ในยามที่ใครต่อใคร กำลังเดือดร้อน และพูดถึงน้ำท่วมกันอย่างกว้างขวาง
"ให้ดอกไม้" ๑ ดอก สำหรับบันทึกนี้ครับ คุณหมอ ป.กุ้งเผา ;)...
เป็นชุมชนตัวอย่าง ที่รู้จักพึ่งตนเอง เป็นแบบอย่างที่ดี แก่ชุมชนอื่น
ขอ.อย่าใช้...กำลัง ขอ...ขู่เข็ญ...และ โทษคนอื่น .....
หันกลับมาช่วยเหลือตนเอง และคนอ่อนแอบ้าง...น่าจะดีกว่า..นะคะ
สวัสดีครับ...
ผมชอบบันทึกนี้
เป็นวาระแห่งชาติ gotoknow ได้นะครับ
เหมาะสมกับสภาพปัญหาและบริบทพื้นที่ และวิถีชีวิตมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะที่เผยแพร่ในเรื่องมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ยามนี้ ..พี่ใหญ่พึ่งตนเองเช่นกันค่ะ ..ทั้งเตรียมย้ายของขึ้นชั้นบน หากระสอบทรายมากั้นทางน้ำเข้า สำรองที่อยู่แห่งที่สองหนีน้ำ ฯลฯ ..หลายๆคนขำๆว่า ตื่นตัวมากเกินไปหรือเปล่า??
ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นบ่อยๆ มากน้อยต่างกันไป
วางแผนการเตรียมรับมือระยะยาวน่าจะคุ้มค่า
เป็นที่ปรึกษาให้ชาวบ้านคิดโครงการ
นำเสนอของบประมาณ คงดีแน่ แต่..
อย่าหักร้อยละ ก่อนก็แล้วกันนะครับ เจ้านาย
ขอบคุณคะอาจารย์ ได้ข่าวเชียงใหม่น้ำลดแล้ว หรือเปล่าคะ ยินดีด้วย :-)
สวัสดีค่ะ
ขอชื่นชมชุมชนตัวอย่าง...การยอมรับสภาพและการปรับตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น...เป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้ตนเอง...ขอเป็นกำลังใจนะคะ...แต่มีข้อคิดในเรื่องการขุดสระแก้มลิงในที่นา...ที่จริงแล้วลักษณะภูมิประเทศของไทยเป็นพื้นที่ราบลุ่ม...พื้นที่ส่วนไหนที่ต่ำมากนั่นคือแก้มลิงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ...พอมีคนไปสร้างบ้านเรือนและทำเป็นพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่แก้มลิงเมื่อน้ำมาจึงท่วม...ประเทศไทยแต่เดิมจะมีคูคลองในเมืองต่างๆเพื่อการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำ...แต่ปัจจุบันมีการถมคูคลองให้เป็นถนน...ถึงแม้จะมีท่อระบายน้ำมาแทนคูคลองต่างก็ไม่สามารถระบายน้ำจำนวนมากๆได้ทันและที่สำคัญขาดการดูแลรักษามีเศษขยะอุดตันอีก...การแก้ไขระยะยาวต้องมีการวางผังเมืองที่ถูกต้องตามลักษณะภูมิประเทศซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก...หรือไม่ก็ต้องพัฒนาบ้านเมืองให้ลอยน้ำได้ซึ่งก็ยิ่งยากกว่าอีกเช่นกัน...
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ขอส่งแรงไจไปช่วยอีกคนค่ะ
เห็นด้วยคะคุณครู ขอความร่วมมือแบบฉันมิตร ให้เขาร่วมคิดร่วมทำ
เรื่องผิดพลาดในอดีตก็คืออดีต แทนที่จะแก้ลบ ลองมาเสริมบวก บ้างเป็นไร :-)
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ
ชื่นชมชาวบ้านค่ะ ร่วมแรงใจ มองปัญหา เดินสายกลาง หาทางแก้ได้ถูกจุด
เป็นกำลังใจให้พี่น้องเราที่ประสบภัยน้ำท่วมค่ะ
ขอบคุณสำหรับมุมข่าว เล่าน่าสนใจมาก แทรกข้อคิดดีๆค่ะ
เป็นวาระแห่งชาติของ gotoknow จริงๆ คะ ช่วยๆ กันเสนอแต่ละแง่แต่ละมุม
อยากให้ชุมชนที่แก้ปัญหาน้ำท่วมตนเองสำเร็จมาช่วยแชร์ กลวิธีด้วยคะ
ถ้าพี่ใหญ่สำรองแห่งที่สองหนีน้ำ อยากเชิญมาอยู่ที่เชียงใหม่ บริเวณเชิงดอยด้วยกันคะ :-)
สวัสดีค่ะ
แวะมาชมบันทึกนี้ค่ะ
เป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่งค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ^^
มาแนวสะเก็ดข่าวเลยนะคะอาจารย์
หากมีทีมนักวิชาการ ให้คำปรึกษาโครงการ ยิ่งดีคะ
ขอบคุณ การวิเคราะห์แก้มลิงอย่างน่าสนใจคะ อาจารย์
เมื่อประชากรมากขึ้นแล้วไปอยู่อาศัยในที่ซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ จึงเป็นปัญหา
มีผู้ใหญ่ เล่าว่า สมัยก่อน แม่น้ำปิงกว้างกว่ายุคนี้สองเท่าได้
แสดงว่า บ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำปิง นั้นตั้งในที่ซึ่งเป็นของแม่น้ำมาก่อน
เมื่อน้ำเอ่อ ส่วนที่อยู่ข้างแม่น้ำจึงโดนท่วมบ่อยกว่าใคร..
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เห็นทีคงต้องหาทางปรับความเป็นอยู่ให้เข้ากับธรรมชาติด้วยคะ
อย่าง เรื่องบ้านลอยน้ำ ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะบ้านส่วนที่ตั้งในแก้มลิงหรือริมแม่น้ำ
ขอบคุณคะพี่แดง ชื่นชมกับการช่วยเหลือโรงเรียนแม่ลาน้อย
ในบันทึก "น้ำใจ" เช่นเดียวกันคะ :-)
ขอบคุณคะ เชื่อว่าคนชุมชนนี้ทำสำเร็จ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างแบบที่คุณถาวรว่าคะ
คือ ความสามัคคี เลือกทางสายกลาง พึ่งตนเองในการแก้ปัญหา
ขอบคุณคะ คุณครูวราภรณ์
อ่านบันทึกล่าสุดคุณครูแล้วถึงคิดได้อีกอย่างว่า
การลงมือทำด้วยตนเอง เกิดจากการได้คิดด้วยตนเองด้วยคะ :-)
ขอบคุณคะน้องต้นเฟิร์น ที่บ้านน้ำท่วมไหมคะ หวังว่าสบายดีถึง smile :-)
สวัสดีค่ะคุณหมอป.
ขอบคุณคะ ขอให้เป็นวันทำงานที่มีความสุขอีกวันนะคะ :-)
พี่หมอนำข้อมูลดีๆ ที่เป็นชุดความรู้สำหรับการนำไปใช้ในการพึ่งพาตนเองได้แจ่มเลยค่ะ ^^
ลูกยาง = ห่วงยาง ? หรือเปล่าคะ
ถ้ามีก็แค่ยางจักรยาน ยังไม่พอช่วยลอยน้ำคะ :-)
ขอบคุณคะ เป็นกำลังใจให้สอบผ่านฉลุยเช่นกันนะคะ :-)
หลังจากแอบติดตาม
จึงขอยืมการมองแบบ Appreciation inquiry ของท่าน ดร.ภิญโญ
ตามความเข้าใจ คงไม่ว่ากันนะคะ
ครับเข้ามาเยี่ยมชมตามปกติครับ
ขอบคุณคะ เป็นกำลังใจให้ รณรงค์รักษาธรรมชาติอีกแรงนะคะ
มีความสุขกับทุกๆวัน พี่เกดส่งกำลังใจมาให้ค่ะ :-)
ขอบคุณคะ น้ำท่วมเพียงไร ก็ไม่กระเทือน R2R นะคะ :-)
ตอนนี้กระแสชุมชนเข้มแข็ง
ชุมชนจัดการตนเองกำลังมาแรง โหมให้หลายชุมชน ลุกขึ้นมาจัดการตนเอง
แต่ในเวทีถกแถลง ยังค้นฐานคิดจัดการตนเองของชุมชนยังไม่ชัด....
หากพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ลองจัดการตนเองของชุมชนเรื่องภัยพิบัติ...
จะได้เรียนรู้ ป้องกัน อพยพไม่ให้เกิดการเสียหายมากนัก
ทั้งการเยียวยาฟื้นฟู จัดการให้เห็นเป็นพื้น ในการจัดการตนเอง
ขอบคุณคะ
ติดใจคำว่า "ค้นฐานคิดจัดการตนเองของชุมชน"
ทำให้คิดไปถึง เครื่องมือเพื่อทำงานร่วมกันเป็นทีม ทั้งภายใน (พัฒนาจิต) และภายนอก ( เช่น mindmap) ที่ท่าน อ.วิรัตน์ เคยแสดงความเห็นไว้ที่นี่คะ
น่าชื่นชมทั้งคนทำ และคนสังเกตคะ
แทนที่จะทำคันกั้นชั้นเดียว แต่ถ้าพังขึ้นมาเสียหายมากกว่ากั้นไว้อีกชั้น
ช่วงน้ำท่วมเป็นวิกฤตที่แฝงโอกาส ของการเปิดใจเรียนรู้ร่วมแก้ปัญหา
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี ขอบคุณคะ
เยี่ยมไปเลยค่ะ
ขอบคุณคะ เห็นที่พิจิตรมีน้ำท่วมเหมือนกัน
ขอส่งกำลังใจให้คะ
แวะเอาสุขา ลอยน้ำมาฝากคะ
ช่วงไปช่วยน้ำท่วมที่โคราชปีที่แล้ว
ขอบคุณคะพี่กระติก เป็นไอเดียที่ช่วยเรื่องพื้นฐาน หลายคนมองข้าม
เยี่ยมจริงๆ คะ (นางแบบดูภูมิใจมากเลย :-)
ครับคุณหมอ โมเดล หนองบัว คือความหวังที่อยากเห็น
อาจารย์ วิรัตน์ ยิบยื่นโอกาสให้เรียนรู้ ด้วยหนังสือที่สร้างสุขให้ชุมชน
ได้เป็นแนวทางในการออกไปทำแผนทำโครงการด้านสุขภาพให้ หมออนามัย
เป็นความภาคภูมิใจของ พนักเปล ก้าวข้ามความคิดตำแหน่งงานหน้าที่
เจริญพร คุณหมอ
เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชม บังวอญ่า ด้วยใจจริงคะ
เป็นตัวอย่างคนทำงานเพื่อส่วนร่วม
กล้าคิด กล้าทำ และอบอุ่นจริงใจ
น่าสนใจ model หนองบัว
ทิศทางการวิจัยเพื่อพัฒนา คือการค้นหาและเรียนรู้จาก model ตัวอย่าง "ที่มีอยู่จริง"
กันมากขึ้น
นมัสการพระคุณเจ้าคะ
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับประโยชน์จากข้อคิดเห็นลึกซึ้ง
(๑) น้ำคือความโลภ
(๒) น้ำคือความโกรธ
(๓) น้ำคือความลุ่มหลงมัวเมา
คราวใดที่น้ำทั้งสามคลื่นถาโถม และซัดกระหน่ำ คราวนั้น ผู้ที่ถูกน้ำท่วมใจจะทุักข์ทรมานประดุจตายทั้งเป็น
น่าคิดว่า น้ำ ที่ท่วมภายนอกนั้น สร้างความเสียหายทางวัตถุก็จริง
แต่ น้ำแห่งความโกรธ โลภ หลง ภายในใจยิ่งกระหน่ำซ้ำเติมให้ทุกข์ยิ่งขึ้นไปอีก
ทำอย่างไร ให้น้ำไม่ท่วมใจ น่าสนใจและจะติดตามบทความของพระคุณเจ้า ในเรื่องนี้อย่างแน่นอนคะ
ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจ เยี่ยมเยียนกันยามน้ำท่วมนะคะ
ระยะสองสามปีมานี้ชุมชนเริ่มแข็งแรงเห็นชัดมากขี้นนะคะ วิกฤตแต่ละแบบ แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นชุมชนได้เรียนรู้และลุกขึ้นมาพยายามยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง มีตัวอย่างดีๆมากมาย ตัวอย่างที่คุณหมอนำมาให้ได้อ่านที่นี่ดีมากค่ะ หลังน้ำท่วมน่าจะมีการรวบรวมปัญหาและวิธีการแก้ การจัดการ ที่ชุมชนมีบทบาทสูง เพื่อสังเคราะห์ ชี้แนะ ให้ได้เรียนรู้วิธีคิดตั้งแต่ระดับท้องถิ่นพวกอบจ. อบต. ไปจนถึง รัฐบาลบ้าง น่าจะเป็นประโยชน์ ใช้บทเรียนครั้งนี้ให้คุ้มค่านะคะ เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะว่าคนในท้องถิ่นจะสามารถเป็นพลังช่วยเหลือกันเองได้
ขอบคุณคะ ช่วงน้ำท่วม ได้อาศัยหลายสาขาวิชาชีพเข้ามาช่วย เข้าไปอ่านแล้ว เจอบางสิ่งน่าสนใจ
ควรบรรจุทรายแค่เพียงครึ่งหนึ่งของถุงเท่านั้น และควรมัดปากถุงให้ใกล้กับด้านบนถุง แต่หากบรรจุทรายเต็มถุงและมัดปากถุงสูงเกินไป จะทำให้น้ำซึมผ่านเข้ามาได้ง่าย
ขอบคุณอาจารย์มากคะ และเชื่อว่า โครงการสังเคราะห์บทเรียนปัญหาน้ำท่วมที่ชุมชน/ท้องถิ่นมีส่วนร่วม จะเป็นประโยชน์ต่อ การบริหารจัดการน้ำท่วมในอนาคต
โมเดลที่เรานำมาจากต่างประเทศ อาจไม่ดี เท่ากับเรียนรู้บทเรียนในอดีตของเราเอง
ชื่นชมความคิดริเริ่มนี้อย่างยิ่งคะ
บันทึกนี้เตือนสติให้ได้เรียนรู้แนวทางการป้องกันทุกขภาวะทางธรรมชาติอย่างดี
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณคะ อ.ดร.ป๊อป
มีบทความ ของท่าน อาจารย์ นพ.ประเวศ วะสี เขียนไว้อย่างน่าประทับใจ ที่นี่คะ
"...แต่ถ้าเราแตกแยกกันน้ำจะท่วมอีก และประเทศไทยจะวิบัติ
เราอย่าให้การรวมใจหายไปพร้อมกับน้ำลด ต้องรักษาสปิริตแห่งการรวมใจไว้ให้ได้ เพื่อสร้างสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกันรัฐบาลควรนำการสร้างสังคมที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน มาเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน เหมือนการร่วมมือในการบรรเทาอุทกภัยคราวนี้..."