"เรามีเวลาจำกัด" ... (เรามีเวลาจำกัด : ว.วชิรเมธี)


พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่ ชื่อ "เรามีเวลาจำกัด" เป็นการเรียนรู้ความตายของ สตีฟ จ็อบส์ ชายผู้เกิดมาเขย่าโลก 

 

 

ผมได้มีโอกาสอ่านตอนชื่อเดียวกับหนังสือ ประทับใจมากครับ

จึงขอนำเนื้อหาบางส่วนมานำเสนอในบันทึกนี้

 

 

เรามีเวลาจำกัด

 

ดูเหมือนว่า สตีฟ จอบส์ จะเตรียมใจสำหรับวาระสุดท้ายของเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วพอสมควร ดังนั้น ในสุนทรพจน์ของเขาที่กล่าว ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในปี ๒๐๐๕ จึงพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างคนที่เข้าใจธรรมดาของชีวิตอย่างลึกซึ้ง เพราะแม้แต่ความตาย เขาก็ยังมองให้เห็นด้านที่เป็นบวกต่อชีวิต

 

 

 



"ตอนผมอายุสิบเจ็ด ผมอ่านคำคมประโยคหนึ่งที่ว่าไว้ทำนองนี้ 'ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายของคุณแล้วละก็ วันหนึ่งคุณจะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง' ผมรู้สึกประทับใจกับประโยคนี้มาก ตั้งแต่นั้นมานานกว่าสามสิบสามปี ผมมองหน้าตัวเองในกระจกทุกวันแล้วถามตัวเองว่า 'ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของผม ผมจะอยากทำสิ่งที่ผมกำลังจะทำในวันนี้หรือเปล่า' แล้วเมื่อไหร่คำตอบคือ ไม่ ติดกันหลายวัน ผมจะรู้ตัวเองว่าผมต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่างบ้างแล้ว

 

"ความสำนึกว่าผมจะต้องตายในไม่ช้า เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่ผมรู้จักที่ผมใช้ในการตัดสินใจสำคัญ ๆ ของชีวิต เพราะเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวัง ความภูมิใจ ความกลัวการหน้าแตก และความผิดพลาดทั้งหลาย ล้วนไม่มีความหมายอะไรเลยเมื่อเทียบกับความตาย เหลือเพียงสิ่งที่สำคัญที่สุดจริง ๆ เท่านั้น มรณานุสติเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมรู้ ที่จะหลุดพ้นจากบ่วงความคิดที่ว่า เรามีอะไรต้องเสีย เราทุกคนเปล่าเปลือยอยู่แล้ว"

 

"ประมาณหนึ่งปีก่อน หมอบอกว่าผมเป็นมะเร็ง ผมไปเข้าเครื่องสแกนเวลาเจ็ดโมงครึ่งตอนเช้า ผลออกมาชัดเจนว่ามีเนื้อร้ายที่ตับอ่อนของผม ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตับอ่อนคืออะไร หมอบอกว่าเขาค่อนข้างแน่ใจว่าผมเป็นมะเร็งแบบที่รักษาไม่หาย และผมไม่น่าอยู่ได้นานเกินสามถึงหกเดือน หมอบอกให้ผมกลับบ้าน ไปสะสางเรื่องต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่ ก็เป็นโค้ดของหมอที่แปลว่าให้ไปเตรียมตัวตายนั่นแหละครับ แปลว่าให้พยายามบอกลูก ๆ ภายในไม่กี่เดือนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่คนปกติมีเวลาสิบปีที่จะบอก แปลว่าให้เก็บความรู้สึกทุกอย่างให้เรียบร้อย ให้ครอบครัวไม่ยุ่งยากใจ เมื่อเวลามาถึง แปลว่าให้เอ่ยคำลา"

 

"ผมหมกอยู่กับคำวินิจฉัยนั้นทั้งวัน เย็นวันนั้นผมไปเข้ากระบวนไปออปซี คือ หมอต้องหย่อนกล้องเอ็นโดสโคปลงไปในคอผมผ่านกระเพาะไปยังลำไส้ เอาเข็มฉีดยาแทงเข้าตับอ่อน ดูดเซลล์มะเร็งบางเซลล์ออกมา ตอนนั้นผมอยู่ได้เพราะฤทธิ์ยาชา ภรรยาซึ่งอยู่ในห้องด้วยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเซลล์มะเร็ง หมอหลายคนถึงกับร้องไห้ เพราะปรากฎว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนชนิดหายากที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด หลังจากนั้น ผมก็เข้ารับการผ่าตัด ตอนนี้ผมสบายดีแล้วครับ"

 

"นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตผมเข้าใกล้ความตายมากที่สุด ผมหวังว่า มันจะไม่มาใกล้กว่านี้ และในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า เพราะผมได้ประสบด้วยตัวเอง ผมเลยสามารถเล่าสิ่งต่อไปนี้ให้น้อง ๆ ฟังด้วยความมั่นใจกว่าตอนที่ความตายเป็นแค่นามธรรมสำหรับผม"

 

"ไม่มีใครอยากตายหรอกครับ ขนาดคนที่อยากไปสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนไปถึง ถึงกระนั้นเราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากมัน แต่นั่นเป็นสัจธรรมที่ควรจะเป็น เพราะความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง กำจัดของเก่าเพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่ ตอนนี้น้อง ๆ ทุกคนเป็นของใหม่ แต่อีกไม่นานนับจากนี้ น้อง ๆ จะกลายเป็นของเก่าที่ธรรมชาติต้องกำจัด ขอโทษอาจฟังดูเวอร์นะครับ แต่มันเป็นความจริง"

 

"เวลามีจำกัด ดังนั้น อย่าทำให้เปล่าประโยชน์ด้วยการใช้ชีวิตของคนอื่น อย่าตกเป็นทาสของกฎเกณฑ์ นั่นคือ การใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของทัศนคติคนอื่นดังกลบเสียงของหัวใจของเราเอง และที่สำคัญที่สุดคือ จงมีความกล้าที่จะเดินตามสิ่งที่หัวใจและสัญชาตญาณเรียกร้อง เพราะสองสิ่งนี้รู้อยู่แล้วว่าน้อง ๆ อยากเป็นอะไร ทุกอย่างที่เหลือเป็นเรื่องรองลงมาทั้งนั้น"

 

......................................................................................................................................................

 

เติมคำลงในช่องว่าง "ความคิด"

 

คนเรามักจะละเลยในการใช้ชีวิต หลายครั้งที่เราปล่อยผ่านเวลาอย่างน่าเสียดาย หลายคน "ทิ้งเวลา" ไว้อย่างนั้น ไม่ได้เสียดายเวลาที่เสียไป บางคน "ทิ้งโอกาส" อันน้อยนิด เพราะเห็นว่ามันน้อยเกินไป จึงไม่ทำ แต่ลืมคิดไ้ว้่ว่า แล้วเมื่อไหร่โอกาสจะกลับมาอีกครั้ง หรือชั่วชีวิตอาจจะไม่มีโอกาสก็ได้

เวลาเดินไปข้างหน้า ไม่เคยมีย้อนหลังกลับไปได้ โปรดได้ใช้เวลาของชีวิตเราให้คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนที่เวลาจะหมดลง

 

เพราะว่า...

 

"เรามีเวลาจำกัด"

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...

 

......................................................................................................................................................

ขอบคุณหนังสือธรรมดี ๆ

ว.วชิรเมธี (นามแฝง).  เรามีเวลาจำกัด.  กรุงเทพฯ : ปราณ, ๒๕๕๕.

หมายเลขบันทึก: 478295เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 02:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 16:00 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ความสำนึกว่าผมจะต้องตายในไม่ช้า เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก  ที่ผมใช้ในการตัดสินใจสำคัญ ๆ ของชีวิต เพราะเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวัง ความภูมิใจ ความกลัวการหน้าแตก และความผิดพลาดทั้งหลาย ล้วนไม่มีความหมายอะไรเลย...เมื่อเทียบกับความตาย

ขอนำประโยคนี้ไปไว้เตือนตัวพี่เอง เมื่อพบเหตุการณ์ที่อาจทำให้เราจิตตก

สวัสดีค่ะอาจารย์

ชอบงานเขียนของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธีค่ะ

เรามีเวลาจำกัด อ่านแล้วก็ได้เตือนตนและเตรียมตัวค่ะ

แม้หากวันนี้เป็นวันสุดท้าย คงใจหายเหมือนกัน

มีหลายอย่างที่ห่วงนั้น เวลาที่แสนสั้นได้ใคร่ครวญค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สุดท้าย..กับเวลา..ที่ไม่มีเวลา..ความตาย..(แฮะ)...สวัสดี..ควมตาย..คำทักทาย..จาก..ยายธี

อ่านแล้วคิดถึงเพลง "ฉันเหลือเวลาอีกนานเท่าไร" ของพี่ตู๋- นันทิดา

บางเวลาการคิดว่าเราจะตายในเร็วๆ นี้ หรือตายเมื่อไหร่ไม่รู้

ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จก็เป็นการเสริมแรงได้จริงๆ ค่ะ

"เวลาเดินไปข้างหน้า ไม่เคยมีย้อนหลังกลับไปได้ โปรดได้ใช้เวลาของชีวิตเราให้คุ้มค่ามากที่สุด ก่อนที่เวลาจะหมดลง"

   ประโยคนี้โดนจริง ๆ ค่ะอาจารย์ หลายต่อหลายครั้งหนูมักจะทิ้งโอกาสไว้ แล้วมานึกได้ทีหลังว่าน่าจะทำ หรือน่าจะคว้าไว้ แต่ก็สายไปเสียแล้วล่ะค่ะ

" ... ถึงกระนั้นเราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากมัน แต่นั่นเป็นสัจธรรมที่ควรจะเป็น เพราะความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง กำจัดของเก่าเพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่"

ความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด! ที่ธรรมชาติให้เรามา

ถ้าร่างกายมันเก่าสุดฝืนสุดทนแล้ว เปลี่ยนร่างใหม่ก็ ก็ ดี...ใช่ไหม? (ติดอ่างเลยอะ)

...ถ้ามีชีวิตอยู่อีกเพียงวันเดียว เราจะทำอะไร?

ขอบคุณมากค่ะ

ได้แรงบันดาลใจจากอาจารย์อีกแล้วคะ

...

เพราะความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง

...

ขอบคุณสำหรับคำเตือนใจให้ไม่ยึดติด ลาภ ยศ สรรเสิรญ

ไม่สำคัญผิดว่าต้องมีเราอยู่ องค์กรจึงจะอยู่ได้

พร้อมเปิดทางให้ต้นกล้างอกงามทดแทนได้เสมอ..

เราไม่รู้หรอกว่าความตายรอเราอยู่ที่ไหนบ้าง....แต่ขอให้เรารอความตายอยู่ทุกๆที่....

คงต้องไปหาหนังสือ.. มาเก็บไว้บ้างแล้ว

ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ

ใช่เลยครับ คุณ ถาวร ... "เวลาเรามีจำกัด" จริง ๆ ด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ ;)...

"มรณานุสติ" นะครับ คุณ ยายธี ;)...

ขอบคุณมากครับ

ทำให้ดี ทำให้สำเร็จ นะครับ คุณครูนก noktalay ;)...

ขอบคุณมากครับ

ก็ถือเสียว่า เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า นะครับ ดอกหญ้าน้ำ ;)...

ขอบใจมากจ้า

ถือเป็นคำเตือนสติตนเองนะครับ คุณ ตะวัน♣เบิกฟ้า ;)...

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์เสือ.... ความตายมีอยู่ทุกที่..แล้วแต่ว่าใครจะเดินไปชน...ปล่อยวางมากขึ้นค่ะ..

ขอบคุณมากครับ คุณหมอบางเวลา ป. ที่ได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ในทันที เยี่ยมมาก ๆ ครับ ;)...

นมัสการพระคุณเจ้า Phra Anuwat ;)...

ขอบพระคุณมากครับท่าน ;)...

ยินดีและขอบคุณเช่นกันครับ kunrapee ;)...

ยินดีสำหรับการปล่อยวางครับ คุณครู Rinda ;)...

ขอบคุณมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท