนะคะ

Seize the day!!!

สวัสดีบ่ายวันเสาร์ค่ะ...

สวัสดีค่ะคุณพิชัย,

บันทึกนี้คงมีกลิ่นไอของความเศร้าติดมาจากเมื่อวานที่ไปเยี่ยมเพื่อนที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่สถานพักฟื้นมาน่ะค่ะ เลยไม่แจ่มใสเท่าที่ควร ขอโทษด้วยนะคะ

อืม....บันทึกหน้าจะมาในแนวที่สดใสกว่านี้ค่ะ

ขอให้คุณพิชัยและครอบครัวมีความสุขในบ่ายวันหยุดนะคะ ฝากลูบหัวเจ้าท็อฟฟี่ด้วยค่ะ ;)

...

ขอเพียงแค่ฉันกลับไปทำสิ่งนั้น
สิ่งที่เราร่วมฝันเพื่อกันได้
ขอเพียงแค่วันนั้นหวนคืนใจ
จะให้ทำสิ่งใด ฉันยินดี

แต่ชีวิตไม่อาจย้อนเวลา
ด้วยหนทางข้างหน้าจากตรงนี้
อยู่กับเธอ ฉันไม่เคยจะทำดี
แล้วจะมีนาทีไหน แก้ไขตน

...

 สวัสดีค่ะคุณปริม...

...ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆมุม"จริง" ในหลากหลายชีวิตค่ะ.

...ในมุมเศร้าใจอย่างน้อยก็ชวนหัวใจให้ย่อกลับมาทวนถามพูดคุยกับตัวเองจริงๆมากขึ้นนะคะ(พิจารณาธรรม)

...เชื่อว่า..อดีตย่อมผ่าน(ทำ)มาแล้วทั้งดีไม่ดี ผิดบ้างถูกบ้าง และวันนี้หากสิ่งที่เลือกทำดี เก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ ได้ชื่อว่าได้แก้ไขอดีตแล้วค่ะ

...นำภาพแม่แมวเจ้านางงาม(กิริยามารยาทเรียบร้อยมาก) ให้ลูกเจ้าทองกินนมได้กับลูกตัวเองโดยไม่ดุไม่หวงค่ะ...

อาจารย์ Wasawat,

รูปฝนตกบนทางอันคดเคี้ยวให้ความรู้สึก เหงา และ หนาว สำหรับคนทางนี้ บ้านเราฝนตกหรือคะวานนี้ คงจะช่วยให้ชุ่มเย็นมาบ้างสำหรับคนทางโน้น

กลอนบทนี้เพราะมากค่ะอาจารย์ ทุกๆบทเพราะขึ้นทุกวันๆ ช่วงนี้โจทย์ง่ายๆ จิ๊บๆ นะคะ มาแนวไหน อาจารย์บ่กลัวเลย

;)

ขอบคุณค่ะอาจารย์

สงัสดีค่ะคุณน้อย

น้องนางงามกับลูกน่ารักมากค่ะ เรียบร้อยสมชื่อ

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีดี จากนี้ไปคงต้องมองไปข้างหน้า ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดทุกๆ วันจริงๆค่ะ บางบทเรียนราคาแพงเกินกว่าจะปล่อยมันผ่านไปโดยที่ไม่เรียนรู้และจดจำ บันทึกไว้ค่ะ

สวัสดียามเช้าค่ะคุณน้อย ;)

ยังจำได้มั้ย อ่านแล้วน้ำตาแห่งความปิติไหลริน
 
อดีต เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ เพราะฉะนั้นควรปล่อยวาง ไม่ควรเก็บไว้ให้ใจทุกข์เปล่าๆ อนาคตก็ยังมาไม่ถึงไม่ควรคาดเดาหรือจินตนาการไปให้จิตฟุ้งซ่าน ซึ่งเมื่อจิตฟุ้งซ่านแล้ว ก็จะเกิดความทุกข์ได้เหมือนกัน ท่านพ่อสอนว่า “จงอยู่ในปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตย่อมจะดีตามมา”

หลวงตามหาบัว

 

 

บันทึกนี้ ถึงจะดูเศร้านิดๆ แต่ให้แง่คิดดีมาก เกี่ยวกับการตัดสินใจ เรียกได้ว่า ผิด(พลาด) เป็นครู ทำให้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงจะไม่ต้องมานั่ง เสียใจภายหลัง แต่หากย้อนกลับไปดูอดีตแล้ว ทำให้จิตเศร้าหมอง พระพุทธองค์ตรัสว่า ควรละทิ้งเสีย จะว่าไปมันก็จริงนะ ที่เห็นตามนั้นเพราะมันจะทำให้ เสียเวลาอันมีค่าของชีวิต แต่จะว่าไป บางเรื่อง... ไม่อยากคิด มันก็ดันคิดขึ้นมาซะงั้น นิ

สวัสดีค่ะคุณพี่คนบ้านไกล

จำได้ค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสตินะคะ :)

สวัสดีค่ะคุณ Nopparat Pongsuk,

ขอบคุณค่ะ หากไม่มีสิ่งที่มากระทบให้คิดก็ไม่ค่อยเศร้าค่ะ แสดงว่าใจยังไม่เข้มแข็งพอ แต่จะพยายามจำข้อผิดพลาดนั้นไว้เตือนตนแล้วมองไปข้างเพื่อจะได้ไม่พลาดซ้ำค่ะ เพราะหากยังเดินทางเดิม คงให้อภัยตัวเองได้ยากขึ้น

ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ นะคะ

...มาอ่านบันทึกนี้..ทำให้..เห็นชัดเจนมากขึ้น..กับชีวิตที่ผ่านๆ..มา..กับคำว่าอดีต..ที่บางครั้ง..( if only )...จน..ทำให้เกิด.."กำแพงใจ"...ยาวเหยียดยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน..และรื้อลงไม่ง่าย..เหมือนกำแพงเมืองเบอร์ลิน...(ดังที่ยายธี..ได้ประสพมา..อิอิ)...ด้วยรักบล้อกนี้เจ้าค่ะ...ยายธี

ปริม ....รักเธอที่สุดค่ะ ชอบมากค่ะ ชอบงานเขียนแนวๆ นี้ค่ะ ชอบรูปที่ถ่ายมาฝากกันค่ะ ขอเป็นแฟนด้วยคนนะคะ

if only not too late..

ผมแอบเศร้าไปพร้อมกับบันทึกนี้...

แต่...

แอบดีใจที่ได้อ่านงานสไสต์นี้

ฝีมือคุณปริมครับ

ใครบางคนบอกว่า คำว่า If only (ขอเพียงแค่...) ดูเหมือนมันจะเป็นคำที่ฟังดูแล้วเศร้าที่สุดในโลก..
วันนี้ ได้เข้าอบรมเรื่อง "Blended learning" (คำฮิตในอนุทิน gotoknow ขณะนี้) อาจารย์วิทยากร ได้เสนอโปรแกรมสร้างภาพเสมือนจริง "second life" คล้ายๆ เกมส์คอมพิวเตอร์สามมิติ โดยสร้างตัวเราเป็นตัวละครในนั้นด้วย และสถานการณ์ให้เป็นตามที่ต้องการ
นี่คงเป็นความปรารถนาลึกๆ ของมนุษย์ รวมทั้งตัวเอง
ที่ยังคงสลัด "If only" ออกไปจากใจไม่หมด (แม้ซาบซึ้งกับบทความ "ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น" ของ อาจารย์ wasawat แล้วก็ตาม)

สวัสดีค่ะคุณยายธี

คุณยายเปรียบเทียบเสียจนเห็นภาพ "กำแพงใจ" อันมโหฬาร เลยนะคะ :)

ปริมเชื่อว่า จากนี้ไป จะไม่มีกำแพงใหญ่ และล้มลงยากนี้สร้างขึ้นมาอีกค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Bright Lily,

เพิ่งลองหัดวิธีเขียนแบบนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะที่คุณ Bright Lily ชอบ ดีใจที่ได้รู้จักนะคะ

แล้วปริมจะแวะไปเยี่ยมบล็อคคุณบ่อยๆ ค่ะ

คิดถึงภูเก็ตค่ะไม่ได้ไปนานแล้ว :)

สวัสดีค่ะคุณหมออดิเรก

ปริมลองใช้วิธีเขียนของพี่ชายที่แสนดีของคุณหมอ คุณวินทร์ น่ะค่ะ บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นและอยากถ่ายทอด ถือว่าเป็นงานทดลองค่ะชิ้นนี้ ทดลองวิธีเขียนแต่ใช้ความรู้สึกจริง มีข้อแนะนำเชิญด้วยนะคะ :)

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ ป.

คำถามชวนสงสัยก็คือทำอย่างไรให้ "second life" กับชีวิตจริงในตอนนี้ ใกล้เคียงกันมากที่สุด และใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด

:)

ขอบคุณค่ะ

ขอขอบคุณบทความดี ๆ ขอเป็นกำลังใจและติดตามอ่านด้วยคนนะครับ

สวัสดีค่ะคุณ spanna,

ขอให้วันนี้เป็นวันดีดีอีกวันของคุณนะคะ

ขอบคุณค่ะ

Hi, Khun Prim

I just be the member with the Gotoknow today and I had read your stories.. Its so good story and beautiful word.. We dont know for tomorrow but anyway do the best for today and everyday.

สวัสดีค่ะคุณ blackdao,

ยินดีต้อนรับสู่ชุมชน gotoknow ค่ะ ปริมเองก็เพิ่งมาเป็นสมาชิกของที่นี่ประมาณปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ที่นี่อบอุ่นค่ะ ทำให้ปริมรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไกลจากเมืองไทยมากนัก (ความจริงก็ไม่ไกลเท่าไหร่)

หากมาที่นี่บ่อยๆ คุณ blackdao จะรู้สึกว่ากัลยาณมิตรส่วนใหญ่ที่นี่ แบ่งปันเนื้อหาที่สุข สงบ แม้จะมีความเห็นต่าง ก็จะแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างสันติ

อาจารย์ธวัชชัยผู้ร่วมก่อตั้ง gotoknow นี้บอกว่าเป็น Law of attraction เป็นปรากฎการณ์ที่ดึงคนที่ชอบความสุขสงบมาเขียนในที่เดียวกัน

ขอบคุณมากที่กรุณามาทักทายและให้กำลังใจปริมในวันนี้ค่ะ ปริมไม่ได้ใช้ภาษาไทยมานาน เพิ่งจะมาเริ่มเขียนเรื่องราวต่างๆ ก็ตอนมาเขียนบันทึกที่นี่ค่ะ พี่คนหนึ่งสอนให้เขียนจากเรื่องใกล้ตัวก่อนเพราะเขียนได้ง่าย บันทึกก็เลยป้วนเปี้ยนอยู่กับเรื่องราวความเชื่อ ความคิด และสิ่งที่เกิดกับตัวเองและคนใกล้ตัวค่ะ ดีใจที่คุณ blackdao ชอบ จะได้ฝึกเขียนมาให้อ่านบ่อยๆ :)

จริงค่ะที่เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เพียงแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท