ในภาพเป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งลาลับจากไปไกล เขายืนอยู่ใต้ร้าน ที่เราปลูกบ้านและออกแบบให้มีร้านสำหรับไม้เลื้อยไต่ขึ้นไป ให้ร่มเงา
คิดและเลือกตัดสินใจหาพันธุ์ไม้ว่าจะปลูกอะไรเป็นไม้เลื้อยที่ มีดอกสีงาม และไม่หนักนักสำหรับร้านตรงนี้
ร้านนี้อยู่ตรงหน้าบ้าน ส่วนที่เป็นชานบ้านไปในตัว
เราจึงอยากได้ไม้เลื้อยที่มีดอกสีหวาน ๆ แบบที่ไม่ใช่เห็นบ่อยนัก
ไม่ใช่เฟื่องฟ้าเพราะเห็นใจคนดูแลทำความสะอาด
ไม่ใช่การเวกทั้งที่เป็นไม้โปรดของคนใกล้ตัว เพราะมันจะหนักเกินไป
ร้านตรงนี้ทำด้วยไม้ระแนงจะทานน้ำหนักไม่ไหว
ไม่ใช่เล็บมือนาง เพราะเราเลือกเขาไว้หน้าบ้านตรงส่วนที่คล้ายกาแลของประตูรั้วไปแล้ว
คิดไปคิดมา ต้องเป็นไม้เลื้อยที่มีดอกสีขาว หรือนวล จึงตัดสินใจลง หิรัญญิการ์ ไปก่อน
ปลูกและเฝ้าดู สังเกตอยู่นาน ปรากฏว่า หิรัญญิการ์ไม่ชอบที่ตรงนี้กระมัง แดดแรงไปไหมนะ เพราะเธอไม่โตขึ้นเลย
จึงต้องเปลี่ยนความคิด
เปลี่ยนพันธุ์ไม้
ไปได้คำแนะนำจากพี่คนปลูกบ้านว่า พวงครามก็งามนักนะครับ ไม่หนัก และกิ่งก้านทรวดทรง เอวองค์ลออตางาม มีบิดซ้ายบิดขวาดั่งนางละคร
เอาก็เอา เราจึงลงมือหา พวงคราม
หาไม่ง่ายนัก ได้มาสี่ต้น แต่ละต้นยังเล็กนัก สูงเพียงยี่สิบเซนติเมตร เกินหนึ่งคืบของเราไปห้าหกเซ็นติเมตร (เคยวัดหนึ่งคืบของเราไว้ว่าเท่ากับสิบห้าเซนติเมตร)
เราเริ่มปลูกพวงครามไว้หน้าบ้าน ใต้ร้านตรงนี้สองต้น ขวาและซ้าย
อีกสองต้น ปลูกไว้ใต้ต้นพญาสัตบรรณ หน้าบ้านเช่นกัน เผื่อเหลือเผื่อขาด
แรกนั้น สองต้นที่ปลูกใต้ต้นพญาสัตบรรณโตเร็วกว่ามาก เพราะพยายามสูงเพื่อรับแสงแดด
อย่างไรไม่ทราบ สองต้นที่ใต้ร้านหน้าบ้านนี้ โตแซงหน้าไปไกล ตามไม้รวกที่เราปักนำให้เธอเลื้อยขึ้นร้าน
มีต่อ
ไม่มีความเห็น