ต่อจากตอนที่ 1 ครับ เราพูดถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญคือการที่ AI Thailand ได้มีโอกาสร่วมเป็น Co-sponsor งานประชุมนานาชาติครั้งแรกด้าน Appreciative Inquiry ของไทย ผมได้มีโอกาสนั่งเรียน และทานข้าวกับศาสตราจารย์เดวิดสองสามครั้ง ...
....
ในการสอน Appreciative Inquiry (AI) อาจารย์เน้นพื้นฐานที่สำคัญคือคำว่า "Positive Image of the Future" หรือภาพอนาคตที่เป็นบวก..ในตอนเย็นวันที่ 27 พวกเราได้มีโอกาสนั่งคุยกับอาจารย์...มีคนหนึ่งถามอาจารย์ว่า..อาจารย์เคยทำ AI ในเคสยากๆ ประเภทที่ทะเลาะกับแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไหม เพราะตอนนี้ประเทศไทยมี...อาจารย์บอกว่า อาจารย์เคยทำ..มีครั้งหนึ่งอาจารย์ร่วมงานกับองค์การสหประชาชาติ เข้าไปในประเทศอาฟริกาใต้..ช่วงที่คนผิวขาว เริ่มยอมสละอำนาจ..ให้คนผิวดำเข้าไปมีส่วนร่วม..ตอนนั้นอาฟริกาใต้กำลังจะวางแผนว่าจะทำอย่างไรดีกับประเทศ..เพราะไอ้การแบ่งแยกสีผิวก็ยังมีอยู่ ถึงจะหมดไปบางส่วนก็อาจเกิดการแก้แค้น..ถึงขั้นอาจหลายเป็นสงครามกลางเมืองไม่จบสิ้นได้อีก..
....
ตอนนั้นอาจารย์เลยจัดการประชุมแบบ AI หรือเราเรียกว่าเอไอ ซัมมิท..ดึึงทุกผ่ายมามีส่วนร่วม..ตั้งแต่กลุ่มหัวรุนแรงที่สุด ทั้งผิวขาวและผิวดำ..เนลสัน แมนเดลล่าก็มา..
....
แต่หัวข้อแทนที่จะเป็น เราจะยุติปัญหาการแบ่งแยกสีผิวได้อย่างไร..
....
อาจารย์บอกขืนตั้งชื่อแบบนี้คนจะนึกถึงแต่การแบ่งแยกสีผิว.เหราะมันชวนให้เห็นว่าปัญหายังมีอยู่...อาจารย์เล่นอย่างนี้เลย..ไม่ให้ความสำคัญมันอีก..ตั้งชื่อเลยว่า..
...
"อาฟริกายุคหลังการแบ่งแยกสีผิวจะเป็นอย่างไร"
...
ประมาณว่าสร้างภาพใหม่กันทีเดียว...เลิกสนใจสิ่งไม่ดี..แล้ว "คิดสร้างสรรค์" สิ่งดี เป็นยุคใหม่ไปเลย..
...
ด้วยวิธีนี้การเปลี่ยนผ่านประเทศ ที่มีการแตกแยกอย่างฝังรากลึกมานาน..จึงเป็นไปอย่างราบรื่นครับ
เป็นอีก 1 ตัว AI ที่ชัดเจนกับการนำไปประยุกต์ใช้มากๆ เลยค่ะ อาจารย์ภิญโญ ^_^