ให้เชื่อมั่นในการทำความดี...


เราถือคติว่าเราเกิดมาเพื่อทำความดี เพื่อเสียสละ เพื่อไม่ตามใจตัวเอง เพื่อตามศีล ตามธรรม ตามข้อวัตรปฏิบัติ จะได้เป็นคนไม่อ่อนแอ ท้อแท้ ท้อถอย

          พระพุทธเจ้าท่านให้เรามีความเชื่อมั่นในตัวเอง ท่านให้เราพยายามให้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ให้กายให้ใจมันอยู่ด้วยกัน คนเรามันต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองเพราะตัวเองได้ทำดีแล้วทำถูกต้องแล้ว ไม่ผิดพลาด เพราะเอาศีลเอาพระวินัยเป็นที่ตั้ง เอาข้อวัตรปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเป็นที่ตั้ง ไม่จด ๆ จ้อง ๆ ลังเลสงสัย เราทำดีแล้วถูกต้องแล้วให้เต็มที่ทำไปเลย ถ้ามันถูกต้องแล้วครูบาอาจารย์ก็ไม่ว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่ว่า ท่านยินดี ท่านอนุโมทนา ท่านส่งเสริม

 

          คนเราถ้าทำความดีมาก ๆ ทำสิ่งที่ถูกต้องมาก ๆ จิตใจมันอาจหาญ จิตใจมันร่าเริง ตั้งใจทำให้ดี ๆ ถ้าเราไม่ตั้งใจ ใจมันไม่มีกำลัง มันไปไม่ได้ ฝึกหายใจเข้าให้สบาย หายใจออกให้สบาย ให้มีความสุขกับการหายใจเข้าหายใจออก มีความสุขกับการเดิน นอน นั่ง ยืน ทุกอิริยาบถ เราต้องใจสบาย ให้ใจมาอยู่กับกายด้วยกันตลอด สิ่งไหนมันไม่ดีเราไม่ต้องไปคิดมัน ไม่ต้องไปพูดไปทำ มีความสุขมีความดับทุกข์ในการปฏิบัติของเราทุกเมื่อ ทุกกาล ทุกเวลา ตั้งแต่เช้าถึงนอนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำอีกเพื่อให้มันต่อเนื่อง ให้มันชำนิชำนาญ

          เราถือคติว่าเราเกิดมาเพื่อทำความดี เพื่อเสียสละ เพื่อไม่ตามใจตัวเอง เพื่อตามศีล ตามธรรม ตามข้อวัตรปฏิบัติ จะได้เป็นคนไม่อ่อนแอ ท้อแท้ ท้อถอย “เรื่องเหนื่อยเป็นเรื่องของกาย เรื่องหิวเป็นเรื่องของกาย แต่ใจนี้ไม่เหนื่อยไม่หิวไม่ท้อแท้ท้อถอย”

 Large_td047

 

          ฝึกเป็นคนฉลาด เมื่อตากระทบรูป หูกระทบเสียง กระทบเมื่อไหร่ให้มันเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปัญญา อินทรีย์ของเรามันจะแก่กล้าได้ เมื่อสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มากระทบ ให้มันมีศีล สมาธิ ปัญญา อินทรีย์ของเรามันจะแก่กล้าได้ ใจของเราอารมณ์ของเรามันไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า เราจะไปเชื่อมันไม่ได้

          เวลาเป็นเด็กมันคิดอย่างหนึ่ง เวลาเป็นหนุ่มเป็นสาว กลางคน แก่ เจ็บ มันก็คิดอีกอย่างหนึ่ง เวลาอารมณ์เกิดความพลัดพราก ความชอบใจ มันก็คิดอีกอย่างหนึ่ง เราอย่าไปเชื่อมัน มันกระทบแล้วก็กระทบไป มันคิดแล้วก็แล้วไป

          เราอย่าไปวุ่นวายกับความคิด... เพราะใจคนเรามันก็เหมือนลิง ลิงมันอยู่นิ่งไม่เป็น มันกระโดดโลดเต้น “ถ้าเราไม่รู้อารมณ์ไม่รู้ใจของเรา เราจะเป็นคนมีปัญหา เป็นคนที่จิตใจไม่แข็งแรง อารมณ์มาทางไหน ก็ไปตามอารมณ์ แล้วแต่อารมณ์มันจะพาไป จิตใจไม่เป็นตัวของตัวเอง”  

          เราฝึกไว้ ฝึกหายใจเข้าสบาย ออกสบาย ใจของเราจะได้อยู่กับปัจจุบัน ใจของเราจะได้อยู่กับการทำงาน เราพยายามยืนไว้ ตั้งไว้

 

Large_td028 

          ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนแต่เกิดขึ้น ล้วนแต่ตั้งอยู่ ล้วนแต่ดับไป...

          เราเป็นคนยังไม่รู้จักรู้แจ้ง เมื่อบวชมาแล้ว พระพุทธเจ้าให้เราพิจารณาร่างกายให้มาก ๆ

          ทำไมถึงให้พิจารณาร่างกายให้มาก ๆ...?

          เพราะว่ามันหลงในร่างกาย หลงว่ากายเป็นของเรา ที่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ของเรา มันเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ มันเกิดจากเหตุเกิดจากปัจจัย เกิดจากกรรมเก่าที่มันรวมกันเป็นอัตตาตัวตน เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่ง เขาเอาปูน เอาเหล็ก เอาไม้ เอากระจก เอาวัสดุต่าง ๆ มารวมกันเป็นบ้าน ตัวเราก็เหมือนกัน มันมีอาการสามสิบสองมาเป็นตัวเรา

          พระพุทธเจ้าท่านจึงให้เอาผมออก หนังออก เล็บ เนื้อ เอ็น กระดูก แยกออกเป็นชิ้น เพื่อจะค้นหาตัวเราที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหน

          ให้ภาวนาพิจารณามาก ๆ บ่อย ๆ สลับกับทำจิตใจให้สงบ ทำไปเรื่อย ๆ

          มันยังไม่เห็นก็ให้คิดเอาให้จินตนาการเอา ให้มันเห็นโดยคิดโดยปรุงโดยแต่งก่อน

          เราภาวนาอย่างนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นการสร้างฐานของการประพฤติปฏิบัติ ต้องทำบ่อย ๆ ทุก ๆ วัน ให้มันแจ่มแจ้งขึ้น ถ้าเราไม่ทำ ปัญญามันไม่เกิด

 

          พระพุทธเจ้าท่านให้เป็นภาคบังคับ ถ้าอุปัชฌาย์ใดให้การบรรพชาอุปสมบท ถ้าไม่ให้กรรมฐานในการพิจารณากายนี้ ท่านปรับอาบัติ

          ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐาน หลวงปู่มั่น ศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านปฏิบัติอย่างนี้ ท่านเป็นพระอริยเจ้ากันเยอะ นี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของเรา เป็นการเป็นงานของเรา ที่เรามุ่งหวังเป็นพระอริยเจ้า

 

          ขอให้เจริญมาก ๆ ปฏิบัติมาก ๆ ทำข้อวัตรปฏิบัติให้มันดีเยี่ยม ให้อ่อนน้อม ถ่อมตน รับเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประเสริฐมาดำเนิน

 

          อย่าเป็นคนซบเซา หมกมุ่น ขี้เกียจ ขี้คร้าน ไม่ยอมประพฤติปฏิบัติตัวเอง ไม่ยอมพัฒนาตนเอง ถ้าเราเป็นคนขี้เกียจ  ไม่เอาข้อวัตรปฏิบัติ ปัญญาของเราจะเกิดขึ้นไม่ได้

 

          ให้เราตั้งอกตั้งใจ เพราะทุกท่านทุกคนก็มีความหวัง ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูล ก็มีความต้องการที่จะเห็นเราเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้เป็นเนื้อนาบุญของโลก จะได้กราบตัวเองได้ จะได้ไหว้ตัวเองได้ พยายามสร้างตัวเอง ปฏิบัติตัวเอง กลับมาหาตัวเอง

 

Large_td037 

            พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราไปแก้ไขสิ่งภายนอก ซึ่งมันเป็นเรื่องปลายเหตุ  เหตุมันอยู่ที่ตัวเรา ตัวเรามันหลง “ให้เน้นมาที่ข้อวัตรปฏิบัติ ให้เน้นมาที่ศีล...”

 

          พระของเราก็ศีล ๒๒๗ ข้อก็อย่าได้ขาดตกบกพร่อง ให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่าให้มีด่างมีพร้อย เพราะว่าตัวศีล ตัวข้อวัตรปฏิบัตินั่นแหละคือตัวองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

            พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นเราผู้นั้นเห็นธรรม...

            ตั้งเจตนาที่จะหยุดไม่ทำบาปทั้งปวง ทำกุศลทำความดีให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท

 

          สำหรับสามเณรก็ให้ตั้งใจรักษาศีล ๑๐...

          ตัวยังเล็กอยู่ ตัวยังน้อยอยู่ อายุไม่ถึง ๒๐ พระพุทธเจ้าท่านเมตตาให้สามเณรรักษาศีล ๑๐ ที่ตัวยังน้อยอยู่ ร่างกายยังเล็กอยู่ ยังไม่บรรลุนิติภาวะสมบูรณ์ พระพุทธเจ้าท่านก็มีเมตตานะ

 

          ครั้งพุทธกาล สามเณรราหุลเป็นผู้ที่บวชเป็นสามเณรก่อน...

          พระราหุลนั้นเมื่อยังเด็ก ๆ อายุ ๗ ขวบ พระมารดาให้ไปขอทรัพย์สมบัติราชบัลลังก์กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงเมตตาอย่างหาที่สุดหาประมาณมิได้ ได้มอบอริยทรัพย์ให้ราหุลคือข้อวัตรปฏิบัติเพื่อเป็นพระอริยเจ้า เพื่อเป็นพระขีณาสพ เพราะทรัพย์ภายนอก ข้าวของ เงินทอง มันเป็นของใช้ชั่วครู่ชั่วคราว ไม่จีรังยั่งยืน เวลาลาละสังขารไปแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้ สามเณรราหุลถึงเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนา ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ ๗ ขวบ

 

 Large_td012

          เด็กน้อยมันได้บรรลุธรรมเหมือนกัน ถ้าได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          เด็กน่ะ ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติ มันง่าย หัวจำกำลังดี กำลังพร้อมที่จะฝึกประพฤติปฏิบัติ

 

 

          พวกสามเณรทั้งหลาย พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติ อย่าไปคิดว่าตัวเองยังเด็ก ยังน้อย กำลังอยู่ กำลังกิน กำลังนอน เดี๋ยวจะเป็นสามเณรอ่อนแอ...

 

          เรายังเป็นเด็ก ๆ เราเกิดมายังไม่นาน เรายังไม่ได้สร้างบาปสร้างกรรมมาก มันดีกว่าคนที่เค้าเกิดมานาน สร้างบาปสร้างกรรมเยอะ ให้คิดอย่างนั้นนะ

 

Large_td018

          สำหรับญาติโยมที่ไม่ได้มาบรรพาอุปสมบท มีเหตุมีปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องทำ ทั้งทางด้านจิตใจและก็หน้าที่การงาน พระพุทธเจ้าท่านก็มีเมตตาให้เรารักษาศีล ๕ ปฏิบัติศีล ๕

 

          ศีล ๕ นี้ เป็นศีลของฆราวาส เป็นศีลของพระโสดาบัน ผู้ที่ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย

 

          คนส่วนใหญ่ คนส่วนมากจะมีความคิดเห็นว่า เราอยู่ในบ้าน อยู่ในสังคมมันรักษาศีล ๕ ไม่ได้ แต่ที่แท้จริงแล้ว ศีล ๕ เป็นศีลของผู้ที่อยู่ที่บ้าน อยู่ในสังคม ถ้าใครต้องการประพฤติปฏิบัติ มันก็ปฏิบัติได้

  

          “คนที่มันปฏิบัติไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติ...”

          ส่วนใหญ่คนพวกนี้ก็จะพากันทำตามสังคม ทำตามกระแสของสังคม สังคมเขานิยมดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ ดื่มไวน์ ก็พากันดื่ม สังคมเขานิยมเล่นการพนัน เล่นหวย เล่นสลากกินแบ่ง “นิยมสิ่งที่มันผิด...”

 

          การพนันสิ่งที่มันผิด ก็ไปออกกฎหมายรองรับไม่ให้มันผิด เช่นเราพากันเล่นหุ้น หรือซื้อสลากกินแบ่งนี้ ตามหลักแล้วมันผิด แต่เพราะความโลภ ก็ไปออกกฎหมายรองรับว่ามันถูกต้อง หรืออย่างเช่นบ่อนคาสิโนต่าง ๆ หลายประเทศทั่วโลกนี้มันผิด แต่ไปออกกฎหมายรองรับไม่ให้มันผิด...

 

          อย่างเหล้าเถื่อนนี้ก็ไปว่ามันผิด แต่เหล้ารัฐบาลอนุมัติเก็บภาษีนี้ก็ว่ามันถูก อันที่จริง จะเหล้าเถื่อนหรือเหล้ารัฐบาลมันก็เมาเหมือนกัน

 

          “เราจะไปเอาตามสังคม ตามสิ่งแวดล้อมเราก็รักษาศีล ๕ ไม่ได้…”

 

          จิตที่ส่งออกไปตามกระแสนี้เป็นการสร้างภพ สร้างชาติ สร้างบาป สร้างกรรม

 

          พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุก ๆ คนเห็นว่า เราเกิดมาก็เกิดมาคนเดียว เวลาเราแก่ เราเจ็บ เราตาย เราก็ตายคนเดียว เราเกิดมาก็ไม่ได้เอาอะไรมา เวลาเราจะไปก็ไม่ได้เอาอะไรไป

 

          ศีล ๕ มันเป็นศีลของเราเอง เป็นข้อวัตรปฏิบัติของเราเอง ตัวศีลก็คือตัวพระพุทธเจ้า

          คนจะรักษาศีลได้ มันต้องไม่มีตัวไม่มีตนนะ มันถึงรักษาศีลได้ ถ้าเรามีศีลมันก็มีธรรมในตัว มันเป็นสมาธิธรรมชาติไปเลย “ถ้าเรามีศีล ก็มีสมาธิเป็นพื้นฐาน  ก็มีความตั้งมั่นในความดีตลอดกาล…”

 Large_td029

          เราเกิดมา เราก็เห็นแต่คนเค้าทำบาปทำกรรมกัน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยู่ด้วยการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำมาหากินก็แข่งขันกัน แย่งทรัพยากร ที่อยู่อาศัย เราเกิดมาก็เห็นอย่างนั้น เห็นผู้หลักผู้ใหญ่เขาทำอย่างนั้น เราเลยมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วเราก็ทำตามเขาด้วยความอิ่มใจ ด้วยความพอใจ...

 

          มันเป็นความเห็นผิด มันเป็นความเข้าใจผิดด้วยการทำติดต่อกันไป เราจะไปโทษใครก็ไม่ได้เพราะว่ามันเป็นอย่างนี้ “เราต้องว่าให้เราเองนี้แหละ เพราะว่าเรามันเกิดมาต้องได้มาพบมาเจอ...!”

 

          ศีล ๕ นั้นทุกคนย่อมทำได้ ต้องทำได้ ถ้าไม่ได้พระพุทธเจ้าท่านไม่ตรัสไม่สอน แต่จะให้เขาปฏิบัติกันได้หมดทุกคนนั้นไม่ได้หรอก คนหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น อาจจะมีคนหนึ่งทำได้ “เราพยายามจับตัวอย่างเอาในสิ่งที่ดี ๆ นะ...”

 

          ครั้งหนึ่งในอดีตสมัยพุทธกาล มีหญิงคนหนึ่งที่เป็นพระโสดาบัน เขามีสามีเป็นพรานป่า มีอาชีพล่าสัตว์ตัดชีวิต ล่าสัตว์มาขาย มาบริโภค เขาก็อยู่ด้วยกันได้

          ตอนเช้าเขาก็เตรียมหน้าไม้ เตรียมอาวุธให้สามีเขา แล้วก็เตรียมข้าว เตรียมอาหารเสบียงเดินทาง แต่จิตใจของเขานั้นเป็นพระอริยเจ้า เขาไม่ยินดีในการฆ่าสัตว์ ไม่ยินดีในการบริโภคเนื้อสัตว์ จิตใจเขาก็ไม่เป็นบาปเป็นกรรม เพราะเขาไม่ยินดีในการกระทำ แม้แต่บริโภคนี้ก็ไม่ยินดี

 

 

          พระพุทธเจ้าท่านให้เรามาแก้ที่ใจของเรา ตัวเจตนานี่ อย่าไปครึ่ง ๆ กลางๆ กำ ๆ กวม ๆ ทำแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นคนลูบ ๆ คลำ ๆ ในศีล ในข้อวัตรปฏิบัติ

 

          เน้นที่ใจของเรา... คนอื่นเขาจะทำหรือไม่ทำมันก็เป็นเรื่องของเขา เราอย่าไปคิดว่าคนนั้นคนนี้เขาไม่ปฏิบัติ เราอย่าไปคิดอย่างนั้น ถ้าเราไปคิดอย่างนั้นมันรักษาศีลไม่ได้

           “เขากินเหล้าเราก็ไม่ได้เมากับเขา เค้าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเราก็ไม่ได้บาปกับเขา...”

 

          ธรรมะของพระพุทธเจ้ามันเป็นทางสายเอก มันเป็นวิมุติหลุดพ้น มันมีความเป็นหนึ่งของมันเอง ศีล ๕ นี้ถึงได้เป็นศีลของพระอริยเจ้า เป็นศีลของคนที่อยู่เป็นฆราวาส

 

          ทุกท่านทุกคนปฏิบัติได้ถ้าเห็นคุณค่าเห็นประโยชน์ ที่มันปฏิบัติไม่ได้ก็เพราะมันไม่เห็นคุณค่าเห็นประโยชน์...

          เราทำธุรกิจหน้าที่การงานไปอย่างมีความสุข แล้วเราก็รักษาศีลเราปฏิบัติธรรมไปด้วยอย่างมีความสุข พระพุทธเจ้าท่านให้เราปรับปรุงทั้งกาย วาจา จิตใจไปพร้อม ๆ กัน

 

          ในวาระส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พรของพระพุทธเจ้าที่พวกเราจะได้รับที่ประเสริฐคือ ศีล ๕ ที่เราจะได้รับเอาไปประพฤติปฏิบัติ เป็นศีลของพระอริยเจ้า เป็นศีลของพระรัตนตรัย ศีล ๘ ศีล ๑๐ นี้ก็เป็นศีลของพระอนาคามีจนไปถึงพระอรหันต์

 

          หวังว่าทุกท่านทุกคนจะได้รับพรจากพระพุทธเจ้า เพื่อจะได้นำมาประพฤติปฏิบัติด้วยความตั้งอกตั้งใจ

 

          ทุกท่านทุกคนให้คิดว่าเราต้องปฏิบัติได้ เราต้องทำได้ คนอื่นเขาไม่ทำก็ช่างหัวเขา แต่ตัวเองต้องประพฤติปฏิบัติ “เพราะชีวิตของเรานี้ไม่มีค่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติ”

Large_td050 

          คนเราที่เกิดมานี้ เวลาตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรกเป็นส่วนมาก เทวดาที่หมดอายุขัยก็ลงไปนรกเป็นส่วนมากด้วยเพราะความประมาท

 

          คนเราไม่มีใครเก่ง มันแก่ มันเจ็บ มันตายด้วยกันหมดทั้งนั้น

          ทุกคนก็มีลูกหลาน มีอะไรที่จะให้เราเป็นห่วงวิตกกังวลมาก แต่นี้มันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องดูแลกัน ต้องเมตตากันที่มันเกิดมาด้วยกัน ต้องทำให้ดีที่สุดนะ...

 

          อย่าไปลืมพ่อ ลืมแม่ ลืมญาติ ลืมพี่น้อง ลืมวงศ์ตระกูล คนเรามีเงิน มีทรัพย์สมบัติ มีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มันก็มืดไปหมด มันลืมหมด ลืมแม้กระทั่งพ่อ กระทั่งแม่  แล้วก็ลืมตัวเองนะ...

 

          จะรักษาศีล ๕ มันก็กลัว วันพระจะมารักษาศีล ๘ มันก็กลัว จะมาอยู่วัดปฏิบัติธรรม ๓ วัน ๗ วันมันก็กลัว มันมืด มันเมา มันหลง มันมองไม่เห็นสิ่งที่ดีที่งาม มันลืมตัวเองว่าต้องประพฤติปฏิบัติ

 

          ต้องกลับมาหาตัวเอง กลับมาเริ่มต้นที่ใจของตนเอง จะได้เข้าถึงความสุขความดับทุกข์ที่แท้จริง เพราะเรื่องทิฐิมานะ เรื่องหลงตัวเอง มันเป็นเรื่องความเผลอ ความประมาทนะ

 

          “ถ้าเราไม่เตือนตนแล้วใครจะมาเตือนเรา” เพราะเราเองไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้มีอะไร ที่มันมีมันเป็นก็เพราะความโง่ ความหลงของเราว่ามันมี มันเป็น มันได้ มันเสีย จิตใจมันเลยวุ่นไปหมด งงไปหมด...!

 

          พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่า มานะทั้ง ๙ ที่สำคัญว่าเราดีกว่าเขาก็ไม่ใช่ สำคัญว่าเราเสมอเขาก็ไม่ใช่ สำคัญว่าเราเลวก็เขาก็ไม่ใช่ ถ้าเรามีความสำคัญอย่างนั้นแสดงว่าเรามีทิฐิมานะ เรายังมีตัวมีตนอยู่ เรายังต้องได้รับการแก้ไข

 

          จะแก้ไขที่ไหน…? ก็ต้องแก้ไขที่ใจของเรานี้แหละ เพราะมันไม่ใช่เรื่องภายนอก มันไม่ใช่สิ่งภายนอก มันเป็นสิ่งภายใน เพื่อให้ไม่ให้จิตใจของเรามันหลงทิศหลงทาง เพื่อจะได้เข้าถึงเอโก มรรคโค มีจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง มีจิตใจเป็นหนึ่ง มีจิตใจสงบ มีจิตใจเย็นเป็นพระนิพพานทุกท่าน ทุกคน ทุกเมื่อ...

Large_td049


 

 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย

วันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๔

 

 

หมายเลขบันทึก: 481412เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2012 05:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท