415. ผีหลอก..ทฤษฎีระบบเปิด..และโอดี


ว่าด้วย Appreciative Inquiry ตอนที่ 415

อยู่ดีๆ..ลูกสาวเกิดกลัวผีขึ้นมาครับ..บางทีก็เกิดขึ้นกลางดึก..ประมาณหวาดผวา..ก็ปลอบก็ให้กราบพระ..ได้โอกาสพาไปวัด สอนสวดมนต์ครับ..แล้วก็เริ่มถึงบางอ้อ..ไปถามคนอื่นเขาก็บอกว่า..ประมาณแปดขวบนี่แหละ..เริ่มกลัวผีแล้ว..ไม่พอ เพื่อนที่ห้องก็เริ่มเล่าเรื่องผี..ตอกย้ำไปอีก เมื่อสัปดาห์ก่อน..ไปชมคนทำงานบ้าน.."ดำ ดำเก่งมากนะ..ลูกสาวอาจารย์นี่ดื้อไม่ฟัง..กับดำนี่เขาเชื่อ..."

...

"ไม่มีอะไรค่ะอาจารย์เลี้ยงเด็ก..ถ้าไม่ฟังก็บอกว่า..เดี๋ยวผีมาหลอกหนูแล้ว..แค่นี้แหละ มานั่งตักเลย"

..

เอาเข้าไป...สอน เลี้ยงดูกันอยู่ดีๆ..ก็มีใครมารู้มาป้อนข้อมูลให้ลูกเราได้กลัว..

...

จับคำพูดคำว่า "ข้อมูล หรือภาษาอังกฤษคืออินฟอเมชั่น (Information) ให้ดี.." นี่แหละครับ..เป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญของโอดี (OD) ครับ ตอนนี้คนพูดถึง OD มาก และ AI ก็เป็น OD อีกแนวทางหนึ่งด้วย...

...

สังเกตไหมครับ..เราสร้างระบบเลี้ยงลูก..มีเขาเป็นอินพุท..มีกระบวนการก็คืออาหาร คำสอน การดูแลสุขภาพ..เราก็หวังถึงเอ๊าพุท คือออกมาเป็นเด็กดี..ถ้าเลี้ยงแล้วออกมานิสัยไม่ดี..เราก็ต้องไปหา "ข้อมูล" จากภายนอก..นี่ก็แทบยุ่งครับ..แต่เนื่องจากระบบนี้ไม่ใช่ระบบปิดครับ..เราไม่สามารถขังลูกเราไว้ในฟาร์มเหมือนไก่ได้..ลูกก็จะสัมผัสกับ "ข้อมูล" อื่นๆ..จากโลกภายนอก..นี่แหละครับ..เป็นที่มาของอะไรประหลาดๆ..ที่ว่ามีทั้งดีไม่ไดี..

...

แน่นอน เจอปัญหาครับ..ลูกกลัวผี..แต่ก็ได้โอกาสชักนำลูกให้สวดมนต์ ไหว้พระ ไปวัด..พ่อแม่ก็ได้ตรวจสอบความเชื่อ ความศรัทธา..ไปถามหลวงพ่อกล้วย...ว่าเด็กๆ..ควรทำอย่างไร..ท่านก็บอกว่างง"ก็เรียนหนังสือสิ" และท่านก็เน้นเรื่องพื้นฐาน..ประมาณว่าไม่ต้องไปไกล..เอาอะไรดีๆ วินัยพื้นฐานนี่แหละ..

...

ครับ..ปัญหาในระบบเปิด ทำให้เกิดปัญญา เกิดทางออกครับ..

...

สองสามวันหลังนี้ลูกไม่บ่นเรื่องผีอีก 

...

การพัฒนาองค์กรก็เหมือนกันครับ..ชาว OD เชื่อในระบบเปิด..ชาว OD จะต้องรู้จักทฤษฎีพื้นฐานคือ The Open System Theory (ดิ โอเพิ่น ซิสเต็ม ทีออรี่ย์) ซึ่งคือระบบใดๆ..ไม่ได้ประกอบด้วยแค่ปัจจัยป้อนเข้า (อินพุท หรือ Input) กระบวนการผลิต (โปรเซส หรือ Process) และผลผลิต (เอ็าต์พุท Output) เท่านั้น ยังมีการตอบสนอง (Feedback) และที่สำคัญ ข้อมูลจากภายนอก (Information) ครับ ส่วนระบบปิดคือมีแค่สามตัวแรกครับ

....

จะเห็นว่ากรณีศึกษาเรื่องผีหลอกนั้น..ระบบการเลี้ยงลูกไม่ใช่ระบบปิดครับ..สิ่งที่พ่อแม่สอนกลับถูกรบกวนด้วย "ข้อมูล" จากภายนอกครับ..ซึ่งก็กลายเป็นว่าระบบนี้ต้องปรับตัว ด้วยการดึงข้อมูลดีๆ..จากภายนอกมาป้อนเข้าระบบ..ที่สุดระบบก็เข้าสู่สมดุลย์

.....

การพัฒนาองค์กร เราใช้เครื่องมือหลายๆอย่างที่พัฒนามาจากทฤษฎีนี้ครับ..คุณจึงเห็นว่า OD เราจะเน้น "การมีส่วนร่วม" อย่างสูงครับ..เพราะอะไรๆ เพราะจริงๆ คนทุกระดับต่างมีส่วนร่วมในองค์กรครับ...

...

หลายครั้งที่คุณรักร้านบางร้าน เพราะพนักงานแสนสุภาพ (ดูตัวอย่าง S&P ครับ ที่ถ้าคุณมีลูกเขาจะดูแลลูกคุณดีมากๆ...หลายคนพูดๆ..ถามว่าเกี่ยวกับอาหารไหม) มีบางร้านในขอนแก่น ขอโทษเขาบอกว่า "ดิฉันไม่ชอบเด็กๆค่ะ ชอบวิ่งรบกวน(หมายถึงเด็กเล็กๆ) " ได้ผลเกิดการบอกต่อ..คุณคงตอบได้ว่าอยากไปร้านไหนมากกว่า..

....

นี่ไงครับ..เวลาพัฒนาองค์กร..เช่นโครงการ AI เราเอาลูกค้ามามีส่วนร่วมด้วยครับ..บางทีเราเรียกว่าผู้มีส่วนได้เสีย..

...

บางโครงการแม้กระทั่งเด็กส่งเมล็ดกาแฟ เราก็ดึงมามีส่วนร่วม..ปรากฏว่า กลับได้อะไรที่คาดไม่ถึง..ตอนหลังเขาบอกว่าไม่เคยมีใครคุยอะไรดีๆ กับเขา..เขาเลยบอกข้อมูลว่า.ที่ไหนซื้อเขาไปเท่าไหร่..ลูกศิษย์เลยได้ "ข้อมูล" ของคู่แข่งไปเลย..

...

เห็นประโยชน์ของ Open System ยังครับ..

...

ใน OD เรามีเครื่องมือเยอะครับ.. ไม่ว่าจะเป็น AI ซึ่งก็เน้นการมีส่วนร่วมแบบสุดๆ..KM..LO..Action Research..World Cafe..Open Space Techonology...ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมเช่นกัน ในทุกระดับ

...

ทั้งหมดเน้นการมีส่วนร่วม..เพราะข้อมูลจากภายใน ภายนอก..จากทุกส่วน ทุกองคาพยพ ล้วนมีความสำคัญครับ..

...

ยังไม่จบเรื่องระบบเปิดนะครับ

...

คุณล่ะ คิดอย่างไร

หมายเลขบันทึก: 472724เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2011 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 13:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เช้านี้ที่อาคารสหเวชศาสตร์ มีทำบุญครับ ท่าน อาจารย์ ดร.อาดุล ท่านเล่าว่า "นิสิต เจอ อาจารย์ใหญ่ ที่ชั้น ๒ ของอาคาร บ่อยครับ"

ขอบคุณที่ทำให้เห็นความสำคัญของ การตอบสนอง (Feedback) และที่สำคัญ ข้อมูลจากภายนอก (Information) ค่ะ

ซึ่งก็กลายเป็นว่าระบบนี้ต้องปรับตัว ด้วยการดึงข้อมูลดีๆ..จากภายนอกมาป้อนเข้าระบบ..ที่สุดระบบก็เข้าสู่สมดุลย์ .. ขอบคุณค่ะ และขอบคุณอาจารย์ที่แนะนำหนังสือ Marketing 3.0 ในบทความนี้ค่ะ  อ่านบางส่วน แม้ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่แนวโน้มยุคที่สาม ดูจะประยุกต์ได้กับการศึกษา การแพทย์ ด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท