วิชากฏหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
สืบเนื่องจาก สัญชาติ เป็นนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐและเอกชนที่ก่อให้เกิดสถานภาพของ คนชาติ แก่บุคคลผู้เป็นคู่กรณีในนิติสัมพันธ์ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างรัฐกับเอกชน แต่เนื่องจากรัฐใดรัฐหนึ่งอาจมีคนต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้ที่ไร้สัญชาติเข้ามาจึงก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพทำให้คนต่างด้าวมีปัญหาต่อการดำรงชีพของตนในรัฐนั้นๆ ได้ เพราะปัญหาทางด้านปัจเจกชนของคนต่างด้าวอาจนำมาซึ่งปัญหาทางสังคม รวมทั้งอาจก่อปัญหาระหว่างประเทศได้ หากไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมาเอื้อต่อการใช้สิทธิของคนต่างด้าว รวมทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจมีในภายหน้าได้ จากข้อเท็จจริงในกรณีของเด็กหญิงปิยนุชมีประเด็นปัญหาต้องพิจารณาว่าเด็กหญิงปิยนุช(ปัจจุบัน อายุ 11 ปี) เป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทยและทำให้เกิดปัญหาในการเข้าการศึกษาในประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากขาดเอกสารสำคัญทางทะเบียนจะใช้กฎหมายหรือหลักการใดเพื่อให้เด็กหญิงปิยนุชได้มาซึ่งสัญชาติไทยได้บ้าง หลักการได้สัญชาติไทย
1. การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
1.1 การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด คือ การได้สัญชาติโดยหลักการสืบสายโลหิตของบิดาหรือมารดาที่มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในประเทศไทยหรือไม่ (พรบ.สัญชาติไทย พ.ศ. 2508 ม. 7) แต่ข้อเท็จจริง บิดาและมารดาของเด็กหญิงปิยนุชเป็นชาวพม่า ดังนั้นเด็กหญิงปิยนุชไม่อาจได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
1.2 การได้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดน คือ การเกิดในประเทศไทย แต่ข้อเท็จจริงไม่สามารถสรุปได้ว่าเด็กหญิงปิยนุชเกิดในประเทศไทยหรือไม่ แต่ถึงแม้ว่าเด็กหญิงปิยนุชจะเกิดในประเทศไทย แต่ก็ไม่อาจได้รับสัญชาติไทยได้ เนื่องจากทั้งบิดาและมารดาเป็นชาวพม่าที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (พรบ.สัญชาติไทย พ.ศ. 2508 ม. 7 (2) ประกอบ ม. 7 ทวิ (3) )
2. การได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด
2.1 การได้สัญชาติไทยโดยการสมรส คือ การสมรสกับผู้มีสัญชาติไทย (พรบ.สัญชาติไทย พ.ศ. 2508 ม. 9 ) แต่ข้อเท็จจริงเด็กหญิงปิยนุชไม่มีการสมรสกับผู้มีสัญชาติไทยแต่อย่างใด และเด็กหญิงปิยนุชยังเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ เนื่องจากปัจจุบันเด็กหญิงนุข อายุ 14 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ป. 4 2.2 การได้สัญชาติโดยการแปลงสัญชาติ ตามพรบ.สัญชาติไทย พ.ศ.2508 ม. 10 , ม. 11 , ม. 12 ทั้งนี้ นอกจากจะศึกษาถึงกฎหมายของ พรบ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 แล้ว ยังมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับคนต่างด้าวอาจต้องศึกษาและหาทางแก้ไขจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 , พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2508 , พ.ร.บ. การทะเบียนคนต่างด้าว , พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 และมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 18 มกราคม 2548 ในกรณีของเด็กหญิงปิยนุช เป็นกรณียุทธศาสตร์จัดการสถานะและสิทธิบุคคลว่าด้วยกรณีเด็กที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาของประเทศไทยแต่ไม่มีสถานะที่ชัดเจนตามกฎหมายไทย , มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 5 กรกฎาคม 2548 เรื่องการให้สถานศึกษาดำเนินการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน พ.ศ. 2548 รวมถึงการให้นายอำเภอมีการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนเป็นต้น
ดังนั้น สำหรับในกรณีของเด็กหญิงปิยนุชจะต้องมีการจัดทำทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตนคือจัดทำเลขบัตรประชาชน เมื่อเด็กหญิงปิยนุชอายุ ครบ 15 ปี บริบูรณ์ และหากเข้าหลักเกณฑ์การแปลงสัญชาติก็ให้จัดให้เด็กหญิงปิยนุชได้มาซึ่งสัญชาติไทย และการประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโพธิ์ทองบน ไทยรัฐ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยทั้งนี้ จะต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สำนักงานสภาความมั่งคงแห่งชาติ , กระทรวงต่างประเทศ , กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น นอกจากนี้ ต้องประสานงานกับภาครัฐและเอกชนในกรณีที่เด็กหญิงปิยนุชจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า และจะต้องทำงาน เดินทาง ทำนิติกรรมต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับเอกสารทางทะเบียนว่าจะให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆใดบ้าง เพื่อแก้ปัญหาที่อาจมีในภายหน้าได้
ไม่มีความเห็น