เรื่องเล่า..จากรูปวาด


ไม่มีรูปดี หรือรุปเลว ..ไม่มีคนดี หรือคนเลว

สำหรับแม่ต้อยแล้ว การวาดรูปดูคล้ายจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวเสียเหลือเกิน. แม้ว่าในตัวตนของแม่ต้อยนั้นดูจะหลงไหลในศิลปะการวาดรูปมากมาย ชื่นชมคนวาดรูปเป็น แม่ต้อยว่าคนวาดรูปคือคนที่จรรโลงให้โลกนี้อ่อนละมุนและงดงาม

 

ด้วยความคิดเช่นนี้ที่บ้านของแม่ต้อยจึงมีรูปวาดมากมาย. เป็นภาพที่วาดจากศิลปินดังต้นแบบ. เช่นโมเน่ต์หรือแวงโก้ะ แม้แต่ศิลปินที่นั่งวาดภาพตามท้องถนนแถวๆยุโรป แม่ต้อยก็ซื้อมาไว้เป็นที่ระลึก

หนักกว่านั้นคือยามใดที่ได้มีโอกาสไปต่างประเทศก็มักจะบอกให้ลูกๆพาไปถิ่นที่เป็นๅต้นกำเนิดของศิลปินดังเหล่านี้ เช่นที่ฝรั่งเศสก็ได้ไปเที่ยวสวนสวยของโมเน่ต์ ไปดูแกลอรี่ ภาพวาดของแวงโก้ะ. เป็นต้น

น่าหมั่นไส้จริงนะเนี่ย. อิอิ

 

แม่ต้อยเคยไปนั่งให้ศิลปินแถวสีลมวาดภาพให้ด้วยนะเออเดี๋ยวจะหาว่าชอบแต่ฝรั่งดังๆ

 

 

เมื่อย้อนหลังไปนาน. นานมาก ตั้งแต่เมื่อแม่ต้อยเรียนหนังสือน่าจะระดับประถมศึกษาปีที่๗( สมัยก่อนเขามีถึงป๗นะคะ) น่าจะเป็นปีพศ๒๕๐๗แถวๆนั้น ( บอกแล้วว่านาน นาน มาก อิอิ)

 

จำได้ว่าพอถึงชั่วโมงวาดเขียน เพื่อนๆเขาดีใจ ที่ได้เรียน แม่ต้อยเองก็ดีใจด้วย.  แต่ภาพวาดของแม่ต้อยนั้นหากคะแนนเต็มสิบคะแนนอย่างมากแม่ต้อยจะได้ไม่เกินสามคะแนน ฮ่าๆๆ

 

เพราะว่ารูปวาดของแม่ต้อยนั้นมันมีลักษณะบูดๆเบี้ยวๆชอบกล

ในสมัยก่อนใครวาดเก่งๆเขาจะนำไปแสดงในงานกาชาดประจำปี มีการให้รางวัลที่๑. ที่๒ ตามลำดับ แม่ต้อยได้แต่ไปยืนมองดูรูปที่เพื่อนๆวาด  นึกในใจว่า ทำได้ไงนะ!!!

 

มีครั้งหนึ่งครูวาดเขียนป่วย ทางโรงเรียนจึงให้ภารโรงมาสอนแทน

คุณลุงภารโรง. แกเก่งมากนะคะ แม่ต้อยจำได้แม่นยำ เพราะว่าแกไปยืมหม้อหุงข้าวใบใหญ่ๆของเมียแกมาเป็นแบบ ให้นักเรียนทุกคนวาด

 

รูปหม้อใบนั้นของแม่ต้อยแบนราบมองไม่ออกว่าเป็นหม้อ หรือเป็นไหคะ

อีกคราวหนึ่ง. หนนี้คุณครูมาสอนเองคะ. เขาให้นักเรียนวาดรูปดอกกุหลาบสวยมาก

วิธีการคือครูจะใส่ตารางเป็นช่องๆ แล้วให้นักเรียนวาดเส้นตามนั้น หากลากเส้นได้ดี ภาพจะออกมาเป็นกุหลาบเป้ะเลย

 

แต่กระนั้น กุหลาบของแม่ต้อยก็ยังบิดเบี้ยว ไม่ตรงกับตารางที่เขากำหนดให้

 

". นี่เขามีตารางเธอยังลากไม่ถูกเลย..". คุณครูบ่นพึมพัม เดินผ่านแม่ต้อยไปชมผลงานของเพื่อนๆคนอื่นๆ

 

ตั้งแต่วันนั้น แม่ต้อยจึงคิดว่าแม่ต้อยคงไม่มีทางที่จะวาดรูปได้ดีอีกแล้ว

 

จวบจนมีเรื่องราวผ่านมาในชีวิตมากมาย แม่ต้อยได้ทำโครงการSHA. ชึ่งอาจารย์อนุวัฒน์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

โครงการนี้เป็นการเติมเต็มให้ระบบบริการสุขภาพของเราเพื่อให้คุณภาพนั้นครบบริบูรณ์. คำว่าบริบูรณ์นี้คือคุณภาพที่ดีและละเอียดจนสื่อได้ถึงจิตใจถึงจิตวิญญาณ คนทำงานต้องละเอียดอ่อน มีความรักเป็นพื้นฐาน

งานใดเล่าจะละเอียดอ่อนเท่ากับงานด้านศิลปะและสุนทรียศาสตร์ทั้งปวง

 

สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความงดงามและความรักอันแผ่ไพศาล

 

SHA จึงรับเอาความสุนทรียะ นี้เป็นส่วนหนึ่งในระบบงานเพื่อเยียวยาทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

งานศิลปะจะเป็นตัวเชื่อมโยงไม่ให้ระบบคุณภาพแข็งตัวมากเกินไป อีกทั้งงานด้านสุขภาพที่แท้จริงแล้วมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์โดยแท้

เมื่อคุณหมอโกมาตรมาบอกว่ามีศิลปินท่านหนึ่งชื่อครูเทพ กำลังทำโครงการศิลปะชูใจ และต้องการเข้าไปชักชวนให้หมอ พยาบาลในโรงพยาบาลมาวาดรูป. และเป็นไปได้อยากให้โรงพยาบาลทำเป็นแกลอรี่สักที่หนึ่ง

คุณหมอโกมาตรนี้ ที่จริงแล้วเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจและชักจูง ให้แม่ต้อยในการนำเรื่องนี้มาทำ. ก็จากการบรรยายอย่างถึงรสถึงชาดของคุณหมอนั่นแหละคะ.

เรียกได้ว่า โกมาตรคิด ดวงสมรทำ ก็ย่อมได้ อิอิ

 

อาจารย์อนุวัฒน์เอง แม่ต้อยเห็นว่าอาจารย์เป็นคนที่มีจินตนาการสูงมีความละเอียดอ่อนในจิตใจ จึงเป็นคนที่เข้าใจในเรื่องราวที่แม่ต้อยอยากทำอย่างเร็วมาก จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างลงตัวและมีผลลัพธ์ที่ดี

 

กลับมาที่โครงการศิลปะชูใจ. มีรพ เข้าร่วมจำนวน๑๖แห่งในระหว่างการลงไปวาดรูปแม่ต้อยไม่เคยมีโอกาสเข้าร่วมแม้แต่ครั้งเดียว

จนเมื่อเร็วๆนี้ทางน้องมาบอกว่าครูเทพจะขอพบปะกับน้องๆจากโรงพยาบาลเพื่อเสวนากัน. ในคราวนีแม่ต้อยจึงไม่ยอมพลาดโอกาส

แม่ต้อยนั่งฟังรู้สึกแปลกใจที่น้องหลายคนเล่าให้ฟังว่าเดิมทีเขาคิดว่าเขาวาดไม่เป็น แต่เมื่อได้พบกับครูเทพและทดลองกลับพบว่าเขานั้นวาดได้ และวาดได้ดีด้วย

 

ภาพวาดที่แม่ต้อยได้เห็นเป็นประจักษ์พยานที่ดี

 

และเมื่อครูเทพหยิบเอากระดาษปึกหนึ่งออกมาให้พวกเราดู. กระดาษปึกนั้นเป็นภาพที่ลูกศิษย์ครูเทพหัดวาดภาพสัตว์ต่างๆแล้วทิ้งไว้เพราะคิดว่ารูปนี้ไม่ดี

 

" ไม่มีรูปดี หรือไม่ดี"

"ไม่มีคนดีหรือคนเลว"

 

ครูเทพบอกให้คิด ลึกซึ้งมากๆคะ

 

และเมื่อแม่ต้อยหยิบภาพบนกระดาษเหล่านั้น มาพิจารณา. ภาพต่างๆบนกระดาษนั้นเป็นภาพการ์ตูน  เช่น รูปเด็กหัวจุก บางภาพเป็นภาพตลก หัวเป็นเสือตัวเป็นปลา.

นี่ภาพน่ารักทั้งนั้นเลย ...ครูเทพบอก

 

ครูเห็นคุณค่า. แม้คนที่วาดยังมองไม่เห็นคุณค่า

 

และหยิบสมุดโน้ตมาพลิกเปิดให้แม่ต้อยดู. มันเป็นสมุดโน้ตน่ารักกระดาษถนอมสายตา น่าจะเป็นของจากประเทศญี่ปุ่น ที่ทำให้มีค่าคือในทุกๆแผ่นจะมีการ์ตูนเป็นลายเส้นเล็กๆเป็นรูปน่ารัก เช่นแมว เด็กสวมกิโมโน

ตามสไตล์ญี่ปุ่น

ภาพไม่ได้ดีไปกว่าภาพวาดที่อยู่บนกระดาษที่ทิ้งไว้เลย. จริงๆ. แต่เขาสามารถเอามาสร้างความภูมิใจได้. เอามาทำให้มีมูลค่าได้

 

"การวาดภาพ  เราต้องเชื่อว่าเราทำได้ " ครูเทพบอก

 

แบบนี้ก็ต้องลองดูสักหน่อย. แม่ต้อยจึงใช้ความกล้าหาญในการวาดรูปอีกครั้ง ตั้งแต่เลิกราไปเมื่ออายุแค่๑๒ปี. อิอิ

ผลเป็นอย่างไรแม่ต้อยได้เล่าไปแล้ว. แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ" ความเป็นครู". ของครูเทพ

 

 

จะมีใครรู้ไหมว่าหลังจากกลับมา แม่ต้อยจะนั่งวาดรูปเกือบทุกวัน ภาพคงไม่สวยเท่าไหร่หรอกคะ แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ แรงบันดาลใจจากครูนั้นสำคัญมากนัก

 

ลูกๆถามว่า แม่ไปเรียนวาดภาพมาจากไหนเนี่ย วาดสวยนะ

แม่ต้อยจึงบอกลูกว่า" แม่มีครูดี". ครูที่สามารถดึงเอาสิ่งที่อยู่ในตัวตนอออกมาได้ ตามที่เรามีอยู่

สิ่งที่ิเราต้องทำต่อไปคือการฝึกฝน และสะสมประสบการณ์

เรื่องเล่า..จากรูปวาด จึงจบสมบูรณ์พียงเท่านี้คะ

                        สวัสดีคะ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #SHA ศิลปะชูใจ
หมายเลขบันทึก: 477632เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2012 10:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2012 10:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

กำลังทำความมั่นใจอยู่ว่าจะวาดได้นะครับ อิอิ

โอโหแม่ต้อยมาในแนวปรัชญาอีกแล้ว สบายดีไหม ถ้าวาดรูปแวนโก๊ะ ต้องวาดตอนมีหูข้างเดียว 555555

ขอให้กำลังใจค่ะ..บางคนเริ่มต้นจากการถ่ายภาพในมุมที่ตนสนใจ.. เก็บภาพที่สวยงามเจริญใจได้เช่นกันนะคะ..

Blank
สวัสดีคะ 
มิตรภาพยังงอกงามเสมอนะคะ ขนาดแม่ต้อยหายไปตั้งนาน ขอบคุณมากคะ
Blank

 สวัสดีคะ

โอ้โห  ให้วาดรุปขนาดนั้นเลยหรือคะ ขอคิดก่อนคะ แฮ่มๆๆ

คิดถึงนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท