ทบทวนตนอยู่หลายเพลา เอะ! เรากำลังทำร้ายตัวเอง หรือใครทำร้ายเรากันแน่แต่เมื่อทบทวนและได้คำตอบแห่งตน ว่าแท้จริงแล้วไม่มีใครทำร้ายเราได้ นอกจากใจเราทำร้ายใจเราให้สั่นคลอนไปเอง หากใจสั่นคลอนย่อมเท่ากับการไปทำลายระบบการเต้นของหัวใจให้ผิดปกติ และส่งผลต่อกายให้ค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง หากไม่มั่นฝึกจิตให้นิ่ง และไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงแห่งชีวิต อาจจะตกเป็นเหยื่อของเชื้อโรคร้ายได้ง่าย ๆ ภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือ สติ และปัญญาแห่งตน จึงให้รู้ทันและเตือนตนอยู่เป็นนิจอย่างมีสติ และต้องมีสตังค์ด้วยถึงจะดี (อ้าว!! ไปกันใหญ่)
เอะ!! นั่น ๆ อะไรกันหนอวางกองอยู่ตรงหน้า อ่อ...หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 26 สิงหาคม 2549 หยิบขึ้นมาดูและพริกไปพริกมาเปิดดูไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้า 25 เจอคอลัมภ์สรรหา...มาฝาก เรื่อง “เด็กสาว 1 ใน 10 เคยทำร้ายตัวเอง” น่าสนใจมากกก...นั่นเจอของดีแล้วเรา อ่านต่อเถอะนะ...
ดร.คาแรน ร็อคแฮม อาจารย์ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยบาธ ได้ทำการสำรวจกลุ่มวัยรุ่นนักเรียน อายุ 15-16 ปี โดยการพูดคุย พบว่า กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงในอังกฤษ 1 ใน 10 ตั้งใจทำร้ายตัวเอง และมีเด็กสาวทำร้ายตัวเองมากกว่าเด็กหนุ่มถึง 4 เท่า ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ความตั้งใจทำร้ายตัวเองกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นง่ายมากในกลุ่มวัยรุ่นที่อังกฤษ โอ!! พระเจ้าจ๊อด แล้วในประเทศไทยเราล่ะ น่ากลัวและน่าวิตกกังกลค่ะ อ่านต่ออีกนิดค่ะ
อ.คีธ ฮอว์ตัน จากศูนย์ศึกษาปัญหาฆ่าตัวตาย ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้พบรายงานเรื่องการทำร้ายตัวเองเพียงแค่ 13% แต่เฉพาะจากเพื่อนนักเรียนที่มีโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนที่นอนเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้นนะ อ้าว!! ทำให้นึกต่อไปว่าแล้ววัยรุ่นที่แอบไปทำร้ายตัวเองโดยไม่มีใครรู้ล่ะ มีอีกเท่าไรกัน!! ยังมีคำถามตามมาอีกว่า อะไรคือแรงจูงใจ ที่ทำให้วัยรุ่นชายหญิง ตัดสินใจทำร้ายตัวเองล่ะ ก็ทั้ง ๆ ที่มนุษย์เราทุกคนต่าง “รักตัว...กลัวตาย” กันทั้งนั้น แล้วทำไมปัญหานี้จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในกลุ่มวัยรุ่นประเด็นนี้น่าคิดค่ะน่าคิด หรือเพราะมนุษย์ต้องการหาวิธีหนีไปให้พ้นจากความทุกข์ใจ!!
เมื่ออ่านเสร็จจึงนั่งทบทวนตนอีกรอบ บุญเท่าไรแล้วที่เราไม่เคยคิดฆ่าตัวตายก็เพราะว่าเรามีที่ปรึกษาที่ดีนะสิ อ้าว!! แล้วถ้าเราไม่มีที่ปรึกษาที่ดีละ ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร? แล้ววัยรุ่นอีกมากมายหลายคนเขาเหล่านั้นเคยได้รับคำปรึกษาที่ดีจากใครหรือเปล่า? แต่ที่แน่ ๆ ในยามเราทุกข์ใจ อย่าขังตัวเองไว้ในห้องคนเดียว ให้ออกมาเดินสูดอากาศข้างนอกบ้านซะ มาดูต้นไม้ใบหญ้า ดูมด ดูแมงที่โบยบิน จะได้รู้ว่าความอิสระแห่งใจคืออะไร? หันไปหันมาไม่เจอใครก็ให้วิ่งเข้าบ้านไปดูหน้าพ่อหน้าแม่สักครั้งสองครั้ง ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ดูให้ลึกเข้าไปในดวงตา กอดท่าน ร้องไห้กับท่านสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าที่เราคิดจะทำร้ายตัวเองมันผิด!! มากแค่ไหน
การทำร้ายตัวเองไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา...ปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอ...หากจะคิดแก้ปัญหาก็จงอย่าทำร้ายตัวเอง ก่อนอื่นต้องนิ่งและเรียกสติกลับมาให้ได้ก่อน และจะพบว่า “ประตูแห่งความทุกข์ใจแต่ละบาน สามารถเปิดและไขออกได้ด้วยกุญแจแห่งปัญญา”
อ้าว!! ฉบับเดียวกันเหรอคะ...งั้นก็เท่ากับเอามะพร้าวมาขายสวนสิคะเนี่ย...แต่ไม่เป็นไรนะคะอ่านสองรอบจะได้ซึมซับข้อมูลทำให้จำนานคะ จะได้ไม่ลืมอะไรง่าย ๆ ว่าใหมค่ะคุณพี่
มาอีกรอบครับ ชอบใจจังเลยที่บอกว่า “ประตูแห่งความทุกข์ใจแต่ละบาน สามารถเปิดและไขออกได้ด้วยกุญแจแห่งปัญญา”
เมื่อได้อ่านเป็นครั้งที่ 2 ในเรื่องนี้ และลองย้อนคิดกลับดี ๆ จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่า...
หากอาจารย์น้องพอจะตอบได้ ก็ลองดูสิครับ อาจจะทำให้คนขี้สงสัยได้รู้เรื่องราวนี้บ้างครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง (ยิ้ม ๆ)
คุณ "พี่ชายขอบ" คะ ข้อสังเกตทั้ง 3 ประเด็นของคุณพี่ น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ คงจะต้องนั่งวิเคราะห์เป็นข้อ ๆ ไป และจะนำไปเขียนเป็นบันทึกตอบนะคะ เพราะประเด็นน่าสนใจจริง ๆ ค่ะ คำว่า "เท่านี้ก่อน" ของคุณพี่เล่นซะเจ้าของบันทึกน่วมไปเลยค่ะ แต่มีประโยชน์มากจริง ๆ คะ อย่างไรซะ อย่าลืมเติมเต็มให้กันนะคะ...ขอบพระคุณยิ่งในความสงสัยของคุณพี่ ที่มีประโยชน์นักแล
คุณพี่ seangja คะ ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับการต่อยอดเพื่อเติมเต็มให้กัน คห.ของคุณพี่ช่วยจุดประกายความคิดของผู้เขียนได้เยอะแยะมากมายเลยคะ ประมาณว่ามาช่วยชี้ทางสว่างให้คนมืดบอด ที่กำลังงมเข็มอยู่ในมหาสมุทรค่ะ มีประโยชน์เหลือหลายเลยค่ะ
คุณ seangja ค่ะ เดี๋ยวจะนำเอาส่วนที่ให้ คห.ไว้ไปเขียนบันทึกไว้ในประเด็นที่คุณ "พี่ชายขอบ" ตั้งข้อสังเกตนะคะ อย่างไรซะก็ขอให้ช่วยเติมเต็มให้อีกครั้งนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
คุณ "พี่เมตตา" ค่ะ...บางครั้งบางทีที่เราหากุญแจไม่เจอก็เพราะว่า ของมีคมบางอย่างมักจะทิ่มแทงเราเข้าข้างหลังโดยที่เราไม่ทันจะระวังตัวค่ะ ด้วยความมึน งง...ก็เลยมักจะหากุญแจไม่ทันสักที
เพราะความที่คนเราหากุญแจไม่เจอจึงมักทำให้เกิดพฤติกรรมการทำร้ายตัวเองกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ขาดการยั้งคิด ปัญหานี้นับว่ายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงจำเป็นจะต้องหากุญแจให้เจอ พอเจอกุญแจของมีคมก็คงไร้ประโยชน์ที่จะใช้แล้วค่ะ...ขอบคุณ "พี่เมตตา" ที่มีความสมเมตตาดั่งชื่อค่ะ และได้มีประเด็นเพื่อจุดประกายความคิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
ประเด็นร้อนที่ post มานี้ชักจะเป็นปัญหามะเร็งร้ายของสังคมขึ้นทุกวัน
ดิฉันท้อใจทุกครั้งว่า....ทำไมเดี๋ยวนี้คนเราตัดสินใจทำอะไรสักเรื่อง....จะใช้เวลาไตร่ตรองน้อยลงทุกที
หากใช้สติ ปัญญาและเวลาไตร่ตรองอย่างรอบคอบปัญหาคงไม่เกิดขึ้นนะคะ
"อารมณ์" ชั่ววูบค่ะ คุณ "ศุภลักษณ์" ตัดสินใจโดยใช้อารมณ์และความรู้สึกของตนขณะนั้นเป็นที่ตั้ง ตัดสินใจแค่เสี้ยววินาที เพราะทนทุกข์นั้นของตนไม่ไหว และอยากหนีเพื่อให้ตนพ้นทุกข์ ถึงทุกข์กายหนักสักเท่าไร แต่หากทุกข์ใจเล่าหนักกว่าเป็นพันเท่า
วัยรุ่นส่วนใหญ่จะเจอกับปัญหาทางใจ เพราะเขายังเรียนรู้กับความเจ็บปวดไม่มากพอ ยังอยู่ในโลกของความฝัน หากแต่เมื่อได้เจอกับสภาพความเป็นจริงแห่งชีวิตจึงรับไม่ได้กับสภาพที่ต้องเจอ จึงน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการทำร้ายตัวเอง
ด้วยความที่ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบอย่างที่ คุณ"ศุภลักษณ์" กล่าวล่ะค่ะ จึงทำให้ปัญหาเกิดขึ้น เพราะเขายังขาดภูมิคุ้มกันแห่งชีวิตค่ะ จึงทำให้เขาเกิดความอ่อนแอเมื่อเจอกับปัญหา
ขอบพระคุณ คุณ "ศุภลักษณ์" มากค่ะ