เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมกิจกรรมของโครงการปฏิบัติธรรมเจริญสติภาวนาน้อมถวายเป็นอาจริยบูชา เนื่องใน ๑๐๐ ปีชาตกาล หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ และน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลในพระราชวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๘๔ พรรษา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างศุกร์ที่ ๑๔- จันทร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ เพื่อเป็นวาระเปิดศาลาธรรมภาวนาของศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรมอย่างเป็นทางการ ณ ตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
การได้ไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ได้พบสิ่งดีๆหลายอย่าง จึงได้นำมาบันทึก ถ่ายทอด และสั่งสมรวบรวมไว้ให้แก่ผู้สนใจในอันที่จะขวนศึกษาให้กับตนเองในภายหลัง ได้หลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งอีกแง่มุมหนึ่งที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยที่ควรได้นำมาชี้ชวนกันดู ทั้งเพื่อเป็นการเรียนรู้ทางสังคม และได้เห็นทุนของสิ่งดีงามที่มีอยู่ในสังคม ซึ่งถ้าหากไม่นำมากล่าวถึงและชวนกันดูไปด้วยเมื่อมีโอกาสแล้ว สิ่งที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยและเกิดขึ้นได้ยาก ก็จะยิ่งเลือนหายและขาดความเป็นกำลังเกื้อหนุนส่งเสริมกัน เพื่อเคลื่อนไหวสร้างสุขภาวะสังคมให้เกิดขึ้นร่วมกัน มากยิ่งๆขึ้น จึงขอเก็บเกี่ยวความงามและทุนทางสังคมที่เป็นสิ่งหายากและได้พบอยู่ในผู้ที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
๑. ผู้นำทางจิตวิญญาณบูรณาการ
พระเถรานุเถระ ที่ดำรงฐานะ ๓-๔ ประการ ให้บูรณาการอยู่ในองค์เดียวกัน คือ (๑) ครองสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะ (๒) เป็นประธานแห่งสงฆ์ (๓) บรรลุการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในการศึกษาของพระ และ (๔) เป็นพระวิปัสนาจารย์หรือเป็นพระสายปฏิบัติ โดยเฉพาะ ๒ ประการหลังนี้ ดังจะขอนำมาบันทึกถ่ายทอดไว้ดังนี้
พระราชโมลี (ปธ.๙)
เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร
รักษาการเจ้าคณะภาค ๑๐
พระศรีวรญาณ หรือพระอาจารย์มหาไหล (ปธ.๙)
วัดป่าหนองคู อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
พระราชกิตติเมธี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี (ปธ.๙)
วัดพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี
โดยทั่วไปนั้น พระสายปฏิบัติและพระวิปัสนาจารย์ หากเปรียบกับกองทัพของบ้านเมือง ก็เหมือนกับทหารที่มุ่งเคี่ยวกรำตนเองเพื่อการรบ แต่มักอยู่ในเงื่อนไขและสภาพแวดล้อม ที่ยากแก่การที่จะได้มีโอกาสศึกษาอบรมทางปริยัติไปจนถึงขั้นสูงสุดของทางพระไปด้วย ในทางกลับกันก็เช่นกัน ความเป็นสายพระวิปัสนา กับความเป็นพระปริยัติในขั้นสูง จึงมักต้องแยกส่วนความโดดเด่นอยู่ในพระสงฆ์แต่ละรูป การที่จะบรรลุในขั้นสูงสุดของแนวทางซึ่งต่างก็ยากอย่างยิ่งไม่น้อยไปกว่ากันทั้ง ๒ ด้านในรูปเดียวกันนั้น จะพบเห็นได้ไม่มากนักในสังคมไทยและสังคมชาวพุทธ
พระคุณเจ้าที่มีความบูรณาการองค์ประกอบ ๒ อย่างและทั้งหมดดังที่กล่าวมานี้อยู่ในตนเอง จะเป็นครูทางจิตวิญญาณที่เข้าสู่การอบรมปฏิบัติธรรมและครูปริยัติอย่างผสมกลมกลืน เมื่อยกตัวอย่างและชี้นำการปฏิบัติ ก็สามารถถ่ายทอดบทเรียนได้อย่างตรงไปตรงมา ง่ายๆซื่อๆ ครั้นเมื่อต้องการเชื่อมโยงเข้ากับแก่นพุทธธรรมและหลักคำสอน ก็อธิบายได้อย่างกระจ่างแจ้งหมดสิ้น เพราะเป็นผู้แตกฉานในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกด้วย
คุณสนั่น ไชยเสน ซึ่งเป็น Ph.D. Candidate สาขาปรัชญา ของ ABAC และเป็นอดีตมหาเปรียญดีกรีมหาบัณฑิตจากประเทศอินเดีย ได้ให้ปัญญาแก่ผมว่า ความสำคัญและความที่หาได้ยากดังกล่าวนี้ หากสังเกตให้ดีจากสือหรือจากการร่วมงานพิธีสงฆ์ต่างๆ ก็จะพบว่า ตาลปัดพัดยศของพระสงฆ์ที่มีความสำเร็จทั้งสองด้านไปด้วยกันนี้ จะได้รับพระราชทานถวายตาลปัดพัดยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่างจากพัดยศในชั้นเดียวกันสำหรับพระราชาคณะทั่วไป เช่น มีสีขาวและทำขึ้นอย่างเป็นพิเศษ ดังนี้เป็นต้น
การมีผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีคุณลักษณะบูรณาการทุกด้านที่สำคัญของพระสงฆ์อยู่ในองค์เดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ยาก แต่เวทีชุมชนเจริญสติภาวนาในครั้งนี้ได้มีอยู่หลายรูปด้วยกัน จึงควรนับว่าเป็นทุนภูมิปัญญาที่สำคัญของสังคมอารยชน หรือ Civil Society ทางด้านการพัฒนาจากภาวะผู้นำด้วยใจ
๒. นายตำรวจบูรณาการ
ในโครงการจัดกิจกรรม เทียนสว่าง ณ กลางใจ ครั้งนี้ สถาบันชีวเกษม ซึ่งเป็นเครือข่ายวิชาการร่วมสนับสนุนกิจกรรมของศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรมในฐานะที่เป็นศาสตร์การพัฒนาด้านใน ได้ขอเชิดชูผู้ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ต่อการดูแลสุขภาวะของสาธารณะและศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อสะท้อนสู่การดำเนินชีวิตและพัฒนาการทำหน้าที่การงาน ผสมผสานกลมกลืนไปด้วยกัน ให้เป็นผู้ได้รับการเชิดชูรางวัลคนดีศรีชีวเกษม ปี ๒๕๕๔ เนื่องในวาระการเปิดธรรมศาลาภาวนา รำลึก ๑๐๐ ปีชาตกาลหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
พันตำรวจโทอิทธิฤทธิ์ ช่วยชูชิต รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธร อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ศึกษาปฏิบัติธรรมทั้งตนเองและครอบครัว สมาทานกินอาหารมังสวิรัติ และร่วมสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรม ทั้งการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ติดตั้งระบบไฟ ติดตั้งลูกกรงศาลาปฏิบัติภาวนา และสนับสนุนให้เครือข่ายอาสามัครตำรวจร่วมทำหน้าที่บริการชุมชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างสังคมสุขภาวะในแนวทางเชิงรุก
๓. เด็กและเยาวชนพัฒนาทักษะชีวิตอย่างบูรณาการ เด็กและเยาวชนที่ได้มีโอกาสกล่อมเกลาชีวิตไปกับสังคมของผู้ใหญ่
เด็กนักเรียน ๒ คน ได้ร่วมกันอ่านบทกวีประกอบตีขิมเป็น คีตภาวนา โดยนำเอากุญแจดอกเอก อันเป็นคำสอนสำคัญในวาระต่างๆของหลวงพ่อเทียนมาอ่านถ่ายทอดให้ผู้ใหญ่ผู้ร่วมงานเทียนสว่าง ณ กลางใจ ได้สดับฟัง พร้อมไปกับการสานความต่อเนื่องด้วยท่วงทำนองดนตรีจากการบรรเลงขิม
๔. ผู้นำสตรีแม่บ้านบูรณาการ
ในงานนี้ คุณมนรัตน์ สุภาพ เจ้าของไร่คุณมน จังหวัดกาญจนบุรี บนพื้นที่รอยต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี ได้มาร่วมจัดกิจกรรมและให้การสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติธรรมเบิกฟ้าธรรมาศรมตลอดมา
คุณมนรัตน์ สุภาพ เป็นแม่บ้านและผู้นำสตรีในวิถีชาวบ้าน ที่บุกเบิกริเริ่มการพัฒนาการแปรรูปผลผลิตเกษตรกรรมของชาวบ้านเกษตรกร ทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด กระทั่งประสบความสำเร็จ และยกระดับการดำเนินการเป็นองค์กรวิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาการทำมาหากินและยกระดับคุณภาพชีวิต ตลอดจนสร้างเสริมสุขภาวะของสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายของประเทศ ทำให้เป็นแหล่งอบรมและพัฒนาการเรียนรู้เกษตรกรและผู้นำชุมชน และได้รับการเชิดชูเป็นครูภูมิปัญญาไทย คนดีศรีสังคม และรางวัลต่างๆอีกหลายรางวัลใทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับประเทศ ปัจจุบัน ในไร่คุณมนมีแหล่งจัดกิจกรรมการเจริญสติภาวนา ทั้งเพื่อตนเองและเพื่อชาวบ้านที่เป็นเครือข่ายความสนใจด้วยกันด้วย
ความหมายและความสำคัญ
มีความเชื่อกันอย่างหนึ่งว่า การขยายตัวขึ้นอย่างซับซ้อนของสังคมโลก ในท่ามกลางสภาพความเป็นจริงว่าทั้งโลกมีข้อจำกัดทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติที่จะรองรับประชากรพลเมืองของมนุษย์มากยิ่งๆขึ้นอย่างเป็นลำดับนั้น หากไม่ดำเนินการแก้ไขและปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การพัฒนาต่างๆให้เหมาะสมแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติและความรุนแรงขึ้นกับมวลมนุษยชาติทั่วโลก ทั้งจากน้ำมือของมนุษย์และจากกระบวนการธรรมชาติ
ภายใต้ความเชื่อดังกล่าว แนวทางหนึ่งก็เชื่อกันว่าจะต้องมุ่งสู่การพัฒนาที่มีความสมดุลและยั่งยืนมากขึ้น ทั้งทางด้านความต้องการของมนุษย์กับทรัพยากรธรรมชาติ และทางด้านคุณค่าทางวัตถุกับการพัฒนาคุณค่าทางจิตใจและมิติทางจิตวิญญาณ ซึ่งการพัฒนาพลเมืองและผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีความเป็นองค์รวม เข้าถึงคุณค่าอันลึกซึ้งทางจิตใจ มีภูมิปัญญาปฏิบัติเพื่อเข้าถึงอรรถประโยชน์ที่แท้ทางวัตถุได้ดี ตลอดจนมีความบูรณาการอยู่ในตนเอง สามารถเชื่อมโยงตนเองกับชุมชนอย่างไม่แยกส่วน จะเป็นการสั่งสมทุนสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก เวทีชุมชนภาวนานี้มีเครือข่ายที่เป็นทุนทางสังคมดังกล่าวนี้อยู่.
น่าสนใจมากคะอาจารย์
บูรณาการณ์
ปฎิบัติ กับ ปริยัติ
ปราบปราม กับ บริการชุมชน
เศรษฐกิจ กับ สิ่งแวดล้อม
...
สวัสดีครับอาจารย์หมอปัทมาครับ
เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่จะช่วยทำให้เห็นสังคมในรายละเอียดและได้ความซาบซึ้งต่อสิ่งต่างๆในเชิงคุณค่าและความหมาย มากเข้าไปอีกน่ะครับ เป็นการช่วยให้ได้เห็นความแตกต่างและความหลากหลาย ที่ถ้าหากว่าไม่รู้และไม่มีแนวคิดในลักษณะอย่างนี้ช่วยการมอง ก็จะเห็นแต่ความดาดๆพื้นๆ ไม่มีวิธีทำประสบการณ์ที่มีความหมายดีๆ ให้มากไปกว่าการเดินผ่านกิจกรรมชีวิต แบบผ่านเลยและว่างเปล่า
หากเป็นเมื่อก่อนนี้ คนรุ่นปู่ย่าตายายและพ่อแม่ของเราแต่เก่าก่อน ก็คงสืบสานเรื่องทำนองนี้บนศาลาวัด หรือคุยกันในวงข้าวในงานบุญต่างๆ แต่พอสังคมสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปมาก จนไม่ค่อยมีพื้นที่อย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว การนำมาชวนกันดูและแบ่งปันกันอย่างนี้ ก็น่าจะเป็นการช่วยกันให้ได้สายตาและจิตใจใหม่ๆ เมื่อออกไปสัมผัสกับสังคมรอบตัวเดิมๆ ก็กลับจะเห็นโลกที่มีความงดงามใหม่ๆเกิดขึ้นมาได้อีกอยู่เรื่อย
ตัวอย่างที่มีอยู่เป็นพื้นฐานในเวทีกิจกรรมชุมชนต่างๆเหล่านี้ หากมีแนวคิดและวิธีวิเคราะห์ได้หลากหลาย ก็จะช่วยให้การทำงานเชิงสังคมเพื่อสร้างสุขภาวะของส่วนรวม ได้ครอบคลุมความแยกส่วนมากขึ้น นอกจากผ่านการต้องสร้างคนที่มีความบูรณาการอยู่ตนเองอย่างนี้แล้ว หากไม่มีหรือสร้างได้ยาก แต่สุขภาวะสาธารณะก็ยังคงเป็นเป้าหมายที่จำเป็นสำหรับทุกคนอยู่ ก็จะสามารถบรรลุจุดหมายได้อีกหลายวิธีการ
เป็นต้นว่า สร้างวัฒนธรรมการรวมกลุ่มและสร้างศักยภาพในการจัดการตนเองแบบกลุ่มประชาคม ทำให้เกิดกลุ่มที่มีภาวะผู้นำรวมหมู่ มีสมรรถนะทางการปฏิบัติอย่างบูรณาการอันเกิดจากความร่วมมือกัน ซึ่งก็แก้ปัญหาการขาดความบูรณาการในตัวคนไปได้
หรือในทางการพัฒนาสุขภาพชุมชนและงานสาธารณสุขมูลฐาน ก็มีวิธีปฏิบัติการให้ครอบคลุมเชิงพื้นที่และสนองตอบความจำเป็นที่หลากหลายได้อีกวิธีหนึ่งคือ การเชื่อมโยงปฏิบัติการด้วยกันแบบเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพหุสาขา หรือ Multi-Sectorals Collaboration ทั้งจากเรื่อง สุขภาพ การพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การพัฒนาชุมชน การศึกษา และอื่นๆ ลักษณะอย่างนี้ก็แก้ปัญหาการขาดความบูรณาการไปได้ด้วยเช่นกัน
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ เป็นโอกาสที่ดีมากได้พบบุคคลที่ควรบูชายิ่งและกัลยาณมิตร-กัลยาณธรรม ร่วมทางธรรมนะคะ
อ่านแล้วเป็นสุข เห็นความหวัง ความดีผลิบานในสังคม
นุชปฏิบัติธรรมครั้งแรกในชีวิตก็ในแนวทางหลวงพ่อเทียนค่ะ ไปไกลถึงสกลนคร
แวะมาร่วมศึกษา "งานบุญ จิตภาวนา และการบูรณาการทักษะชีวิต" กลมกลืนและเกิดมิติของการเรียนรู้ที่สร้างพลังขับเคลื่อนมวลชน
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับดร.ยุวนุชครับ
มีพื้นที่อย่างนี้เยอะๆและให้หลากหลาย กระจายไปตามเครือข่ายความสนใจต่างๆก็ดีเหมือนกันนะครับ เป็นการริเริ่มและสร้างพื้นที่เชื่อมโยงด้านที่เป็นวัฒนธรรมทางจิตใจเข้ากับระบบสังคมและมิติอื่นๆของชีวิต ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เคยมีอยู่ และเพิ่มความหลากหลาย ให้สังคมได้มีโอกาสเข้าถึงการใช้ชีวิตในแนวทางอย่างนี้ได้มากขึ้น
รูปแบบอย่างนี้ ให้ความคิดดีๆเกิดขึ้นไปด้วยหลายอย่างครับ เป็นรูปแบบที่รวมตัวกันทำขึ้นมาใหม่ทั้งโดยพระ ชุมชน และเครือข่ายของกลุ่มความสนใจ ทางกลุ่มที่ริเริ่มขึ้นมาพยายามนำเสนอภายใต้แนวคิดว่า ทำเรือนให้เป็นอาราม ซึ่งก็มีความหมายต่อการชวนให้ฉุกคิดและเห็นโอกาสทำสิ่งต่างๆในพื้นที่ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีทีเดียวละครับ
สวัสดีครับอาจารย์ดร.ป๊อบครับ
ในส่วนของการทำให้มีมิติกระบวนการเรียนรู้ และได้สื่อสาร สร้างการเรียนรู้ให้กับสังคมไปด้วยนั้น เป็นด้านที่ผมเองก็อาสาตนเองเข้าประกบและทำหน้าที่นี้ไปด้วยกันกับการร่วมกิจกรรมโดยวิธีรวมกลุ่มความสนใจอย่างนี้อยู่เสมอๆครับ
งานสร้างความรู้ที่ผสมผสานไปกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นบนการได้ปฏิบัติ การพัฒนาวิธีคิดวิธีมอง ชวนกันดูความหมายและนัยสำคัญต่อการก่อเกิดความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงใหม่ๆของสังคมเล็กๆน้อยๆ รวมทั้งการเป็นสื่อทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาการยกระดับด้านใน แข่งกับกระแสสังคมที่เคลื่อนไปทางวัตถุมากกว่า เพื่อสร้างสังคมสุขภาวะสำหรับการอยู่ร่วมกันของเราเองด้วย อย่างนี้ ก็น่าจะเป็นการเดินเข้าไปทำสิ่งที่สนใจด้วยกัน พร้อมกับเดินบวกในด้านที่เราเห็นและสามารถทำหน้าที่เสริมพลังให้แก่ความริเริ่มเล็กๆอย่างนี้ได้
จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนกับเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่เกิดขึ้นในวิถีชุมชน ที่เราเดินออกไปร่วมมือกับผู้คนที่ลุกขึ้นมาพึ่งการปฏิบัติตนเอง ได้อย่างไม่จำกัดในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกันเลยนะครับ หากเป็นการเคลื่อนไหวมวลชน ก็นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวแบบลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ในสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดีกว่ารอให้เกิดความแตกต่างและขัดแย้งแล้วค่อยมาเรียกร้องต่อสู้กันให้ความเป็นส่วนรวม โน้มไปในทางที่นอกจากต่างก็ต้องการไม่เหมือนกันแล้ว ก็อยู่ในโครงสร้างการปฏิสัมพันธ์กัน ที่ยากจะเป็นกำลังหนุนเสริมกันและกันอีกด้วย ก็เป็นวิธีพากันสร้างประสบการณ์ต่อสังคมในวิถีทางที่ต่างออกไป แต่แง่มุมอย่างนี้ ต้องมีคนช่วยๆชวนมองให้เห็นด้วยเหมือนกันครับ อาจารย์นี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เหมาะครับ
มาเก็บเกี่ยวแนวคิดค่ะอาจารย์
ได้รับอนุมัติในหลักการแล้ว ปิด 3 วันนี้ กำลังเขียนแผนปฏิบัติการต่อเนื่อง
ที่เคยศึกษาชุมชนแบบมีส่วนร่วมไว้ 4 หมู่บ้าน
จะเดินหน้า "รวมหมู่" เล็ก ๆ ของแกนนำหมู่บ้านที่สนใจ
เปิดเวทีพูดคุย จะพัฒนาระบบสุขภาพให้สอดคล้องรากฐานเดิมของหมู่บ้านอย่างไร
ชิ้นที่สอง แผนปฏิบัติการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก ซึ่งต้องพยายามองค์รวม
และชิ้นที่สาม ได้รับมอบหมายให้...เกลาแผนของคณะทำงานยุทธศาสตร์สุขภาพที่ 3 ของอำเภอ
ที่กำลังพยายามบูรณาการงานสร้างเสริมสุขภาวะ ในประเด็นเนื้องานที่พอจะเข้ากันได้
อีก 2 วันที่เหลือ...หายคันแน่ ๆ เลยค่ะ