คิดถึงบ้าน...คิดถึง...นะคะ


บางครั้งการอยู่ไกล ก็ช่วยเพิ่มรสความคิดถึงทำให้เวลาของการอยู่ด้วยกันมีคุณค่ามากขึ้น และสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

ฉันใช้ชีวิตในต่างบ้านต่างเมืองมาเกือบๆ ครึ่งชีวิตของตัวเอง สำหรับผู้หญิงตัว (เคย) เล็ก นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ครั้งแรกที่จากบ้านเกิดที่บ้านนอกไปเรียนต่อเมืองนอกตอนอายุสิบแปด จำได้ว่าญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง คงเกือบครึ่งหมู่บ้านไปส่งฉันขึ้นรถทัวร์เข้ากรุงเทพ เพื่อไปต่อเครื่องบินไปเมลเบริร์น ออสเตรเลีย ฉันจำบรรยากาศการอำลาครั้งนั้นได้จับใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาผู้ชาย ค่ะ..พี่ชายตัวเบ้อเริ่ม คนที่เสียงดังกว่าใครในบ้านร้องไห้ค่ะ ประทับใจสุดๆ และก็เป็นครั้งเดียวที่ได้เห็นพี่ชายร้องเพราะหลังจากนั้นคนที่ร้องคือฉันเอง เพราะทุกคนในบ้านเริ่มชินกับการไม่มีฉันอยู่ที่บ้าน แต่ฉันยังไม่ชินกับการไม่มีใคร

เมลเบริร์นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันไปถึงนั้นอากาศกำลังเย็นสบายเพราะกำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แต่ฉันกลับรู้สึกเหน็บหนาวเคว้งคว้างเหลือทน... คิดถึงบ้านค่ะ...

ค่าโทรศัพท์ทางไกลกลับบ้านนาทีละ 2 เหรียญ (ประมาณสี่สิบกว่าบาทในตอนนั้น) นักเรียนทุนจำกัดอย่างฉัน คุยได้ไม่บ่อยและไม่นานค่ะ ไม่มีน้องเมล เมสเซจ ให้ใช้เหมือนตอนนี้ การติดต่อกับทางบ้านที่ทำได้คือระบายผ่านตัวหนังสือ ผนึกแสตมป์ ส่งสเนลเมล เหรียญเดียว คุย (บ่น) นานเท่าไหร่ก็ได้

จากนั้นทุกๆ ครั้งที่กลับบ้าน คนในครอบครัวจึงต้องไปส่งขึ้นเครื่องบินทุกๆ ครั้ง

ท่ารถกับสนามบินสำหรับฉันตอนนั้นจึงเป็นสถานที่แห่งการพลัดพราก

อาการโฮมซิกเริ่มบรรเทาเบาบางลงเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับผู้คน สถานที่และชีวิตความเป็นอยู่ที่นั่น แล้วอาการนี้ก็กำเริบขึ้นอีกเมื่อไปเรียนต่อที่อังกฤษ และดูเหมือนว่าอาการคิดถึงบ้านจะหนักขึ้นตามระยะทางที่ไกลกว่าเดิม แต่ด้วยบุญที่ธรรมชาติให้มา ฉันเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ได้ดี และใช้ชีวิตที่มีให้เป็นสุขจนกระทั่งเรียนจบ

เหมือนฟ้าจะกำหนดให้ฉันต้องอยู่ไกลบ้านอีกครั้งเมื่อได้งานทำที่สิงคโปร์ ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ แต่ดีกรีการคิดถึงบ้านยังคงเท่าเดิม เพียงแต่โชคดีที่ระยะหลังมานี้ โลว์คอสแอร์ไลน์ ค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่ราคาพอพอกับโทรศัพท์ทางไกลในประเทศ เฟสบุ้ค ฟรีเมสเซส ได้ช่วยลดช่องว่างของระยะทางให้ดูใกล้กว่าที่เคยเป็น

แต่บ้านก็ยังเป็นบ้านที่ฉันคิดถึงเสมอ แม้จะไม่ได้ฟูมฟายเหมือนตอนแรกๆ

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีผู้คนหลากเชื้อชาติมาอาศัยอยู่และหางานทำ หากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีคนจากทั่วทุกมุมโลกไปขุดทอง ฉันว่าสิงคโปร์ก็คงเป็นน้องๆ ของอเมริกาที่มีคนหลากหลายสัญชาติหวังจะมาเก็บเงินสักก้อนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า เกือบ 30% ของประชากรที่นี่คือชาวต่างประเทศที่มาทำงานที่นี่ค่ะ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น... ที่ทำงานฉันมีชาวต่างชาติมากกว่าชาวสิงคโปร์จริงๆ เสียอีก

แทบทุกที่ที่ย่างก้าวเข้าไป ฉันได้ยินเสียงตะโกนในใจว่า "คิดถึงบ้าน" ดังนั้นในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สถานที่หลายแห่งจึงคึกคักไปด้วยชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ เกาะนี้ ลิตเติ้ลอินเดียของชาวอินเดีย-ปากีสถาน-บังคลาเทศ, Penisula Plaza ของชาวพม่า, Lucky Plaza ของชาวฟิลิปปินส์ และที่ขาดไม่ได้ Golden Mile Complex สำหรับพี่น้องชาวไทยค่ะ

มีครั้งหนึ่งฉันได้ต้อนรับเพื่อนคนไทยที่มาเที่ยวที่นี่ ฉันเลยพาไปทานข้าวที่ โกลเด้นไมล์ เพื่อนของฉันบอกว่าอายมากที่เห็นคนไทยนั่งจับกลุ่มเฮฮาในวงเหล้าในที่นั้น ฉันยิ้มและตอบไปว่าเธอจะไม่รู้สึกอย่างนั้นถ้าเธอจากบ้านมานานพอควร

การจากบ้านไปเที่ยวต่างประเทศอาทิตย์สองอาทิตย์ต่างจากกการไปอยู่ต่างประเทศเป็นปีๆ หรือสิบๆ ปี

ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ไปร่วมวงกับพี่น้องชาวไทยที่โกลเด้นไมล์ แต่บ่อยครั้งที่ฉันไปเปิบส้มตำรสจัดจ้าน ไปซื้อผัก ผลไม้ ขนม ที่ส่งมาขายจากเมืองไทย เพราะรู้สึกว่ารสชาติมันอร่อยกว่าของที่ขายในซุปเปอร์มาเก็ตของที่นี่ และซึมซับความรู้สึกที่ว่าฉันไม่ใช่ฉันคนเดียวที่จากบ้านมานะ ยังมีอีกหลายร้อยหลายพันชีวิตที่มีชะตากรรมที่คล้ายกัน ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ (ซาดิสซ์เล็กน้อยที่รู้สึกดีที่มีคนทุกข์ทนเหมือนเรา)

การได้นั่งดื่มกับเพื่อนที่พูดคุยภาษาเดียวกัน ทานอาหารที่คุ้นเคย อยู่ในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับบ้านที่จากมา คงช่วยให้เขามีแรงที่จะตื่นไปทำงานในวันต่อไป...ฉันคิด

ทุกครั้งที่ฉันโอดครวญเรื่องการคิดถึงบ้าน พี่ชายฉันก็จะโอดครวญเรื่องที่เขาจะต้องถูกจ้ำจี้จ้ำไช ฟังยายบ่นวันละหลายรอบ ทำให้ฉันคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ไกลอยู่ใกล้นั้นก็ไม่ต่างกัน

บางครั้งการอยู่ไกล ก็ช่วยเพิ่มรสความคิดถึงทำให้เวลาของการอยู่ด้วยกันมีคุณค่ามากขึ้น และสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

ไม่รู้เพราะความไกลหรือเปล่าที่ทำให้ฉันเป็นหลานคนโปรดของยายอยู่เสมอ หุ.. หุ..

ท่ารถกับสนามบินสำหรับฉันตอนนี้จึงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ดี เพราะที่นั่นทำให้เราได้คิดถึงกันเสมอ

.........

 

  

ไม่ได้เข้ามาที่ gotoknow นานพอสมควร หวังว่าทุกคนคงสบายดี...คิดถึงนะคะ...

 

.........

.

 

 

หมายเลขบันทึก: 470103เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2011 16:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

สวัสดีครับคุณปริม

เข้ามาก่อนเวลา

เพราะมาอ่านบันทึกครับ

รู้ว่า..ยังสบายดี...หายห่วงแล้ว

โชคดีนะครับ

สู้ ๆ สู้ตาย

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและความระลึกถึงนะคะ รู้สึกดีจริงๆค่ะ

คุณหมอคงสบายดีนะคะ

ตอนนี้เริ่มมีเวลาขึ้นมาบ้างเลยแวะมาทักทายค่ะ

แล้วคุยกันอีกค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาเจิมค่ะ....

คิดถึงเช่นกันค่ะคุณปริม :)

 

ผมคิดถึงบ้าน (บ้านในอดีต) T_T

มาเยี่ยมเยือนพร้อมภาพสวยงาม

Photobucket

 

คิดถึงเหมือนกัน บ้านเราน้ำท่วม คงยิ่งคิดถึง

ดีใจที่กลับบ้านโกฯ มาได้อ่านบันทึกนี้ เข้าใจอารมณ์ คิดถึงบ้าน ค่ะ

ส่งกำลังใจ ด้วยระลึกถึงค่ะ

อาจารย์ ...ปริม ทัดบุปผา... สบายดีนะครับ ;)...

โฮมพลิก พลิกโฮม ;)...

สวัสดีค่ะคุณหนูรี,

ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ลืมกัน หวังว่าคุณหนูรีคงสบายดีนะคะ วันนี้ฝนตกทั้งวันที่สิงคโปร์ หวังว่าที่บ้านตุณหนูรีคงไม่เปียกเหมือนที่นี่นะคะ

สวัสดีค่ะคุณบีเวอร์,

ขอบคุณค่ะที่เข้ามาทักทาย หวังว่าคุณคงคลายคิดถึงบ้านลงบ้างนะคะ

ขอให้มีความสุขกับเย็นวันเสาร์วันนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์โสภณ,

อาจารย์ยังอบอุ่นเหมือนเดิมนะคะ ดูจากภาพที่นำมาฝาก ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะท่าน วอญ่า,

ขอบคุณค่ะที่กรุณามาทักทายค่ะ บ้านคุณแม่ที่กรุงเทพก็ท่วมเหมือนกันค่ะ แม่และน้องจึงต้องอพยพกลับเชียงใหม่ชั่วคราวค่ะ ตอนนี้บ้านที่กรุงเทพเริ่มเป็นบ้านขึ้นมาแล้ว

สวัสดีค่ะคุณปู,

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ คุณปูคงสบายดีนะคะ เข้าใจอารมณ์คิดถึงบ้านแบบนี้แสดงว่าอยู่ไกลบ้านเหมือนกันใช่ไหมคะ?

ระลึกถึงคุณปูเช่นกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ Nopparat,

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์ Wasawat,

บ้านนี้อบอุ่นเพราะมีเพื่อนบ้านที่ดีอย่างอาจารย์อยู่ เลยกลับมาค่ะ

อาจารย์สบายดีนะคะ จะแวะไปเยี่ยมห้องสมุดส่วนตัวของอาจารย์ค่ะ

ไม่ได้เข้ามาที่ gotoknow นานพอสมควร หวังว่าทุกคนคงสบายดี...คิดถึงนะคะ...

 

คิดถึงบันทึกที่ ตัวอักษรลมุนละไม และคิดถึงเจ้าของบล็อกมาก ๆ เช่นกัน

คุณปริมหายไปนาน

จนคิดถึง และคิดว่างานยุ่งหรืออย่างไร

อ่านบันทึกนี้แล้ว กำลังคิดถึงบ้านจังเลย การงานพาให้มาเรียนรู้งานและหัดอยู่ไกลบ้านอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มาไกล ลอนดอนค่ะ

อืม เป็นประสบการณ์ชีวิตและเหมือนเราแกร่งขึ้นมานิด พี่ชินกับการอยู่ติดกับคนแห่งครอบครัวมานาน

เดี๋ยวต้องเขียนบันทึกไว้บ้าง ปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยน wind of change ของทั้งพ่อ แม่ และลูกพร้อม ๆ ไล่ ๆ กันค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์หมอภูสุภา,

ขอบคุณในความระลึกถึงค่ะ ที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของปริมเช่นกันก็เลยรอให้ความคุ้นเคยกลับมาอีกครั้งแล้วก็เริ่มใหม่อีกที

ขอเป็นกำลังใจให้คนไกลบ้านอีกคนนะคะ ช่วงนี้ใกล้คริสมาสแล้วบรรยากาศคงกำลังดีนะคะที่โน่น เหน็บหนาวนอกหน้าต่างแต่อบอุ่นในบ้านค่ะ...

สู้ๆค่ะ เที่ยวบ้างให้สนุกนะคะ

การได้นั่งดื่มกับเพื่อนที่พูดคุยภาษาเดียวกัน ทานอาหารที่คุ้นเคย อยู่ในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับบ้านที่จากมา คงช่วยให้เขามีแรงที่จะตื่นไปทำงานในวันต่อไป...ฉันคิด

..

เป็นความรู้สึกที่ละมุมละไมของคนไกลบ้าน
คุณปริม ได้ประสบการณ์จากหลากหลายประเทศ
ทำให้เห็นโลกมุมกว้าง และเป็นตัวแทนคนไทย
ที่แสดงให้เห็นว่าเราไม่แพ้ชาติไหนในโลก

เคยไปเรียนรู้ในสิงคโปร์หนึ่งเดือน 
แต่เพิ่งทราบ golden mile complex
ขอบคุณที่แนะนำนะคะ..

ขอบคุณค่ะคุณ ป. ที่เข้ามาทักทาย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

ที่ได้มีโอกาสไปนั่นมานี่หลายๆที่ถือเป็นความโชคดีและเป็นบุญเก่าค่ะ คงต้องตั้งหน้าตั้งตาสร้างบุญใหม่ต่อๆไปค่ะ

ถ้าคุณหมอมาที่สิงคโปร์อีก และคิดถึงอาหารไทยแบบบ้านๆ ลองไปที่ Golden Mile นะคะ

การไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน กับการแค่ไปเที่ยวประเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านเรานั้นแตกต่างกันมากจริงๆค่ะ

รายละเอียดของสิ่งที่ทำให้สุข ให้ทุกข์ของแต่ละบริบทก็แตกต่าง นึกย้อนไปตอนที่ตัวเองไปเรียนไกลสองปีไม่ได้กลับบ้าน ก็ขำๆเหมือนกันที่อยู่เมืองไทยก็ไม่ค่อยอะไรกับคนรอบตัวเท่าไรเพราะเป็นคนอิสระไม่ติดคน ไม่ติดบ้าน ไม่ติดรสชาติอาหาร แต่พอไปอยู่ไกลแหม ได้ร่วมวงพูดคุยกับเพื่อนคนไทย ได้ทำอาหารไทยทานช่างมีความสุขเหลือเกิน เมื่ออายุมากขึ้นได้ศึกษาธรรมะ ได้ฝึกฝนการเจริญสติ จึงได้เห็นว่าทุกข์สุขนั้นล้วนแต่เกิดจากการปรุงแต่งของเราคนเดียว และเห็นใจคนไกลบ้าน คิดถึงบ้านทุกคน เพราะตัวเองก็ได้ผ่านตรงนั้นมาแล้ว

ขอให้มีความสุขในทุกๆวันค่ะ

 

 

คิดถึงจังเลยสบายดีนะคะ หายไปเสียนานเชียว

สวัสดีค่ะ

แวะมาขอบคุณน่ะค่ะที่แวะไปเยี่ยม

อ่านเรื่องราวของคนไกล....ส่งกำลังใจหอบใหญ่ๆไปให้นะคะ

บ้านเราตอนนี้..กำลังจะฟื้นตัวจากอาการป่วยหนักค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่คุณนายดอกเตอร์,

ขอบคุณค่ะที่มาทักทาย พี่นุชสบายดีนะคะ

ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย พี่นุชสบายดีนะคะ

เห็นด้วยกับปประโยคที่ว่า "ทุกข์สุขนั้นล้วนแต่เกิดจากการปรุงแต่งของเราคนเดียว" ทั้งหมดทั้งมวลของความรู้สึกอยู่ที่นี่ที่เดียวจริงๆ - จิต

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ ประทีป วัฒนสิทธิ์

ขอบคุณค่ะทีแวะมาทักทายนะคะ สบายดีนะคะ

สวัสดีค่ะคุณ ✿อุ้มบุญ ✿

ค่ะห่างหายไปพักหนึ่ง กลับมาพร้อมความระลึกถึงมากมายค่ะ

คุณอุ้มบุญสบายดีนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ กิ่งไผ่ใบหลิว,

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจหอบใหญ่เลย

เอาใจช่วยคนที่บ้านเราด้วยค่ะ ขอให้มันผ่านพ้นไปไวไว

คุณแม่ปริมก็บอกว่าจะได้บ้านใหม่หลังจากทำความสะอาดก็คราวนี้ :)

สวัสดีครับ คุณปริม

หลายคนในg2k หายไปนาน พอกลับมาก้มีสิ่งดีๆมาฝากเสมอ

ขอบคุณบันทึกแห่งความคิดถึง...

ขอบคุณเพลงดอกไม้บาน สำหรับลมหายใจที่เราไม่รู้ว่าจะเข้าออกสุดท้ายเมื่อไหร่

ขอบคุณครับ...

  • มหา แวะมาอ่านคิดถึงบ้าน
  • ขอเป็นกำลังใจคนไกลบ้าน

สวัสดีค่ะคุณพิชัย

อากาศยามเช้าวันนี้สดใส

ลมเย็นๆ โพยพัดเอาความรู้สึกสดชื่นของวันใหม่มาฝาก

ขอให้เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสสำหรับคุณเช่นกันนค่ะ

สวัสดีค่ะคุณมหา

ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาทักทาย

และขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

ยินดีทีได้รู้จักนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท