เรื่องนี้ มี "โมชิ" แสดงนำ


คุณตาคุณยายนั่งทานข้าวในที่โปร่งโล่งแวดล้อมด้วยต้นไม้/ดอกไม้นานาพรรณ ต่างจากหม่ามี้และโมชิที่ทานข้าวแวดล้อมด้วยผนังสี่เหลี่ยมแคบๆ

 

 

               เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "คณยาย" บอกกับ "โมชิ" ว่า วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 จะครบ 1 เดือนที่โมชิอพยพหนีน้ำจากกทม.ไปอยู่กับคุณยายที่อุบลฯ คุณยายเลยจะเขียนบันทึกโดยให้โมชิเป็นผู้แสดงนำเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก โมชิรู้สึกตื่นเต้นมาก จะได้เป็นนักแสดงกับเขาก็คราวนี้ ก่อนนั้นเคยเป็นแต่นายแบบโดยมีหม่ามี้เป็นช่างภาพ แต่โมชิก็กลัวว่าจะแสดงได้ไม่ดีไม่ถูกใจคุณยาย แต่พอคุณยายบอกว่าให้โมชิแสดงออกตามธรรมชาติของโมชิเองก็พอ เพราะเรื่องที่จะให้โมชิแสดงนำนั้นอยู่ในประเภท "Reality Show" ก็เลยทำให้โมชิคลายความกังวลลงไปได้มากเลยแหละครับ

              เพื่อให้ท่านผู้อ่านรู้จักภูมิหลังของโมชิไว้บ้าง โมชิจะขอแนะนำตัวสักเล็กน้อยนะครับ โมชิเป็นสุนัขเพศผู้ สายพันธุ์ "ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)" ซึ่งมีความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และขี้ประจบ แต่ค่อนข้างตกใจง่าย เห่าเก่ง พระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษก็ทรงเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้และส่งเข้าประกวด เลยทำให้เกิดความนิยมในการเลี้ยงปอมฯอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ อีกอย่างด้วยความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับบทเป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง (เห็นไหมครับ โมชิเองก็มีบรรพบุรุษเป็นไฮโซ และเป็นดาราเหมือนกันนะครับ)

               โมชิได้มาเป็นลูกชายของ "หม่ามี้จ๊ะเอ๋" ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณยาย ก็เพราะวันนั้นหม่ามี้ไปเดินที่สวนจตุจักร แล้วได้สบตากับโมชิที่ส่งสายตาละห้อย จนหม่ามี้ใจอ่อนเลยขอให้คนขายนำโมชิออกจากกรงมาให้ดู หม่ามี้เห็นที่หูของโมชิมีสะเก็ดแผลด้วยก็ยิ่งสงสาร จึงตัดสินใจรับโมชิไปอยู่ด้วย โมชิได้เข้าไปอยู่กับหม่ามี้ที่ห้องชุดชั้น 8 ของคอนโดมีเนียมท้ายซอยสุขุมวิท 50 ซึ่งคุณยายซื้อให้หม่ามี้อยู่ ตอนที่หม่ามี้เลิกเรียนหมอขณะที่เรียนชั้นปีที่ 5 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะข้ออ้าง "มันไม่ใช่ตัวเอง"  ทำให้หม่ามี้ได้รับปริญญาตรี วท.บ. (วิทยาศาสตร์การแพทย์) แทนที่จะได้รับปริญญาตรี พ.บ. (แพทยศาสตร์) แล้วหม่ามี้ก็ได้เข้าเรียนหลักสูตร "Spa and Beauty Theraphy" ที่ "Chiva-Som International Academy" ที่กท.ม. ผู้เรียนอีก 6 คนซึ่งมีชาวฝรั่งเศสและสิงคโปร์รวมอยู่ด้วย เป็นผู้ใหญ่ที่มีกิจการด้านสปาหรือความงามเป็นของตนเองกันทั้งนั้น ยกเว้นหม่ามี้ที่เพิ่งออกมาจากสถาบันอุดมศึกษา

               ในช่วงวันหยุดปีใหม่ ปี 2550 โมชิและหม่ามี้ได้ไปเที่ยวที่น้ำตกห้วยหลวงอันสวยงาม (ดังภาพล่างซ้าย) น้ำตกดังกล่าวอยู่ใน "อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย" ซึ่งมีอาณาเขตอยู่ในท้องที่ 3 อำเภอของจังหวัดอุบลฯ คือ อำเภอบุณฑริก นาจะหลวย และน้ำยืน อุทยานดังกล่าว มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา พื้นที่ป่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2530 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศ (ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวให้กับจังหวัดอุบลฯ เป็นการทดแทนคุณที่ได้ให้ที่อยู่ที่กินอันอบอุ่นแก่โมชิครับ)

                       

                    เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 หม่ามี้ได้จับโมชิใส่กรงที่น้าตั้มน้องของหม่ามี้ไปหาซื้อให้ (ดังภาพบนกลาง) เพื่อเดินทางหนีน้ำจากท้ายซอยสุขุมวิท 50 ไปขึ้นรถด่วนกลับอุบลฯ ก็โมชิไม่เคยถูกจับขังกรงและไม่เคยขึ้นรถไฟนี่ครับ ก็เลยเห่าตลอดเวลาด้วยความเครียด ยานอนหลับเม็ดสองเม็ดทำอะไรโมชิไม่ได้หรอกครับ ทรมานอยู่ในกรงเป็นเวลาถึง 16 ชั่วโมง โมชิจึงได้ออกจากกรงด้วยความเมื่อยขบ เมื่อถึง "บ้านเรือนขวัญ" ของคุณยายในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม เวลาประมาณ 10.00 น. หม่ามี้เองก็สลบเหมือดอยู่หลายชั่วโมง เพราะต้องนั่งหลังขดหลังแข็งไม่ได้หลับได้นอน นั่นก็เป็นเพราะไม่อยากให้โมชิไปอยู่ที่ตู้เสบียง จึงต้องโดยสารตู้นั่งแบบเอนนอนแทนที่จะเป็นตู้นอน แถมหม่ามี้ยังเครียดเพราะเกรงใจคนนั่งข้างๆ และคนในตู้เดียวกันที่โมชิส่งเสียงรบกวนตลอดเวลา  

                  หลังจากที่หม่ามี้นอนอิ่ม ก็ได้อาบน้ำให้โมชิ เฮ้อ! ค่อยสบายตัวหน่อย โมชิชอบบ้านคุณยายมาก บรรยากาศดีกว่าห้องหม่ามี้เยอะ ต้นไม้ก็แยะ ที่วิ่งเล่นก็กว้างขวาง แต่หม่ามี้ใจร้ายไม่ยอมให้โมชิออกไปวิ่งเล่น กลัวจะเล่นสกปรกและกลัวจะถูกงูเหลือมเขมือบ (หม่ามี้ขู่ว่า งูเหลือมอาจซ่อนตัวอยู่ในป่าซ้ายขวาบ้านคุณยาย และเห็นโมชิเป็นอาหารก็ได้ แต่โมชิว่า โมชิออกจะน่ารักยังงี้พี่งูเหลือมคงเขมือบไม่ลงหรอก) ที่ดินแปลงอื่นๆ แถวบ้านคุณยายปลูกบ้านเต็มหมด ยกเว้นสองแปลงซ้าย/ขวาบ้านคุณยาย ที่ราวกับเบื้องบนจะรู้ว่าคุณยายรักต้นไม้ใบหญ้า จึงดลบันดาลให้เจ้าของที่ดินซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณยายตั้งราคาขายไว้สูง จนไม่มีใครกล้าซื้อไว้ปลูกบ้าน เวลาที่หม่ามี้ไม่อยากให้โมชิลุยเข้าไปสำรวจสวนสมรมของคุณยาย (ชื่อนี้คุณยายได้มาจากทางใต้หมายถึงสวนที่ปลูกต้นไม้หลายๆ ชนิด) หม่ามี้ก็จะจับโมชิไปยืนบนที่นั่งระเบียงหน้าบ้าน เพราะรู้ว่า โมชิไม่กล้ากระโดดลงมา ไม่รู้ว่าคุณยายแอบถ่ายภาพโมชิตอนไหน (ภาพบนขวา) โมชิชอบนะครับ เพราะดูตัวเองเป็นคน (เอ๊ย! น้องหมา) ที่หล่อเอาเรื่องอยู่นะครับ

                 กลับถึงอุบลฯ ได้วันเดียวหม่ามี้ก็ต้องไปงานศพเพื่อนที่เคยเรียนชั้นม.6/1 ที่โรงเรียนเบญจะมะมหาราชด้วยกัน โมชิวิ่งตามจึงถูกหม่ามี้จับไปยืนบนเก้าอี้นวดที่คุณยายซื้อให้คุณตาสอ แต่ตาสอไม่ยอมขนไปที่ฟาร์มบอกว่าเกะกะ (คุณยายบ่นว่า ตาสอไม่เคยรักษาน้ำใจคุณยายเลย เพราะมีอาการสมองซีกขวาลืมทำงาน คือ ไม่เคยใช้อารมณ์ความรู้สึก ใช้แต่สมองซีกซ้ายที่เป็นซีกของเหตุผล) คุณยายสงสารโมชิจึงหาทางช่วยให้โมชิลงจากเก้าอี้ แต่โมชิไม่ยอมให้คุณยายอุ้มแถมยังทำท่าจะกัดคุณยายอีก คุณยายจึงโทรฯ ไปปรึกษาน้าตั้มที่พาน้องพลอย หนูดีและบีเอ็ม (สุนัข) ไปอยู่ที่อุดรฯ น้าตั้มได้แนะนำให้คุณยายเอาของกินล่อโมชิ คุณยายลองทำดูและยังทำสะพานลาดเอียงเป็นทางลงจากเก้าอี้นวดให้ด้วย แต่โมชิก็ยังไม่กล้าลงอยู่ดี คุณยายขัดใจบ่นว่าโมชิใจเสาะ หลายชั่วโมงผ่านไป คุณยายเกิด "Insight (หยั่งรู้)" จึงคว้าหมอนอิงไปดุนหลังโมชิ ทำให้โมชิขยับตัวไปข้างหน้า แล้วโมชิก็เดินลงไปตามทางลาดเอียงจนถึงพื้น 

                   อยู่กับคุณยายที่อุบลฯ โมชิติดใจเนื้อปลานิลเผาเกลือที่คุณยายให้กินมาก เพราะอร่อยกว่าอาหารเม็ดของหม่ามี้เยอะเลย อีกอย่าง โมชิคงจะ "ลุย" ขึ้นเยอะ ด้วยการฝึกฝนของคุณยาย อยู่อุบลฯ ได้อาทิตย์เดียว หม่ามี้บอกว่าจะกลับกทม.โดยเที่ยวบินเช้า อ้างว่าจะไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม และจะนำโมชิขึ้นเครื่อง แต่คุณยายไม่ยอม เพราะน้าตั้มเคยนำสุนัขขึ้นเครื่องแล้วสุนัขช็อคเสียชีวิต คุณยายกลัวว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ก็เลยให้โมชิอยู่กับคุณยายไปก่อน ช่วงที่โมชิอยู่ด้วย คุณยายไม่ได้ออกไปที่ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" เลย เพราะตาสอเลี้ยงสุนัขแบบว่า แม้เดินผ่านบนพื้นระเบียงหน้าบ้านแกก็ยังไม่ยอม ในขณะที่โมชิเองได้รับการเลี้ยงดูแบบนอนกับเจ้าของ โมชิชอบคุณยาย คุณยายเองก็รักโมชิที่ช่างประจบเคล้าเคลีย ไหว้ขอของกินจากยายประจำ พอยายทำเป็นไม่สนใจก็จะสะกิดอยู่นั่นแหละ

                  วันเสาร์ที่ผ่านมา "คุณตาสอ" ไปที่บ้านเรือนขวัญ ตอนที่ตาสอเปิดประตูบ้านและประตูรั้วเพื่อขับรถออกไปทำธุระ โมชิตามเห่าตาสอออกไปถึงนอกรั้ว ตาสอไล่ให้กลับเข้าบริเวณบ้านแต่โมชิไม่ยอมเข้า ตาสอก็เลยปิดประตูโดยที่โมชิยังอยู่นอกรั้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณยายไม่รู้เพราะทำงานอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน พอเที่ยงวัน คุณยายลงมาจากชั้นสองเพื่อจะขับรถไปล้าง แล้วไม่เห็นโมชิ ออกไปตามหาในบริเวณสวนหน้าบ้านหลังบ้านก็ไม่เจอ จึงไปตามหาแถวบ้านใกล้เรือนเคียงก็ไม่มี คุณยายตกใจมาก โทรฯ ไปถามตาสอ พอรู้ว่าตาสอตั้งใจปล่อยให้โมชิอยู่นอกรั้ว คุณยายหัวเสียมาก ว่าตาสอทำเช่นนั้นได้อย่างไร คุณยายเองไม่เคยปล่อยให้โมชิออกจากตัวบ้านตามลำพัง อย่าว่าแต่จะไปอยู่นอกรั้วเลย คุณยายบอกให้ตาสอกลับไปช่วยตามหาโมชิ สุดท้ายพบว่าโมชิไปอยู่ในบริเวณบ้านที่ห่างออกไปหลายหลัง โดยอาจหาญไปทะเลาะกับสุนัขบ้านนั้นซึ่งมีหลายตัว โมชิไม่ยอมให้คุณยายจับตัว งับคุณยายไปก็หลายเขี้ยวดีว่าไม่เข้า กว่าคุณยายจะหลอกล่อจนโมชิยอมให้อุ้มกลับเข้าบ้าน คุณยายก็เหงื่อตกและเสียหมูยอไปหลายชิ้น 

                   เย็นวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน ตาสอได้ขับรถไปรับคุณยายและโมชิเข้าฟาร์ม คุณยายกลับจากสอนก็ห้าโมงเย็นแล้ว ไหนจะต้องรดน้ำต้นไม้ จัดข้าวของ ไปซื้อโซ่ผูกคอ/เชือกกจูงให้โมชิและจ่ายตลาด จึงถึงฟาร์มเวลาประมาณทุ่มครึ่ง ตื่นนอนตอนเช้าของวันเสาร์ที่ 19 พ.ย. โมชิก็ต้องร้องว้าว! เพราะโมชิไม่เคยเห็นท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหน สวยงามแบบท้องฟ้าที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้

                    คุณยายผูกเชือกจูงโมชิไว้กับขาโต๊ะระเบียงบ้าน แล้วออกไปกำจัดวัชพืชสวนหย่อมรอบบ้าน แต่โมชิกัดเชือกจูงจนขาดแล้วแอบวิ่งตาม "พี่ข้าวเหนียว" ออกไปสำรวจด้านหน้าฟาร์ม โดยมีพี่ข้าวเหนียวคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ สักครู่มีเพื่อนของพี่ข้าวเหนียวมารอที่หน้าฟาร์มหลายตัว พี่ข้าวเหนียวเลยมุดรั้วลวดหนามออกไปพบเพื่อนๆ โมชิก็มุดตามออกไป พี่ข้าวเหนียวจึงแนะนำให้โมชิรู้จักกับเพื่อนๆ ของพี่ข้าวเหนียวที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง โมชิว่า พวกพี่ๆ เขาหน้าตาแปลกๆ ขนก็เกรียนไม่ปุยเหมือนขนของโมชิและของพี่ข้าวเหนียว

                    

                 พอเห็นโมชิออกนอกรั้ว คุณยายรีบไปจูงโมชิที่ใต้ลำตัวเปียกน้ำค้างและคลุกดินจนมอมแมมให้กลับเข้าฟาร์มเพราะกลัวโมชิจะถูกรถชน ด้วยหน้าฟาร์มเป็นเส้นทางหลักจึงมีรถวิ่งผ่านไปมาตลอด ก่อนเข้าประตูฟาร์ม คุณยายได้หยุดทักทายลุงสายันต์ซึ่งเป็นชาวลำปางแต่ไปมีครอบครัวอยู่ที่บ้านหนองฝาง ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ ที่ตั้งฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ (เห็นไหมครับที่ใส่เสื้อสีแดงๆ กำลังก้มเก็บฟ่อนข้าวที่เกี่ยวแล้วในภาพบนซ้าย) ก่อนเข้าประตูรั้ว คุณยายถามโมชิว่าได้กลิ่นอะไรไหม แล้วคุณยายก็พบว่า เป็นกลิ่นของดอก "สัตบรรณ : White Cheesewood" ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาครที่คุณยายปลูกไว้หลังป้ายฟาร์ม สัตบรรณเพิ่งจะออกดอกเป็นครั้งแรก (ดังภาพล่างซ้าย) คุณยายของโมชิได้เสาะหาและนำต้นไม้/ดอกไม้ประจำจังหวัดต่างๆ ทั่วประทศไปปลูกไว้ที่ฟาร์ม และคุณยายยังมีสวนสมุนไพรอีกด้วยนะครับ ในวันรุ่งขึ้น คุณยายก็ได้พาโมชิไปที่สวนสมุนไพร และชี้ให้ดู "ต้นชุมเห็ดเทศ (Seven Golden Candle-sticks)" ที่กำลังออกดอกสีเหลืองสดใส (ดังภาพล่างขวา)

                      คุณยายชี้ให้โมชิดูว่า ใกล้ประตูฟาร์มทางขวามือ มี "ต้นตะบองเพชร (Cactus)"ซึ่งเป็นไม้ทะเลทราย กำลังออกดอกเต็มต้น โมชิชอบจังเลย ไม่เคยเห็นดอกตะบองเพชรแบบนี้มาก่อน

                        เดินไปอีกหน่อย คุณยายก็ชี้ให้โมชิดู "ต้นพู่จอมพล (Pink Red Powder Puff)" ซึ่งออกดอกสีชมพูบานเต็มต้น คุณยายถ่ายรูปทั้งจากมุมมองด้านในฟาร์มออกมาด้านนอก และจากด้านนอกเข้าไปด้านใน พอวันรุ่งขึ้น คุณยายก็ถ่ายรูปดอกพู่จอมพลอีกรอบ คุณยายบอกว่าสีของดอกพู่จอมพล สวยสดใสเหมือนกับสีพู่ที่หมวกของทหารรักษาพระองค์ที่สวมใส่ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามจริงๆ

                 

                      

                    พอเดินไปถึงสวนดอกไม้หน้าบ้าน คุณยายก็ชี้ให้โมชิดู "ต้นรักแรกพบ (Golden  Penda)"  ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นของออสเตรเลียทางเหนือ (หม่ามี้ชอบไม้ดอกชนิดนี้เพราะประทับใจชื่อของมัน) คุณยายบอกว่า ก่อนเปิดภาคเรียนที่สอง คุณยายได้กำจัดวัชพืช พรวนดิน ใส่ปุ๋ยและใช้เศษหญ้าคลุมโคนให้กับต้นรักแรกพบ เลยทำให้พวกเขางอกงามและออกดอกให้คุณยายได้ชื่นชม ต้นที่มีดอกสีส้มเคยออกดอกมาก่อนแล้ว แต่ต้นที่มีดอกสีชมพูเพิ่งจะออกดอกเป็นครั้งแรก ส่วนสีเหลืองที่ต้นเยังล็กเลยยังไม่ออกดอก คุณยายใช่ว่าจะทำแต่งานเบาๆ นะครับ โมชิเห็นคุณยายใช้เลื่อย เลื่อยต้นไทร กระถิน ต้นเทียนหยดที่มีลำต้นขนาดใหญ่ไปหลายต้น และยังใช้ขวานจามโคนต้นไม้ที่ตาสอทำค้างไว้บอกว่าทำไม่ไหวจะรอให้คนงานมาทำต่อ แต่คุณยายบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงมือคนงานหรอก แล้วคุณยายก็จัดการจนเรียบร้อย        

 

                ตอนเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน  ท้องฟ้าสวยอีกแล้ว คุณยายพาโมชิเดินสำรวจไปรอบๆ บ่อปลาและถ่ายภาพบ่อปลาในมุมมองจากด้านหน้าไปยังด้านหลัง และถ่ายภาพบ้านใต้เมฆสีส้มด้วย

             

                      ตอนสายๆ คุณยายได้พาโมชิไปดูสวนกล้วยถัดจากบ่อปลา เป็นกล้วยที่ปลูกไว้กินเอง ถวายพระ และเป็นของฝากญาติมิตรของคุณตาคุณยาย ไม่ได้ปลูกไว้ขาย คุณยายขัดใจอีกแล้วเพราะตาสอบอกจะตัดต้นกล้วยทิ้งทั้งหมด อ้างเหตุว่าบังต้นเพกาที่ตาสอนำมาปลูกใหม่ คุณยายบอกว่าตาสอคงสติฟั่นเฟือนไปแล้ว มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะตัดต้นกล้วยที่กำลังงามและให้ผลผลิตทิ้ง อีกอย่างคุณยายบอกว่ากล้วยเป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน โมชิเห็นคุณยายตัดปลีกล้วยในภาพที่ 2 ไปนึ่งจิ้มน้ำพริกด้วย คุณยายบอกว่าหวานมาก บางปลีจะมีรสขม และคุณยายยังได้ตัดเครือกล้วยในภาพที่ 3 ด้วย คุณยายบอกว่าอีกไม่เกินสองวันกล้วยน้ำว้าเครือที่ตัดไปก็จะสุก ส่วนภาพขวาสุดเป็นกล้วยที่ปลูกข้างทางเข้าฟาร์มด้านซ้าย ซึ่งเป็นที่สำหรับปลูกกล้วยพันธุ์แปลกๆ ที่คุณยายเสาะแสวงหามาปลูก (มีกล้วยแฝดด้วย เห็นไหมครับ) 

               

                  โมชิเห็นไก่แจ้ 3 ตัวคุ้ยเขี่ยหากินใกล้ๆ บ้าน และตอนกลางคืนจะบินขึ้นไปนอนอยู่ที่ต้นสามกษัตริย์ใกล้บ้าน คุณยายบอกว่า เคยมีไก่แจ้ที่คุณยายซื้อสายพันธุ์แท้มา 3 คู่เพื่อเลี้ยงไว้ดูเล่น ตอนหลังได้ออกลูก/หลานจนเต็มเล้า แต่ที่เหลืออยู่แค่ 3 ตัวที่หนีมาหลบอยู่ใกล้บ้าน เพราะตาสอให้คนมาจับไป (ฟรีๆ) ทั้งหมด เพราะไม่พอใจที่ไก่แจ้ไปคุ้ยปุ๋ยอินทรีย์ที่โคนไม้ผลของตาสอ (เย็นวันจันทร์โมชิได้ยินตาสอโทรฯ บอกคุณยายว่า เหลือแค่ 2 ตัวเพราะตัวเมียตัวหนึ่งถูกสุนัขกัดตายเสียแล้ว) ส่วนไก่งวงและห่านอยู่ในเล้า โมชิไม่ทันได้ไปดู นอกจากสัตว์เลี้ยงของคุณตาคุณยายแล้ว โมชิยังเห็นสัตว์ตามธรรมชาติอีกเยอะ ที่คุณยายถ่ายภาพไว้ก็มีแมลงปอที่สวนมะนาว และตั๊กแตนตำข้าวที่เกาะใบพุทธรักษาครับ

               โมชิเห็นคุณยายเก็บดอกอัญชันสีขาว สีม่วงอ่อน และสีน้ำเงินไปทำชาดื่มในตอนเช้า คุณยายและตาสอจะดื่มชาที่เรือนไทยซึ่งจะได้ดมกลิ่นดอกพุดสามสีไปด้วย ดอกพุดตอนตูมและบานใหม่ๆ จะเป็นสีม่วงเข้ม ต่อมาจะกลายเป็นสีม่วงอ่อน พอใกล้โรยจะกลายเป็นสีขาว และโมชิยังเห็นคุณยายเก็บกระเจี๊ยบไปทำน้ำกระเจี๊ยบแช่เย็นดื่มหลังอาหารเที่ยงอีกด้วย คุณยายและตาสอจะทานข้าวเที่ยงที่โต๊ะระเบียงหน้าบ้านที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้/ดอกไม้นานาพรรณ มีทั้งดอกเฟื่องฟ้า โป๊ยเซียน (ซึ่งคุณยายเขียนคำบรรยายในภาพผิดเป็นชวนชม) ชงโคและไหมจุรี ฯลฯ แตกต่างจากหม่ามี้และโมชิ ที่จะทานข้าวแวดล้อมด้วยผนังสี่เหลี่ยมแคบๆ กลับไปนี่โมชิจะปรับตัวได้ไหมน้า ชักชินกับการอยู่ในที่โล่งแจ้ง แวดล้อมด้วยดอกไม้นานาพรรณเสียแล้วสิครับ 

 

                       ตอนสายของวันอาทิตย์ มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้น คือ โมชิได้กัดเชือกจูงขาด (คุณยายนับได้ว่าเป็นครั้งที่ 6) แล้ววิ่งออกนอกประตูรั้วฟาร์มในขณะที่มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังจะผ่านหน้าฟาร์ม คุณยายวิ่งตามและตะโกนเรียกให้กลับแต่โมชิไม่สนใจ วิ่งไปตามถนนเลยกรรมตามสนอง ถูกล้อรถมอเตอร์ไซค์เหยียบเชือกจูงจนโมชิสะดุดล้มกลิ้ง คุณยายร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ กลัวโมชิได้รับอันตราย เดชะบุญที่โมชิไม่เป็นอะไร แต่โมชิก็ตกใจจนยอมให้คุณยายอุ้มกลับเข้าฟาร์มแต่โดยดี รู้สึกสงสารคุณยายเหมือนกันที่คงเหนื่อยกายเหนื่อยใจกับโมชิไม่เบา 

                     ตอนอยู่ที่ฟาร์ม โมชิจะคอยอ้อนให้พี่ข้าวเหนียวพาออกไปพบเพื่อนๆ ของพี่เขาที่นอกฟาร์ม แต่พี่ข้าวเหนียวก็จะนั่งซึมกระทือทำเป็นไม่รับไม่รู้ (ดังภาพล่างซ้าย) คุณยายบอกว่า พี่ข้าวเหนียวมีบุคลิกไม่รับไม่รู้คล้ายกับคนเลี้ยง... เฮ้อ! โมชิเที่ยวฟาร์มยังไม่ทั่วเลย ก็ต้องกลับเข้าเมืองเสียแล้ว เพราะเช้าวันจันทร์คุณยายต้องกลับไปทำงาน โมชิจึงต้องลาพี่ข้าวเหนียว (ดังภาพล่างกลาง) แล้วขึ้นนั่งกระบะหลังของรถคุณตาสอ (ดังภาพล่างขวา) ที่โมชิต้องนั่งกระบะหลัง เพราะไม่ค่อยจะกินเส้นกับคุณตาสอ เห่าคุณตาสอตลอดเลยเข้าไปนั่งด้วยกันไม่ได้

                      ปีหน้าฟ้าใหม่น้ำท่วมกทม.อีก คงได้กลับมาเยี่ยมพี่ข้าวเหนียวเป็นแน่ ("เฮ้ย! นอกบทแล้วเจ้าโมชิ" เสียงคุณยายเอ็ดแว่วมา) ปีนี้คงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เพราะได้ยินคุณยายคุยกับหม่ามี้ว่า วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน จะส่งโมชิกลับกทม.กับการบินไทย โดยหม่ามี้ไม่ต้องเดินทางมารับให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย (เป็นคำแนะนำจากน้าตั้ม...โดยบอกว่าที่สุนัขช็อคตายเพราะเป็นสุนัขเด็กๆ แต่โมชิโตเป็นหนุ่มแล้วไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ จะให้โมชิขึ้นเครื่องตามลำพัง โมชิเคยขึ้นเครื่องซะที่ไหนล่ะครับ....ใจร้าย ทุกคนใจร้าย...แต่ เอ! ก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว น่าจะดีกว่านั่งรถไฟที่ใช้เวลาค่อนวันนะ โมชิจะลองดูซักตั้งก็แล้วกันนะครับ จะได้ไปคุยอวดกับใครๆ เขาได้ว่า โมชิน่ะเคยบินมาแล้ว สู้สู้...โมชิสู้สู้...)

                     โมชิจะทำ "เหรียญทองความกล้าหาญเหรียญที่ 110" แถมให้กับประเทศไทย ที่ได้เหรียญทองเป็นเหรียญแรกและเหรียญสุดท้ายรวม 109 เหรียญใน " 26 th SEA GAMES INDONESIA 2011 : JAKARTA-PALEBANG" ซึ่งปิดฉากไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 อย่าลืมช่วยเชียร์โมชิด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

                                                       จากโมชิที่หน้าตาดีครับ

เพิ่มเติมประวัติศาสตร์การบินชองโมชิ            

             วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายยน 2554 คุณยายไปสอนตามตารางสอนเช้า (08.00-10.30 น.) หลังจากนั้นได้ไปธนาคาร แล้วไปพบสัตวแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องยานอนหลับของโมชิ สัตวแพทย์บอกว่ายากินจะได้ผลน้อยกว่ายาฉีด แต่ยายไม่มีเวลาพอสำหรับการจัดการเรื่องฉีดยา ก็เลยเลือกรับยาที่สัตวแพทย์จัดให้ 6 เม็ด ยายถามว่าต้องกินทั้ง 6 เม็ดในครั้งเดียวเลยเหรอ สัตวแพทย์ก็บอกว่าใช่ และยายก็ถามถึงเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ ระยะเวลาการออกฤทธิ์และผลข้างเคียง เมื่อเข้าใจแล้ว ยายก็ซื้อเชือกจูงให้โมชิใหม่แทนเส้นเก่าที่ถูกโมชิกัดขาดหลายท่อน หลังจากนั้นก็ไปตลาดซื้อกับข้าว และซื้อไก่ย่างกับแซนด์วิชให้โมชิ

              เวลา 13.50 น. ยายไปสอนตามตารางสอนบ่าย (13.50-16.20 น.) พอถึงเวลา 14.30 น. ยายได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มทำใบงาน และคิด/ซ้อมท่าประกอบคำขวัญกลุ่ม รอในช่วงที่ยายจะพาโมชิไปที่สนามบิน แล้วยายก็กลับไปที่บ้าน จัดการให้โมชิกินปิ้งไก่และแซนด์วิชที่หมกยานอนหลับไว้ข้างใน (ยายขอโทษนะจ๊ะโมชิ) หลังจากนั้นก็จับโมชิใส่กรงพาไปที่สนามบิน (พนักงานบริการบอกว่า ต้องนำสัตว์ไปที่สนามบินไม่เกิน 15.30 น.  ทั้งที่เที่ยวเย็นของสายการบินไทยออก 17.45 น.) ยายต้องจัดการเองเพราะกลัวตาสอทำไม่ได้ ด้วยเหตุที่โมชิจะเห่าตาสอตลอดเวลาที่เห็นหน้ากัน จึงให้ตาสอช่วยแค่ยกกรงขึ้นรถ และทำหน้าที่ขับรถรับส่งเท่านั้น เพราะยายอยากดูแลพูดคุยกับโมชิก่อนส่งขึ้นเครื่อง พอไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ พนักงานชายได้นำกรงโมชิไปชั่งน้ำหนักวัดความกว้าง/ยาว/สูง แล้วคิดค่าบริการขนส่งเป็นเงิน 572 บาท ส่วนพนักงานหญิงได้สอบถามถึงสายพันธุ์ของโมชิเพื่อเขียนในใบเสร็จ และสอบถามชื่อ-สกุลและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่ง (Shipper) และผู้รับ เพื่อเขียนในบัตรแข็งแล้วนำไปผูกไว้ด้านบนของกรงโมชิ แล้วโมชิก็ถูกทิ้งไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ คุณยายสงสารโมชิที่ยื่นจมูกออกจากกรงเหมือนอยากจะออกมาหายาย ยายจึงอ้อยอิ่งสั่งเสียโมชิอยู่นั่นแหละ จนตาสอเตือนว่า ไหนว่าจะรีบกลับไปสอน จึงได้ตัดใจเดินจากโมชิไป

              เป็นที่น่าเวทนาโมชิมาก เพราะวันนั้นเครื่องเสียเวลา กว่าหม่ามี้และน้าตั้มจะได้รับตัวโมชิจากคลังสินค้าสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เป็นเวลาถึงสองทุ่มครึ่ง จึงเป็นอันว่า โมชิต้องอยู่ในกรงถึง 5 ชั่วโมง ตอนที่รู้ว่าโมชิกินยานอนหลับ 6 เม็ด หม่ามี้ตกใจมาก บอกว่าถ้าโมชิเป็นอะไรไปเธอจะไปฆ่าสัตวแพทย์ที่จัดยาให้ และบอกให้ป้อนยาโมชิทั้งหมดในคราวเดียวกัน โมชิขำกลิ้ง ...คิคิ.. คนขี้สงสารอย่างหม่ามี้นะเหรอจะฆ่าใครได้ สวนยายเองก็โทรฯ เช็คตลอดเพราะเป็นห่วงโมชิมาก จนน้าตั้มบ่น ว่าไม้ต้องโทรฯ ถามหรอก ได้รับตัวโมชิเมื่อไหร่จะโทรบอกทันที ก็เป็นอันว่า โมชิหลานยายได้สร้างประวัติศาสตร์ "การขึ้นเครื่องตามลำพังในเที่ยวบินแรกของตนเอง" ได้สำเร็จ แล้วยายจะสั่งทำเหรียญกล้าหาญมอบให้โมชิในคราวหน้าที่เจอกันนะจ๊ะ

               ...โมชิคิดถึงยายหรือเปล่า...ยายและพี่ข้าวเหนียวคิดถึงโมชิมากๆ เลย...

   

 

หมายเลขบันทึก: 469051เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2011 17:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2013 23:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (51)
  • ด้วยเมตตาพระองค์ทรงครองราชย์
  • ประชาชาติปราศจากทุกข์เป็นสุขยิ่ง
  • “ครองแผ่นดินโดยธรรม” เป็นความจริง
  • ชนพึ่งพิงผ่านยุคเป็นสุขแท้

 

  • สวัสดีค่ะอาจารย์
  • อิจฉาโมชิจัง
  • ได้นั่งเครื่องบินแล้ว
  • ยายสุยังไม่เคยนั่งเลยค่ะโมชิ
  • ขอบคุณ คุณยายของโมชิ ที่บันทึกเรื่องราวน่ารักๆนี้ให้ชื่นชม
  • ขอบคุณค่ะ
  • ขอบคุณ "ดร.พจนา แย้มนัยนาIco64" มากนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจเสมอๆ
  • เพียงได้เห็นหน้าคนที่รักใคร่ชอบพอ ก็สุขใจนะคะ

 

  •  ท่าน "ผศ.โสภณ เปียสนิทIco48" คะ ประทับใจทั้งสาระและสุนทรีรสบทกวีอีกแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่นำสิ่งดีๆ มามอบให้เสมอๆ
  • เป็นความจริงที่ประจักษ์ใจชาวไทยทั้งปวง ดังบทร้อยกรองเทิดพระเกียรติของท่านโสภณที่ว่า

           ด้วยเมตตาพระองค์ทรงครองราชย์       ประชาชาติปราศจากทุกข์เป็นสุขยิ่ง

           “ครองแผ่นดินโดยธรรม” เป็นความจริง  ชนพึ่งพิงผ่านยุคเป็นสุขแท้

  • ขอบพระคุณมากนะคะ ที่ร้อยกรองแทนใจคนไทยทั้งผอง
  • สวัสดีค่ะ
  • อ่านสนุก และมีความสุขจังเลยค่ะ
  • รักโมชิ และข้าวเหนียวด้วย....

 

 

  • สวัสดีค่ะ "คุณพยาบาลสุภัทรา-เจติโคตรIco48"
  • ยินดีมากค่ะที่ได้รู้จักกับรุ่นพี่ของลูกสาวลูกชาย "ศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจะมะมหาราช"
  • และยินดีที่ได้รู้จักชาวหนองสูง จ.มุกดาหาร มีลูกศิษย์ชาวหนองสูงชื่อ ปทุมวัลย์ ทองมนต์ ที่เป็นมหาบัณฑิตสาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา ซึ่งได้สอนวิชาจิตวิทยาการศึกษา และได้เป็นกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของลูกศิษย์คนดังกล่าวซึ่งได้ทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียน และได้รับผลการประเมินจากกรรมการสอบ ให้ได้ระดับ "ดีเยี่ยม (Excellent)" ด้วยค่ะ
  • ได้มอบลูกสุนัขรุ่นเดียวกับ "ข้าวเหนียว" 2 ตัวให้ปทุมวัลย์ไปเลี้ยง แต่เธอบอกว่า ทั้ง 2 ตัวตายไปแล้ว สงสารมากค่ะ
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะมาอ่านบันทึกและให้กำลังใจว่าเป็นบันทึกที่น่ารัก
  • จะบอกโมชิให้นะคะว่า มีคุณพยาบาลจากหนองสูงที่อิจฉาโมชิที่จะได้นั่งเครื่องบิน
  • ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดการให้บริการของการบินไทยเลยค่ะ ลูกสาวบอกว่าต้องให้โมชิกินยานอนหลับด้วยไม่งั้นจะเห่า สงสารโมชิจังเลย รักเอ็นดูเขาเหมือนหลานชายเลยนะคะนี่

ขอบคุณนะคะ ความสุขที่นำมาแบ่งปัน ^___^

สวัสดีค่ะ

เพลินไปด้วยกับคุณยายและโมชิ ค่ะ ภาพก็สวยงาม อยากไปสำรวจกับโมชิด้วยจังเลย

 

  • สวัสดีค่ะ "ท่านศน.ลำดวนIco48"
  • ปลื้มใจและทำให้มีความสุขมมากค่ะ ที่ท่านบอกว่า "อ่านสนุก และมีความสุขจังเลยค่ะ"
  • ตอนแรกก็กังวลเหมือนกันค่ะ ว่า "Reality Show" ที่มี "โมชิ" แสดงนำ จะได้รับการตอบรับจากกัลยาณมิตรบ้างไหม Feedback (ขอโทษด้วยนะคะที่ใช้ภาษาอังกฤษ คำนี้ภาษาไทยยาวไปค่ะ) จากท่านศน.ทำให้ทั้งคุณยายที่เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ "โมชิ" ที่เป็นนักแสดงนำ และ "ข้าวเหนียว" ที่เป็นนักแสดงรับเชิญ มีความสุขไปตามๆ กันค่ะ ท่านศน.ได้บุญมากเลยค่ะที่ทำให้ทั้งคนและสุนัขมีความสุข
  • ท่านศน.มีจิตเมตตาจริงๆ ค่ะ ที่บอกว่า  "รักโมชิ และข้าวเหนียวด้วย"  ปลื้มใจและขอบคุณท่านศน.แทนเจ้าสองตัวด้วยนะคะ ในความเมตตาที่ท่านมอบให้
  • ขอให้มีความสุขทุกๆ วันนะคะ 

 

  • ขอบคุณ "คุณประทีป วัฒนสิทธิ์Ico48" มากนะคะที่แวะมาเยี่ยม 
  • ได้เข้าไปศึกษาทางสายใหม่ที่ท่านชี้แนะว่า "...เดินตามรอย..ที่ข้าบอกเล่า แล้วแหงนหน้าให้สุด..แหงนให้สุด ความบริสุทธิ์อยู่ตรงหน้าท่านนั้นแล นี้เองจักรวาลแห่งสันติสุข นี้เองคือทางสายใหม่"
  • ขอบคุณมากนะคะกับ "ทางสายใหม่...สู่สันติสุข" ที่ท่านชี้แนะ
  • ขอบคุณ "หนูรีIco48" นะคะ ที่มาแวะดู "Reality Show" ของยายหลาน
  • ชอบใยแมงมุมและผีเสื้อเหลืองหนามประดับเพชร ในบันทึกของหนูรีมากค่ะ
  • สวัสดีครับคุณพี่

    คุณพี่นี่เป็นคนตื่นเช้าจริงๆ  เห็นมาตอบจดหมายเวลานี้ทุกที่  ตอนนี้เป็นเวลาเย็นที่นี่ ผมเพิ่งกลับถึงบ้าน เจ้าโมชิตื่นหรือยังครับ

    • ขอบคุณ "คุณกานดา น้ำมันมะพร้าวIco48" มากนะคะ ที่แวะมาดู "Reality Show" บอกว่า "เพลินไปด้วยกับคุณยายและโมชิ ค่ะ ภาพก็สวยงาม อยากไปสำรวจกับโมชิด้วยจังเลย" และมีดอกไม้มาฝากด้วยค่ะ
    • เห็นไหมคะว่า ได้ดื่มชาอัญชัน 3 สีเป็นประจำทั้งที่บ้านเรือนขวัญและบ้านฟาร์มตามบันทึกแนะนำของคุณกานดา
    • และขอบคุณสำหรับเคล็ดลับหลากหลายที่แบ่งปัน รวมทั้งเคล็ดลับที่ "18. ขจัดปัญหา หมา แมว ฉี่และอุจจาระไม่เลือกที่ทำได้ โดยการโรยพริกไทยป่นลงไปบนที่มันเคย ฉี่ หรือ อุจจาระ ไว้ เพียงเท่านี้หมา แมวก็จะดมกลิ่นหาที่ที่มันเคยฉี่และ อุจจาระไม่เจอ เหตุเพราะพริกไทยป่นจะไปดับกลิ่นหมด ทางที่ดีควรสอนให้มันฉี่และอุจจาระ ในห้องน้ำ หรือบนกระดาษที่เราควรจะวางไว้ให้จนเคยชิน"
    • ปกติหม่ามี้ของโมชิก็ปฏิบัติกับโมชิตามข้อความที่ระบายสีฟ้าอยู่แล้วค่ะ แต่ตอนไปอยู่อุบลใหม่ๆ โมชิก็มีปัญหาไม่ฉี่ในที่ๆ จัดไว้ให้ จะนำเคล็ดลับตามที่คุณกานดาเสนอแนะไว้ไปใช้เวลาสุนัขเปลี่ยนที่อยู่นะคะ และจะนำเคล็ดลับนี้ไปบอกต่อกับลูกๆ ด้วยค่ะ
    • ขอบคุณมากนะคะสำหรับเคล็ดลับกว่า 70 ที่แบ่งปัน 

     

    • ลูกขจิตIco64" คะ ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจ
    • ก่อนอื่นอาจารย์แม่ขอนำภาพพระอาทิตย์ขึ้น/พระอาทิตย์ตกของลูกขจิตมาให้โมชิดูก่อนนะคะ แกจะได้ออกจากกะลามาเรียนรู้ว่า วิวพระอาทิตย์ในที่ทำงานของลูกขจิตสวยกว่าที่ฟาร์มของคุณยายมากขนาดไหน 

     

    • ลูกขจิตเคยถามเรื่องการสอน อาจารย์แม่ตอบตรงนี้เลยแล้วกันนะคะว่า ภาคเรียนนี้อาจารย์แม่นิเทศนักศึกษาชั้นปีที่ 5ที่ฝึกประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา 4 คน 2 โรงเรียนค่ะ
    • ด้านการสอน ภาคเรียนนี้มีนักศึกษาจาก 29 สาขาวิชา 8 คณะ มาลงทะเบียนเรียนวิชา "พฤติกรรมมนุษยย์กับการพัฒนาตน (Human Behaviors and Self Development)" กับอาจารย์แม่ จำนวน 4 Sections S. ละ 3 คาบ วิชานี้จัดอยู่ใน กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์ หมวดวิชาศึกษาทั่วไปที่นักศึกษาทุกสาขาจะต้องเลือกเรียนวิชาในกลุ่มนี้อย่างน้อย 6 หน่วยกิต โดยเขามีวิชาให้เลือก 15 รายวิชา รายวิชาละ 3 หน่วยกิต (ก็จะต้องเรียนเพียงอย่างน้อย 2 รายวิชาจาก 15 รายวิชา) แต่นักศึกษาก็จะนิยมเรียนวิชานี้มากที่สุด ค่ะ วิชานี้อาจารย์แม่สอนมาตั้งแต่ปี 2542 ค่ะ 
    • ในภาคเรียนที่ 1 ปี 2553 อาจารย์แม่ก็ได้สอนวิชานี้ โดยมีดร.สองท่านสอนวิชานี้ด้วย ซึ่งทั้งสองท่านก็ได้ขอใช้คู่มือการเรียนรู้ของอาจารย์แม่ ซึ่งเน้นการปฏิบัติ แต่พอภาคเรียนที่ 2 เขาก็ให้อาจารย์แม่ไปสอนวิชาจิตวิทยาสำหรับครู และให้อาจารย์ที่เพิ่งย้ายมาจากร.ร.มัธยมมาปรับ Course Description ของวิชานี้ให้เป็น 3 หน่วยกิต แล้วอาจารย์แม่ก็ไม่ได้สอนวิชานี้อีก อยู่ๆ ภาคเรียนนี้ก็ได้กลับมาสอนอีกที และไม่รู้ว่าใครสอนบ้างเพราะเขาใช้ระบบให้ข้อมูลเฉพาะบุคคลซึ่งต้องใช้ Username และ Password ส่วนตัวเปิดดู และไม่เห็นระบบผู้ประสานงานรายวิชาเหมือนที่ผ่านมา    
    • นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียน (Online) กับอาจารย์แม่ส่วนใหญ่เป็นสาขา "วิทยาการคอมพิวเตอร์ : Computer Science" จาก Faculty of Industrial Technology  สาขา "รัฐประศาสนศาสตร์ : Public Administration" และสาขา "การปกครองท้องถิ่น : Local Government" จาก Faculty of Humanities and Social Sciences สาขา "สาธารณสุขชุมชน : Community Health" จาก Faculty of Sciences สาขา "คอมพิวเตอร์ธุรกิจ : Business Computer" จาก  Faculty of Business and Mangement และสาขา "นิติศาสตร์ : Laws" จาก Faculty of Laws
    • การสอนหรือการจัดการเรียนรู้ต่างกันไปตามผู้สอน บางท่านก็ประเมินจากการสอบ Midterm, Final และการเข้าชั้น แต่อาจารย์แม่ประเมินแบบ "Authentic Assessment" ตั้งแต่สัปดาห์แรกถึงสัปดาห์สุดท้าย ทั้งประเมินเป็นรายบุคคล เป็นคู่ และเป็นกลุ่มย่อย โดยเน้นพัฒนาการในการพัฒนาตนตามสภาพจริงค่ะ

     

     

     

    • ลบที่ตอบตอน 06.33 น.มาตอบใหม่ค่ะ เพราะเห็นว่ามีที่พิมพ์ตก
    • 
    • ขอบคุณ "คุณน้องคนบ้านไกลIco48" มากนะคะ ที่แวะมาทักทาย ในบันทึกที่มีโมชิเป็นนักแสดงนำ นึกว่าจะไม่เข้ามาเสียอีกเพราะเห็นบอกว่าไม่ชอบสัตว์มีขน และจะไม่ยอมให้ลูกสาวเลี้ยงแม้จะเห็นว่าโมชิน่ารัก
    • ที่บอกว่าพี่ตื่นเช้า คงดูจากที่พี่เริ่มตอบความเห็น 05.03 น. จริงๆ แล้ววันนี้พี่ลุกขึ้นทำงาน 03.00 น. นะคะ ชดเชยเมื่อคืนที่นอนเร็วค่ะ ปกติแล้วจะตื่นทำงานประมาณ 04.30 น.ค่ะ
    • พี่ยังไม่รู้เลยว่าโมชินอนตอนไหน เพราะทั้งที่ฟาร์มและที่บ้านเรือนขวัญ เวลาไปดูเขาไม่ว่าจะกี่ทุ่มกี่ยาม ก็เห็นเขายืนอยู่ทุกครั้ง คำอธิบายที่ว่า "สุนัขสายพันธุ์ "ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)"  ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ" เป็นจริงทีเดียวค่ะ
    • นอกจากนั้นลักษณะอื่นๆ ที่อธิบายไว้ว่าสุนัขพันธุ์นี้จะ "เฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และขี้ประจบ แต่ค่อนข้างตกใจง่าย เห่าเก่ง" ก็เป็นตัวตนของโมชิทั้งนั้นค่ะ ทั้งที่มีคนบอกว่าโมชิไม่ใช่ปอมฯ พันธุ์แท้เพราะมีขนาดตัวโตกว่าปอมฯพันธุ์แท้ค่ะ แต่ก็นมีนิสัยของปอมฯ พันธุ์แท้ตามที่มีคำอธิบายไว้ครบทุกประการเลยค่ะ
    • แสดงว่าเวลาเราตรงกันข้ามกันเลยนะคะ ก็เวลาที่อเมริกากับไทยต่างกัน 12 ชั่วโมงนี่ใช่ไหมคะ ไม่รู้ว่าใครเร็วกว่าใครนะคะ

    อยากเรียนเชิญคุณพี่มาอ่านประวัติผมกับน้องชาย เรื่องจริงไม่อิงนิยาย 

    ตาแป๊ะ สามปริญญา  ชีวิตต้องสู้ครับ

    • "คุณน้องคนบ้านไกลIco48" คะ พี่ยังไม่รู้เลยว่ารูปประจำตัวนี้ เป็นรูปใคร
    • ได้เข้าไปอ่านเรื่อง "ตาแป๊ะสามปริญญา" แล้วตั้งแต่เห็นคำเชิญค่ะ อ่านทุกตัวอักษรแต่เป็นช่วงที่เตรียมสอนอยู่เลยยังไม่ได้แสดงความเห็นค่ะ จะกลับเข้าไปใหม่นะคะ
    • พรุ่งนี้พี่จะยุ่งมากค่ะเพราะมีสอนช่วง 08.30-10.30 น. และ 13.50-16.20 น.
    • และจะต้องไปธนาคาร ซื้อเชือกจูงโมชิ อาบน้ำให้โมชิ และต้องนำโมชิไปที่สนามบินไม่เกิน 15.30 น. เพื่อเตรียมเดินทางกลับกทม.กับสายการบินไทยที่เครื่องออก 17.45 น. ซึ่งได้ขอให้ตาสอมาช่วยจัดการตอนนำไปสนามบิน เพราะพี่ติดสอน
    • สงสารโมชิจังเลยค่ะ ที่จะต้องไปอยู่ที่สนามบินถึง 2 ชม.ก่อนเครื่องออก แต่เวลาบินจริงๆ ก็แค่ประมาณ 45 นาทีค่ะ
    • โมชิเหมือนจะรู้ว่าจะต้องจากกัน เข้ามาเคล้าเคลียประจบด้วยท่าทางหงอยๆ พี่เองก็รักและผูกพันกับโมชิมากค่ะ
    • โมชิไม่ถูกกับตาสอ เห่าตาสอตลอด แกจะจัดการให้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ  
    • โอโหอาจารย์แม่สอนหลายสาขาและหลายคณะมากเลยครับ
    • ผมจะพยายามเขียนเรื่อง English 2 บ่อยๆนะครับ
    • การประเมินนักศึกษาถ้าประเมินแบบ Authentic Assessment ผมคิดว่าเราได้ข้อมูลที่ตรงกว่า นักศึกษาไม่เครียดด้วยครับ
    • ดีใจที่อาจารย์แม่ชอบพระอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัยผมครับ ตอนนี้อากาศหนาวพระอาทิตย์สวยมากเลยครับ 3-11 ธค.ที่มหาวิทยาลัยมีงานเกษตรฯเสียดายอาจารย์แม่อยู่ไกล ถ้าอยู่ใกล้ๆชวนมาหาซื้อต้นไม้แปลกๆแล้วครับ

    เรียนอาจารย์ คลิกเข้ามาดูบันทึกนี้แล้วคลิกผ่านเมื่อหลายวันก่อน ด้วยเหตุว่าเนื้อหามันยาวมาก วันนี้วันครอบครัว เช้านี้มีเวลา จึงเข้ามาอ่านแบบช้าๆพินิจพิาจารณา แต่ไม่ถึงกับต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน(ฮ่า)เหมือนได้ทานข้าวที่อร่อยมีเวลเคี้ยวข้างละ 20 ครั้งต่อคำ... "สมรม ชายดม พระรามชมดง"ภาษาใต้มีความหมายว่า สวนธรรมชาติ ริมแดน เก็บผักมาแกง ประมาณนี้แหละ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" มีความหมายมากไม่เหมือนสวนฝากฟ้า ที่ปล่อยให้เทวดามารดน้ำ ที่บ้านผมมีศูนย์ศึกษาธรรมชาติของพรรคพวกชื่อ"โรงเรียนร้อยหวัน พันป่า" (คุณยายบ่นว่า ตาสอไม่เคยรักษาน้ำใจคุณยายเลย เพราะมีอาการสมองซีกขวาลืมทำงาน คือ ไม่เคยใช้อารมณ์ความรู้สึก ใช้แต่สมองซีกซ้ายที่เป็นซีกของเหตุผล) เคยอ่านจากหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้(ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์) เขากล่าวว่า"บุรุษไม่พึงให้เหตุผลกับสตรี" (ข้อความอาจไม่ตรงแต่มีใจความอย่างนี้)เพราะเป็นที่เข้าใจของผู้ชายว่าผู้หญิงมักขาดเหตุผล(ผู้ชายใช้อ้างอิงเวลาไปต่างจังหวัดหลายวัน แล้วภรรยาถามถึงเรื่องต่างที่ไปประชุมมา) ภาษาใต้บอกว่าเป็นคำถามดมๆ ที่โดนใจ เช่นพักกับใคร มีผู้หญิงเข้าประมั้ย อย่างนี้เป็นคำถามดมๆ (ตามใจภรรยาคือคาถาอยู่มีสุข) รักแรกพบ ไม้ต้นนี้พบครั้งแรกที่สวนนายดำชุมพร แต่ไม่ได้ซื้อมาปลูก ชื่อนี้โดนใจเหมือน ชื่อ "อย่าลืมฉัน" ที่อ่านพบครั้งแรกเหมือนกันใน วรรณกรรมของ "รพีพร"อ่านมากว่าสามสิบปีจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว.. .น่าจะได้มีโอกาสมานอนฟาร์มไอดิน กลิ่นไม้ทบทวนวรรณกรรมสักหลายสิบเล่ม.....วันแห่งครอบครัว ได้มีเวลามาอ่านเรื่องครอบครัว มีความสุขในครอบครัว ทำครอบครัวให้น่าอยู่ นำไปสู่สุขภาวะของคนรอบข้างเป็นการสร้างสุขที่ฉลาด  

     

    ขอบคุณที่มอบความสุขในวันครอบครัว

    ตอนพิมพ์แยกหัวข้อเป็นคอลั่มน์ไว้แล้ว แต่พอบันทึก มันออกมาเป็นแบบต้องขออภัยที่ทำให้ไม่สะดวก

    อรุณสวัสดิ์ค่ะอ.แม่ท่านพี่ฯ

    เพลิดเพลินกับภาพในบันทึก โมชิ สวยอ้อร้อ (น่ารัก) มากค่ะ

    ว้าว ทึ่งๆ อ. ยังสอนอ. ยู่เยอะแยะมากมาย วันก่อนมีงานสัมมนา มีเรื่องการประเมิน พอมาอ่าน บันทึกนี้ Authentic Assessment ทำให้อยากไปค้นคว้า หาต่อ สุขสันต์วันครอบครัว และขอบพระคุณนะคะ

    • ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่กรุณาแวะมาให้กำลังใจและแสดงความเห็นนะคะ
    • และขอโทษด้วยค่ะ ที่เพิ่งได้เข้ามาตอบ เพราะเย็นวันที่ส่งโมชิขึ้นเครื่อง ได้กลับเข้าฟาร์มเพื่อไปทำงานสวนต่อ และที่ฟาร์มมีปัญหาการใช้ 'net แทบจะต่อไม่ได้ และต่อได้ไม่นานก็หลุด อีกทั้งไม่สามารถเรียกเครื่องมือจัดการข้อความได้ค่ะ

               ขอบคุณ "คุณบุษยมาศIco48" และ "คุณต้นกล้าIco48  " มากค่ะ

                     ที่กรุณาแวะมาให้กำลังใจ

    • "ลูกขจิตIco48" เปลี่ยนรูปประจำตัวใหม่แล้ว เห็นหน้าชัดดีค่ะ รูปประจำตัวใน Facebook ก็ดูดีนะคะ
    • ที่อาจารย์แม่สอนหลายสาขา/หลายคณะ ก็เป็นไปตามการเลือกของนักศึกษา ที่แต่ละคนจะเลือกจองแบบ Online เองค่ะ ว่าจะเรียนวิชานั้นๆ กับใคร ในช่วงเวลาไหน โดยฝ่ายหลักสูตรและแผนการเรียนจะทำตารางไว้ให้ว่า ภาคเรียนนั้นๆ เปิดสอนรายวิชาอะไรบ้าง สอนโดยใคร ในช่วงเวลาใดค่ะ โดยล็อคไว้ช่วงเวลาละไม่เกิน 50 คนค่ะ ไม่ทราบว่าที่มหาวิทยาลัยของลูกขจิต จัดให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนแบบไหนคะ
    • แปลกนะคะที่ท้องฟ้าที่ฟาร์มสวยเฉพาะสองวัน (เสาร์อาทิตย์) ที่โมชิไปฟาร์ม เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่สวย รูปของลูกขจิตสวยมากค่ะ
    • 3-11 ธค.ที่มหาวิทยาลัยมีงานเกษตรฯ เสียดายอาจารย์แม่อยู่ไกล ไม่งั้นต้องไปหาซื้อต้นไม้แปลกๆ ในงาน ไปปลูกที่ฟาร์มแน่ๆ ค่ะ
    • ขอบคุณนะคะที่ไปตามหาเรื่องการปลูกถั่วงอก แต่บันทึกที่อาจารย์แม่พูดถึง คนเขียนเป็นผู้ชาย มีภาพประกอบด้วยค่ะ อาจารย์แม่คิดว่ารับเข้าใน Plannet "Green Agriculture" ด้วย แต่ทำไมหาไม่เจอก็ไม่รู้
    • ขอบคุณนะคะที่จะเขียนบันทึกเกี่ยวกับการสอน English 2 เป็นระยะๆ อาจารย์แม่จะได้เข้าไปศึกษา อาทิตย์ที่แล้วอาจารย์แม่ก็ได้นำบันทึกครั้งที่ 1 ของลูกขจิตไปให้นักศึกษาดูด้วยค่ะ
    • เออ! วิชา English 2 ของลูกขจิตเป็นวิชาในกลุ่ม/หมวดไหนคะ  
    • ขอคุยกับท่านวอญ่ารอบดึกนะคะ ช่วงหัวค่ำได้เข้าไปดูการยกยอของท่านวอญ่า ที่ได้กุ้งเยอะแยะมาคั่วเกลือ เห็นแล้วระลึกถึงความหลังครั้งแม่ยังอยู่ และครั้งสู้ชีวิตในวัยประถมค่ะ 
    • ขอบพระคุณ "ท่านวอญ่าIco48" มากนะคะ ที่บอกว่า "บันทึกยาวมาก" ข้ามไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังหวนกลับมาอ่าน บอกว่า "เช้านี้มีเวลา จึงเข้ามาอ่านแบบช้าๆ พินิจพิาจารณา แต่ไม่ถึงกับต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน (ฮ่า) เหมือนได้ทานข้าวที่อร่อยมีเวลาเคี้ยวข้างละ 20 ครั้ง" เข้าใจเปรียบเทียบจังนะคะ คำกล่าวนี้สร้างความประทับใจให้ผู้เขียนมากเลยค่ะ เพราะเป็นบันทึกที่เขียนด้วยความสุข เมื่อผู้อ่านอ่านแบบไม่เร่งรีบและมีความสุขขณะอ่าน จึงสร้างความปิติสุขให้กับผู้เขียนได้มากมายค่ะ 
    • ถ้าอยู่ไม่ไกลมากขนาดนี้ คงจะไปขอเยี่ยมชม "ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ "โรงเรียนร้อยหวัน พันป่า" แล้วล่ะค่ะ เพราะชอบเรียนรู้เรื่องต้นไม้ใบหญ้ามาก และจะถือโอกาสขอหน่อกล้วยเถื่อนจากท่านวอญ่าไปปลูกที่ฟาร์มไอดินฯ ด้วย เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เข้าฟาร์มไปดายหญ้าโคนต้นกล้วยพันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกไว้หน้าบ้านด่านล่าง ใส่ปุ๋ยและใช้หญ้าแห้งคลุมโคน และกำจัดวัชพืชสวนรอบบ้านต่อ ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จอีกค่ะ เพราะหญ้าขึ้นหนาแน่นมาก กำจัดไม่ไหวในหน้าฝนที่ผ่านมาค่ะ
    • ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะเป็นอย่างเช่นที่ท่านวอญ่ากล่าวถึงนะคะ แต่สำหรับตัวเอง จะพอใจและยอมรับการพูดที่เป็นจริงมากกว่า แต่ถ้าจะให้ดี ควรสื่อสารกันด้วย "ปิยวาจา : คือพูดในสิ่งที่เป็นจริง เป็นประโยชน์ และเป็นที่พอใจ" นะคะ
    • ท่านวอญ่าบอกว่า "น่าจะได้มีโอกาสมานอนฟาร์มไอดิน กลิ่นไม้ทบทวนวรรณกรรมสักหลายสิบเล่ม" แหม! ถ้าเป็นไปได้ก็เยี่ยมเลยแหละค่ะ
    • ขอบพระคุณท่านวอญ่าเช่นกันค่ะ "ที่มอบความปิติสุขในวันครอบครัว" 
    • และไม่ต้องขออภัยอะไรหรอกนะคะ เพราะเนื้อหาที่ท่านวอญ่าคุยมา มีคุณค่ามากมายเกินกว่าจะไปใส่ใจในรูปแบบการพิมพ์ค่ะ

     

    สวัสดีรอบดึกครับอาจารย์ .....

    เป็นอันว่าครบถ้วนกระบวนความ นามโมชิ ที่มาเยี่ยมไาร์มไอดิน....กลับสู่อ้อมกอดมามี๊ด้วยควาสมสุขใจ

    ในหลายบันทึกที่ผมต้องกลับไปอ่านรอบสองรอบสาม

    เช่นบันทึกอาจารย์หมอสกล

    บันทึกอาจารย์วิรัตน์

    และอีกหลายๆบันทึก

    รวมทั้งบันทึกนี้ด้วย

    จริงๆแล้วทุกบันทึกน่าติดตามอ่านเรียนรู้ แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ในการอ่าน หน้าจอคอมพ์ ทำให้พลาดบันทึกดีๆไป

    โดยปกติบันทึกใหนทีน่าสนใจก็เข้ามาอ่านแบบ อ่านคำนำในหนังสือ

    แล้วกลับมาอ่านต่อที่บ้านในยามราตรีกาล ที่รัตตัญญู

    ในโกทูโนว์แห่งนี้ ได้สร้างความมั่นใจ ให้กับผมได้มีกัลยาณมิตรมากมาย

    และไม่ลังเลที่จะแวะไปเยี่ยมไปหา

    ไปทำกิจกรรมที่อาสาด้วยความเป็น พันธะ ไม่ใช่เป็นภาระ

    นึกถึงเรื่องโอกาส ทำให้นึกถึงตัวเอง และมักนำเรื่องตัวเองเล่าให้เด็กๆ เยาวชนฟัง ถึงการศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะการอ่าน....

    ตอนเด็กๆ หนังสือพิมพ์ อยากนักที่เข้าถึงและได้อ่าน

    ที่ได้อ่านประจำคือใบฎีกา บอกงานทอดกฐิน ทอดผ้าป่า....นั้นคือตำราอ่านนอกเวลา และสิ่งนั้นก่อเกิดประโยชน์ ในการบอกงานบอกการในหมู่บ้าน ใครจะบอกงานบอกการ เขียนชื่อ นามสกุลไม่ถูก ต้องมาถามผม ผมจำได้เกือบทั้งอำเภอ ที่ผ่านชื่อผ่านสายตา จากการอ่านใบฎีกา......รำพึงมาเพียงแต่บอกเล่าอาจารย์สู่กันฟังว่า "เมื่อเราอยากมักไม่ได้ตามต้องการ ตอนเด็กๆ มีเวลา มีสุขภาพ แต่ไม่มีหนังสืออ่าน ปัจจุบัน มีหนังสือ ไม่มีเวลา ซ้ำสุขภาพก็กำลังจะไม่มี......

    ด้วยคารวะที่มีความสุขจากการได้รำพึงผ่านบันทึก ...คงมีวาสนาได้สนทนากันแบบเฟสทูเฟส

    • "หนู PooIco48" จ๊ะ ได้ตอบหนูไป 3 รอบต่อจากที่่ตอบท่านวอญ่า แต่พอคลิกจัดเก็บข้อมูล ก็พบว่าข้อมูลไม่ยอมถูกบันทึก ทำซ้ำ 3 ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม ดึกมากแล้ว (ตีสามครึ่่ง) ก็เลยเข้านอนค่ะ
    • นอนไปสี่ชั่วโมงก็ลุกมาทำงาน จะลองดูใหม่ไม่ทราบจะสำเร็จไหม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนำ "ผังมโนทัศน์ (Mind Map)" "Authentic Assessment" มาลงไว้หรือเปล่า (ใช้วิธีฝากไฟล์ที่เคยทำค่ะ) เห็นหนู Poo สนใจเรื่องนี้ค่ะ นำมาจาก   
    •         http://software-creativity.pbworks.com/w/page/17205099/Some% 20Assessment%20Activities ค่ะ
    • เด๊๋ยวจะคลิกจัดเก็บข้อมูลก่อน แล้วจะลองลงผังมโนทัศน์ทีหลัง ถ้าไม่เห็นผังมโนทัศน์หนูก็เปิดดูได้จากที่อยู่ที่ให้ไว้ข้างบนนะคะ ลองคลิก Link ดูแล้ว พบว่าเข้าไม่ได้ค่ะ
    • ขอบคุณหนู Poo นะคะที่แวะเยี่ยม ดีใจค่ะที่หนูเพลิดเพลินกับภาพประกอบ และขอบคุณแทนโมชิด้วยนะคะที่ชมว่า "โมชิ สวยอ้อร้อ (น่ารัก) มากค่ะ"  
    • โมชิเป็นเพศผู้ แต่หน้าหวานเหมือนเป็นเพศเมีย ตรงกันข้ามกับพี่ข้าวเหนียวที่เป็นเพศเมีย แต่หน้าตาคล้ายเพศผู้ ค่ะ ไม่มีน้องโมชิคอยสร้างสีสัน พี่ข้าวเหนียวยิ่งซึมกะทือเข้าไปใหญ่ เอาแต่นอน เรียกให้ลุกขึ้นมาช่วยขุดหญ้าก็ไม่ยอมลุก
    • หนู Poo เรียก "อ.แม่" เองบ้างก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเรียกยาวว่า "อ.แม่ของท่านพี่...ดร.ขจิต"

    *เรื่องเล่าและภาพสวยงามน่ารักมากค่ะ..ขอชื่นชมความรักเมตตาสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้..พี่ใหญ่ชอบสัตว์แต่ไม่มีเวลาเลี้ยงดู..อาศัยเล่นเอินกับหมาแมวของเพื่อนบ้านและน้องๆ..

    *ช่วงหนึ่งที่น้องน้ำมาเยือนที่สวนหน้าบ้าน..เพียงแค่สองสัปดาห์..สูงเพียงแค่อ่างบัว..เก็บภาพมาฝากค่ะ..

    Large_photo102

    • ขอบพระคุณ "พี่ใหญ่Ico48" มากนะคะ ที่กรุณาแวะมาให้กำลังใจและทักทายพูดคุย
    • ขอบพระคุณสำหรับความเห็นที่ว่า "เรื่องเล่าและภาพสวยงามน่ารักมากค่ะ..ขอชื่นชมความรักเมตตาสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้" แปลกนะคะที่ในบรรดาลูก 5 คนของคุณพ่อคุณแม่ ก็มีน้องคนเดียวที่เลี้ยงสุนัข และก็มีเฉพาะลูกทั้งสองคนของน้องที่เลี้ยงสุนัขกัน ส่วนลูกๆ ของพี่ๆ น้องๆ ก็ไม่มีใครเลี้ยงกันสักคน
    • เดชะบุญจริงๆ ค่ะ ที่น้องน้ำแค่แวะมาทักทาย ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรมากมายให้กับพี่ใหญ่

    สวัสดีครับ  อาจารย์ ผศ.วิไล

    -บันทึกของอาจารย์เรื่องนี้ยาวมากเลยเน๊าะ แต่ผมก็อ่านอย่างตั้งใจจนจบนะครับ

    -ได้อ่านเรื่องราวของ "โมชิ" แล้ว ก็อดที่จะนึกถึงน้องหมาหลายๆ ชีวิตที่เจ้าของบ้านถูกน้ำท่วมและทอดทิ้งเอาไว้ที่บ้าน จนหลายตัวต้องอดตาย เฮ่อ! น่าเศร้าและน่าสงสารจังเลย

    -ที่อุบลฯ หนาวหรือเปล่าครับ?

    -ฝาก ลำล่อง "บ้านเฮาหนาวแล้วบ้อ" (ลำโดย มนต์แคน แก่นคูณ) ให้อาจารย์ฟังนะครับ เพื่อเป็นการถามไปในตัวว่า "บ้านเฮา....หนาวแล้วบ้อ? ....อย่าลืมแวะเข้าไปฟังนะครับ

    http://www.youtube.com/watch?v=6upYoV-rL7g&feature=related

    • อิอิ...คุณอักขณิชไม่ใช่คนแรกที่บ่นว่าบันทึกยาว ท่านวอญ่าบ่นมาก่อนแล้วว่า "คลิกเข้ามาดูบันทึกนี้แล้วคลิกผ่านเมื่อหลายวันก่อน ด้วยเหตุว่าเนื้อหามันยาวมาก วันนี้วันครอบครัว เช้านี้มีเวลา จึงเข้ามาอ่านแบบช้าๆพินิจพิาจารณา แต่ไม่ถึงกับต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน (ฮ่า) เหมือนได้ทานข้าวที่อร่อยมีเวลเคี้ยวข้างละ 20 ครั้งต่อคำ"
    • ที่ต้องยาว เพราะต้องเขียนให้ครบถ้วนกระบวนความในสิ่งที่เกิดขึ้นกับโมชิในช่วงที่หนีน้ำไปอยู่กับยายจนกลับกทม. ค่ะ
    • ก็ต้องขอขอบคุณ "คุณอักขณิช"  
    •    Ico48   คุณพ่อของ "น้องแพรวพราว (น้อง) และน้องเพียงพอ (พี่) นะคะ ที่บ่นว่าบันทึกยาวแต่ก็กรุณาอ่านอย่างตั้งใจจนจบ    
             
                 ที่อุบลฯ หนาวมาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. แล้วค่ะ จนป่วยลุกไม่ขึ้นอยู่หลายวัน เพราะไม่รู้สังขารตัวเองว่าอายุมากแล้ว ก่อนป่วยนอนคืืนละ 3-4 ชั่วโมง พอเจอเชื้อหวัดเลยสู้ไม่ได้ แถมไม่ทานยาตามนิสัยจึงหายช้า แต่ก็ไปสอนตามปกตินะคะ (ช่วงที่ลุกไม่ขึ้นเป็นวันหยุด) 
                 ได้ฟังเสียงแคน/ลำล่องแล้วก็คิดถึงแม่ที่เคยพาไปฟังลำที่วัดจนซอดแจ้ง
                 ภาพ MV เหมือนสมัยที่เรียนประถมแล้วไปนากับอา วิ่งไล่กันตามคันแทนาเหมือนในภาพเลยค่ะ
                เนื้อหาลำล่องกินใจมากบรรยายชีวิตในทุ่งนาของชาวอีสานได้ดีเยี่ยม 
               ภาพ "ปลาบ้อน" ทำให้นึกถึงตอนไปใส่เบ็ดปลา ...
               หมอลำหน้าตาก็ดีเสียงก็ดีแม่เรียกว่า "เสียงควง" 
               ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่ส่งหมอลำมาให้ฟังทำให้ได้ระลึกถึงความหลังครั้งยังเป็นเด็กและใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน                             

    แวะมาส่งข่าว ว่าเช้านี้ที่พัทลุง โดยเฉพาะปากพะยูน ฝนไม่ตกแล้ว

    น้ำที่ท่วมก็ไหลลงทะเลสาบแล้ว

    แดดเช้าอบอุ่นทำให้อ้อยอิ่งจิบกาแฟแลบันทึก ไม่นึกรีบร้อนไปทำงาน

    คิดถึง กาแฟในสวนดินฯ

    • เพิ่งไปอ่านที่ท่านวอญ่าตอบ 'เม้นท์ เกี่ยวกับชีวิตใน "หราง" (คุก) มาค่ะ ทำให้ได้รู้ประวัติการศึกษาของท่านวอญ่า ด้วย (ต่อไปขอเรียกว่าพี่วอญ่า นะคะ สมัครเป็นน้องสาวไว้แล้ว ดูเหมือนจะได้ยินคำตอบรับ)
    • ข้างบนตอบ 'เม้นต์คุณอักขณิช พาดพิงถึงพี่วอญ่าด้วยแหละค่ะ
    • เกือบไม่ได้กลับเข้ามาดูแล้วนะคะ กำลังจะปิดเว็บ GTK เพื่อเตรียมสอนอยูแล้วเชียว มีสังหรณ์ว่าใครมาทักทายในบันทึกนี้เลยแวะมาดูหน่อย ปลื้มจริงๆ ค่ะ ได้รับความอบอุ่นจากพี่ชาย เลยมีกำลังใจเต็มเปี่ยมกับการทำงานในวันนี้ 
    • ตอนนี้อยู่บ้านเรือนขวัญเลยต้องทานกาแฟในห้องสี่เหลี่ยม พร้อมกับอ่านบันทึก/แสดงความเห็น/ตอบความเห็น ใน GTK และ ฟังข่าว TV ไปด้วยค่ะ
    • ชีวิตในเมืองก็เร่งร้อนยังงี้แหละค่ะ ชงกาแฟไว้ตั้งแต่ตี 5 (วันนี้ตื่น 03.45 น.ค่ะ) ยังดื่มไม่หมดถ้วยเลยค่ะ ที่ฟาร์มไอดินฯ ตาสอก็คงกำลังดื่มกาแฟที่ศาลาไทย น้องไม่อยู่ด้วยแกก็ไม่ได้ดื่มชาอัญชันเป็นของแน่อยู่แล้ว
    • ขอบคุณนะคะสำหรับความอบอุ่นใจที่พี่ชายแวะมามอบให้ในเช้านี้   
    • ขอบคุณ "คุณครูกิติยา Ico48" นะคะที่แวะมาให้กำลังใจ
    • เคยบอกพี่ว่าจะนำดอกไม้ท้องถิ่นของออสเตรเลียชนิดอื่นๆ มาให้ดู ไม่ทราบว่ามีให้ดูแล้วยังคะ
    • ลูกสาวที่จบจากออสเตรเลียทำงานแล้วยังคะ

    (ต่อไปขอเรียกว่าพี่วอญ่า นะคะ สมัครเป็นน้องสาวไว้แล้ว ดูเหมือนจะได้ยินคำตอบรับ

    "สวัสดีครับ ขอตอบรับ เป็นน้องสาว

    จากเรื่องราว "โมชิ" ที่คุยกัน

    เป็นพี่น้อง ข้องญาติ สานสัมพันธ์

    มหัศจรรย์ สัมพันธ์ญาติ ทางGotoKnow"

    ด้วยความขอบคุณ

    ด้วยความยินดี

    ด้วยความปิติ

    และด้วยมิติแห่งความสุขจากการอ่านเขียนในGotoKnow

    • จาก "คำตอบรับ" ให้เป็นน้องสาวของ "พี่วอญ่าIco48"

                   "...มหัศจรรย์สัมพันธ์ญาติทาง GotoKnow...ด้วยความขอบคุณ...   ด้วยความยินดี...ด้วยความปิติ...และด้วยมิติแห่งความสุขจากการอ่านเขียน    ใน GotoKnow"

                        วันนี้ แสนดีใจ                        มีพี่ชาย ชื่อ "วอญ่า"

               ด้วย "โมชิ" ชักนำมา                      และกรุณา พี่มากหลาย

                          เพราะพ่อเสีย แต่ยังเยาว์     และไร้เงา ของพี่ชาย 

              "ขวัญ" อนงค์ จึงหล่นหาย              มิมีคลาย ความอ้างว้าง

                          จากนี้ไป คงอบอุ่น              ความการุณย์ พี่หนุนสร้าง

                หวังเมตตา ไม่ราร้าง                     แม้จะห่าง กันแสนไกล

                                     

                                          ด้วยความขอบคุณและปลื้มปิติค่ะพี่ชาย

                                                                     จากน้องสาว                 

                                    

     

     

         กราบนมัสการ และกราบขอบพระคุณท่านพระมหาวินัย ภุริปัญโญ ทิวาพัฒน์ค่ะ ที่เมตตา ให้กำลังใจ นับเป็นสิริมงคลที่ได้รับสำหรับเช้าวันนี้ค่ะ 

                         Ico256           

    โมชิ  น่ารักค่ะ 

    แต่คุณยายน่ารักกว่า

    • ขอบคุณ คุณ"ครู ป.1Ico48" ครูชำนาญการพิเศษจากอำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรีมากนะคะ ที่แวะมากระตุ้นให้สารเอ็นโดฟีนของผู้สูงวัยที่ยังมีหัวใจสดชื่น หลั่งในวันนี้
    • ได้ไปค้นหาความรู้เรื่องสารเอ็นโดฟิน มาฝากคุณครูป.1 เพราะได้แวะไปอ่านบันทึกล่าสุดของคุณครูแล้วพบว่า คุณครูมีประสบการณ์ที่อาจไประงับยับยั้งการหลั่งสารเอ็นโดฟิน (และฝากกัลยาณมิตรท่านอื่นๆ ที่สารเอ็นโดฟินไม่ค่อยจะหลั่งด้วยนะคะ) แล้วได้เลือกบันทึกของ ดญ.บุญสิตา พวงผกา (2009 : http://www.vcharkarn.com/vblog/46154) ที่ได้บันทึกไว้ ซึ่งสรุปความได้ว่า  "เมื่อเรามีความสุขหรืออยู่ในสภาวะที่สุขสบาย (Pleasure Experience) ไม่ว่าจะเป็นการจินตนาการหรือความรู้สึกจากประสาทรับสัมผัสทั้ง 5  เช่น การเล่นคลอเคลียกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก การฟังดนตรีเพราะๆ  การอ่านหนังสือที่ถูกใจ  การดูภาพยนตร์ การออกกำลังกาย การทำสมาธิ  หรือการที่มีความรู้สึกรัก  การได้พูดคุยกับคนที่เรารัก การได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก  การได้สัมผัสถ่ายทอดความรักซึ่งกันและกัน ...เหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้สมองเกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ขึ้น"
    • เดี๋ยวคุณยายจะไปคุยอวดโมชิว่า "มีคนเห็นคุณยายน่ารักกว่าโมชิด้วยแหละ" ดูซิว่าโมชิจะอิจฉาไหม

    สวัสดีครับ ผศ.วิไล

    อ่านประวัติของท่านแล้วรู้สึกทึ่งมาก เป็นนักต่อสู้ตัวยงจนประสบผลสำเร็จ น่าจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ผมจบ มศ.3 โรงเรียนยโสธร ปี 08(ไม่มีคำว่าพิทยาคม)เรียนการช่างอุบล

    อ่านเรื่องของ "โมชิ" แล้วคิดถึงอุบลฯล่าสุดไปแข่งขันกีฬาผู้สูงวัยแห่งประเทศไทย (วู้ดบอล)

    ได้อันดับที่ 5 ฮ่า ๆ ๆ (เรื่อมันยาวมากสำหรับชีวิตคน)ปีใหม่จะกลับไปเยี่ยมแม่ที่ยโสธร และจะชวนลูกชายที่สอยอยู่ ม.ราชภัฎเลยไปเยี่ยมย่าด้วย ผมเข้าเป็นสมาชิก GTW เมื่อปี 52 แต่ในบล๊อคก็เขียนแบบงูๆปลาๆ เป็นครั้งแรกที่เข้าเยี่ยมชมของท่านนะ...จะเข้าเยี่ยมชมใหม่นะครับ

    จากครูเด

    • ต้องขอบคุณ "โมชิ" อีกแล้ว ที่ทำให้ยายได้รู้จักกับศิษย์ร่วมโรงเรียนยโสธร

            ยินดีมากค่ะ ที่ได้รู้จัก "คุณครูเดชา สว่างวงศ์Ico48" ศิษย์ร่วมสถาบัน "โรงเรียนยโสธร" ในอดีต

    • ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยให้ข้อมูลว่า โรงเรียนไม่มีคำว่า "พิทยาคม" ดิฉันก็รู้สึกอยู่เหมือนกันว่า ดูเหมือนชื่อโรงเรียนจะต่างจากปัจจุบัน พอดีว่าเพิ่งจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนยโสธรตอนสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 2 ของม.ศ.3 เรียนอยู่ภาคเรียนครึ่งก็จบแล้วไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูอุบลฯ ก็เลยไม่คุ้นกับโรงเรียนมากนัก
    • ยังนึกขำอยู่เลยค่ะ ที่พอย้ายไปก็ต้องสอบกลางภาคโดยที่ไม่ได้เรียน (ก่อนนั้นได้ใช้เวลาส่วนใหญ่เอาไม้กวาดไล่ตีกัน และเล่นบาสเก็ตบอลกลางแดดเปรี้ยง ที่โรงเรียนเดิมค่ะ เพราะไม่มีครูสอน (ดิฉันเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลตอนที่เรียนปริญญาตรีที่วศ.มหาสารคาม 2514-2515 และตอนที่เรียนปริญญาโทที่มศว.ศรีนครินทรวิโรฒปี 2517-2518 ค่ะ ก่อนจะแขวนแร็กเก็ตก็เป็นรองแชมป์กีฬาอาจารย์สถาบันราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเภทกีฬาแบ็ตมินตันหญิงคู่ค่ะ เพราะสู้แชมป์จาก รภ.มหาสารคามที่เป็นสาวๆ ทั้งคู่ไม่ได้ อายุห่างกับตัวเอง 10 ปีเศษ อาจารย์ที่เป็นคู่ของตัวเองก็อายุมากกว่าอีก 7 ปี ถ้าเขามีประเภทผู้สูงอายุคงจะด้แชมป์ไปแล้ว)
    • ตอนสอบวิชาพิชคณิต (เพิ่งได้นยินชื่อวิชาเป็นครั้งแรก) อาจารย์แจกกระดาษกร๊าฟให้ทำข้อสอบ ดิฉันยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงกับมัน ไม่รู้เรียนจบมาได้อย่างไร และยังสอบป.กศ.ได้อันดับเลขหลักเดียวเสียอีก งงตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะพื้นความรู้ระดับมัธยมแย่มาก (สงสัยว่ายีนส์จากพ่อแม่จะช่วยไว้ ตอนอ่านหนังสือสอบ)    
    • อาจารย์บอกว่า เราน่าจะรุ่นเดียวกัน แต่ท่านบอกว่าจบมศ.3 โรงเรียนยโสธร ปี 08 ดิฉันเองจบปี 09 ค่ะ และเรียนเร็วไป 1 ปี (เกิดค่อนไปทางปลายเดือนธันวาคม ปี 2494 ค่ะ จะเกษียณปี 55 นี้ค่ะ)
    • เคยไปฝึกปฏิบัติการให้คำปรึกษาที่โรงเรียนทวีธาพิเษกปี 2518 ตอนที่เรียนปริญญาโทค่ะ แต่ท่านไปทำงานปี 2520 เลยไม่ได้พบกันนะคะ
    • อ๋อ!ลูกชายสอนอยู่ที่มรภ.เลยเหรอคะ ดีจังเลยมีคุณแม่ให้กลับไปเยี่ยม ดิฉันสิไม่ได้ไปเยี่ยมท่านมาตั้งแต่ต้นปี 2527 แล้ว ตอนนี้มีพี่สาว พี่จันทร์เพ็ญ สีหารี และน้องชาย คุณครูสุนทร แพงคำ (รร.ยโสธรพิทยาสรรค์) ค่ะ ที่อยู่ยโสธร ดิฉันเลยกลายเป็นคนอุบลฯ ไปแล้ว
    • ขอบคุณมากนะคะที่มาแวะเยี่ยม และบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมอีก 

     

      

    สวัสดีครับ ดร.วิไล

    -อุบลอากาศหนาวไหมครับ

    -ดีใจเหมือนกันที่ได้รู้จักศิษย์ผู้น้องสถาบันเดียวกัน (เวลากลับบ้านพยายามมองหาอาคารเรียนที่เคยเรียน ปรากฎว่าไมมีแล้ว)ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่น่าของเราจะชื่อ อาจารย์สมศักดิ์ ท่านเสียชีวิตนานแล้ว

    -ผมเรียนจบ 08 เรียนต่อการช่างอุบลราชธานี (ขาสั้นรุ่นสุดท้ายก่อนย้ายมาอยู่ที่ปัจจุบัน หนองอีแร้ง)เพื่อนร่วมรุ่นเคยมาเป็น ผอ.ที่นี่ อ.ทรงสวัสดิ์ ครับ

    -ตอนที่ท่านเรียน วศ.มหาสารคามผมทำงานที่ศูนย์เครื่องมือกลมหาสารคาม (ติดกับ วศ.) ดร.วิไล เก่งกีฬาเหมือนกันนะ (ผมทำงานแล้วแอบเรียนวิทยาลัยพลศึกษามหามารคามภาคค่ำรุ่น2จบปกศ.สูง

    -ดร.เรียน ป.โท ผมสอนทวีธาภิเศกปี 20 ตอนดร.ไปฝึกสอนน่าจะเป็นผอ.ครับ ทวีธาภิเศก ไม่เขียนทวีธาภิเษก

    -ดร.เก่งสอบอะไรก็ได้ 555

    -เกิดก่อน ดร.วิไล 1 ปี เกษียณแล้วปี 2553

    -ลูกชายสอนอยู่ มรภ.เลยครับ ถ้าสมาคมวู้ดบอลเลือกให้ไปตัดสิน Woodballกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติที่อุบลปีหน้า...ก็อาจได้ไปเที่ยวอุบลครับ

    ดร.วิไล ครับ

    พิมพ์หล่นไป "อ.สำเริง นิลประดิษฐ์"เป็น ผอ.ทวีธาภิเศกตอนที่ ดร.วิไล ฝึกสอน.....

    • ต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดค่ะ ทั้งหน่วยงาน ทั้งบุคคลหลายๆ ท่านใส่คำนำหน้าชื่อดิฉันว่า "ดร." จริงๆ แ ล้วดิฉันเรียนหลักสูตรปริญญาเอก "PhD (Education)" ที่ Perth, Western Australia (เรียนได้ประมาณ 40 %) และเรียนหลักสูตรปริญญาเอก วท.ด. (D.Sc. in Applied Behavioral Science) ที่เมืองไทยค่ะ เรียนหลักสูตรเน้นวิจัย ทำวิจัย 3 เรื่อง ในทางปฏิบัติทำเสร็จหมดแล้วทั้ง 3 เรื่อง สอบ Qualifying และสอบ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสองอย่างในข้อกำหนดของการจบหลักสูตร (Requirements) ผ่านหมดแล้ว แต่มีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการให้จบหลักสูตรได้ ซึ่งก็ได้ให้ข้อมูลไว้ในประวัติตั้งแต่แรกที่ลงประวัติแล้ว แต่ทำไมจึงเกิดการเข้าใจผิดก็ไม่ทราบ ดิฉันได้ชี้แจงหลายท่าน หลายครั้ง ว่าดิฉันมีคำนำหน้าว่า ผศ.ค่ะ ไม่ใช่ดร. ส่วน รศ.ก็ทำผลงานเสร็จหลายปีแล้ว แต่ไม่ใส่ใจทำเรื่องส่งค่ะ
    • ขอบคุณนะคะที่ช่วยแก้ไขจาก "ทวีธาพิเษก" เป็น "ทวีธาพิเศก" ตอนแรกก็เขียนถูกแล้วล่ะค่ะ แต่ไปคิดเทียบกับอภิเษก ก็เลยแก้จากถูกเป็นผิด
    • ดิฉันชอบเล่นกีฬา เล่นได้แทบทุกประเภทที่มีในอดีตแต่ไม่เก่งค่ะ เคยได้แชมป์เปตองทีมผสม กีฬาอาจารย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกมเบ็ดเตล็ด เช่น วิ่งกระสอบทีม (วิ่งระยะสุดท้าย) ก็เคยได้แชมป์ค่ะ แม้แต่วิ่งขาโถกเถกยังเคยลงแข่งแต่ไม่ได้เหรียญค่ะ (หัด 2-3 วัน)
    • ที่อุบลฯ หนาวมากเป็นบางวันค่ะ ท่านจะไปอุบลฯ เมื่อไหร่แจ้งล่วงหน้าด้วยนะคะ จะได้เตรียมต้อนรับ   

    สวัสดีค่ะ Ico48 กลับมาอ่านบันทึกที่ยาวมากจนจบ...เข้าใจและปลื้มใจกับความรักความเมตตาของคุณยาย ที่ต่อ"โมชิ" ค่ะ...

    In the "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้"
    Every morning, who come woke me up,
    White hairs, red tongue and black nose?
    telling their stories over and over?

    Oh cute White ‘โมชิ’…

    แว๊บมารักโมชิ ด้วยน๊าอยู่สวยจริงด้วยถ้าเป็นคนอาจจะกลายเป็นกระเทยไปได้นะคะนี่เพราะสวยเกิ๊น จุ๊ฟๆคุณยายที่ใจดี๊ดีของโมชิด้วยทั้งสองแก้มหน้าผากปากก้น(ว๊าย)พิมพ์อารายออกไปนี่?

    ไม่ได้เข้ามากวนบาทาคุณพี่น๊านเลยช่วงนี้เดี๊ยงกับเดี๊ยงค่ะรับเละตุ๊มเป๊ะงานวิชาเกินเพราะครูผู้พี่ที่เป็นพี่เลี้ยง/เป็นที่ปรึกษาท่านเออล์รี่ออกไปเลยต้องทำงานนี้อยู่คนเดียวมิหนำซ้ำยังต้องลงมาสิงอยู่ป.1อี๊กแงๆเด็กๆเขาก็น่ารักเนอะไม่ดื้อแต่ซนม๊ากเผลอไม่ได้ออกไปกระดี๊กระด๊ากรี๊ดกร๊าดแหกปากส่งเสียงดังอยู่นอกห้องจนเป็นที่เอือมระอาของครูรอบข้างรวมทั้งครูผู้เป็นแม่เฒ่าของเจ้าพวกนี้เองด้วยเด็กไรไม่รู้ตัวนิดเดียวแต่เสียงแปร๊นปานช้างป่าหนึ่งโขลง เครียดหนักจนป่วย เข้าๆออกๆโรงพยาบาลให้คุณหมอแทงเข็มน้ำเกลือเล่นจนสมองเบลอ ดีที่มีโรงพยาบาลเอกชนเข้าออกสะดวกรักษาสบายแต่จ่ายแพงหน่อยเพราะถ้าไปโรงพยาบาลของรัฐนั่งคอยคิวกันจนเหนื่อยใจคนเยอะเข้าไปก็ได้ยากลับมาจนยาที่บ้านนี่จะมีมากกว่าอาหารแล้วล่ะค่ะ

  • โมชิขอบคุณ "ท่าน ดร.พจนา แย้มนัยนาIco48" มากๆ นะครับ ที่ให้ความเมตตา กลับมาอ่าน "เรื่องเล่า อันยาวเฟื้อยของโมชิ" จนจบ
  • แถมยังชมว่า โมชิสดใสน่ารัก (Cute) อีก โมชิขออนุญาตเขินนิดหนึ่ง ก่อนที่จะโค้งคำนับขอบคุณนะครับ
  • ได้ยินคุณยายเล่าว่า "ท่านดร.พจนา" เป็นคนมีจิตใจดีงาม โมชิได้สัมผัสด้วยตนเองแล้วล่ะครับ จากความเห็นที่ดูจะแฝงความรู้สึกเอ็นดูโมชิน่ะครับ
  • คุณยายกระซิบโมชิว่า มีน้องสาวชาวยะลาอยู่คนหนึ่ง เซี้ยวมาก คุณยายเรียกน้องคนนี้ว่า "นักมายากล" บ้าง "คนพันหน้า" บ้าง แต่ยายก็อดเอ็นดูไม่ได้ ที่น้องสาวคนนี้ทำให้คุณยายหัวเราะทุกครั้งที่เห็นหน้า อย่างตอนนี้ไง ทำเป็นผู้ไม่แสดงตน "ไม่บอก ปล่อยให้งง" แค่นั้นคุณยายก็แว้บๆ หน้าออกแล้ว ยิ่งพอได้อ่านสำนวนประโยคสองประโยค และเห็นเขียนภาษาไทยผิดอักขระ ใช้ไม้ตรีกับอักษรต่ำ (เสียทีที่เป็นหลานน้าลิผู้เชี่ยวชาญภาษาไทย) ก็ชัวร์ป้าปทันที

    นั่นไงครับ โมชิก็โดนด้วย บอกว่าโมชิสวยเกิ๊น ถ้าเป็นคนอาจจะกลายเป็นกระเทย ไม่เคยเห็นดาราหน้าหยกหรือไงยะ...เอ่อ...ครับ

    ยังไงคุณยายก็เป็นห่วงน้องคนนี้ เวทนาที่เครียดหนักเพราะรับงานวิชาการคนเดียว และสอนเด็กป.1 ที่เสียงแปร๊นปานช้างป่าหนึ่งโขลง จนป่วยต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลให้คุณหมอแทงเข็มน้ำเกลือเล่นจนสมองเบลอร์

    คุณยายบอกว่า ถ้าเครียดมากๆ ก็ลองชวนช้างป่าตัวน้อยออกไปที่สนาม แล้วส่งเสียงแปร๊นแข่งกับพวกเขาดูปะไร อาจจะหายเครียดได้ หรือไม่ก็ได้รับอนุญาตจากผู้บริหารให้ไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพยาบาลจิตเวช จะได้เข้าทางไปเลย

    โมชิไม่เคยเห็นคุณยายแนะนำใครแปลกๆ แบบนี้ คุณยายบอกว่า เป็นคำแนะนำที่จัดให้เหมาะกับบุคคล

    น้องสาวของคุณยายก็คนข้างล่างไงล่ะครับ แอบไปลบภาพตัวเองออกหมด หารู้ไม่ว่าคุณยายได้เก็บไฟล์ไว้นอกเว็บด้วย

    • ขอบคุณ "ท่านผอ.บวรIco24" จากพนมไพรค่ะ ที่แวะมาให้กำลังใจ
    • 
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท