“อย่าปล่อยให้ความฝันของใครๆ เดินทางอย่างเดียวดาย”
นั่นคือแนวคิดหลักอีกแนวคิดหนึ่งที่ผมยึดเป็นครรลองในโลกแห่งชีวิตและการงาน
ช่วยอะไรไม่ได้มาก อย่างน้อยก็ช่วยเป็นผู้รับฟังที่ดี
เพราะการรับฟังที่ว่านั้น
ก็เป็นประหนึ่งการเสริมพลังให้ความฝันของใครคนนั้นได้เติบโตและโบกบินไปในตัว
ก็ด้วยวิธีคิดเช่นนั้นเอง เมื่อหลายปีก่อน ผมและทีมงานที่ร่วมชะตากรรมกันมาอย่างโชกโชน จึงประกาศวาระอันสำคัญขึ้นในองค์กร นั่นก็คือ “นวัตกรรมความคิดนิสิต มมส” โดยมุ่งที่จะเปิดพื้นที่ให้นิสิตได้เสนอความคิด (ความฝัน) ออกสู่สาธารณะอย่างสร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการ หรือสไตล์ของนิสิต ไม่ว่าความคิด หรือความฝันเหล่านั้นจะเป็นรูปร่างเช่นใด ทั้งผมและทีมงานก็พร้อมที่จะเป็นผู้ฟัง และผู้นำสารที่ดี
ถึงกระนั้นผมและทีมงานก็ไม่ท้อถอย ไม่เคยคิดที่จะพับวางเรื่องนวัตกรรมความคิดของนิสิตลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับผลักให้กระบวนคิดดังกล่าวขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้นิสิตเขียน “เรื่องเล่าเร้าพลัง” (story telling) ในโอกาสต่างๆ เช่น เรื่องเล่าเร้าพลังชาวค่าย เรื่องเล่าเร้าพลังชาวหอพัก การประกวดภาพถ่ายชาวค่าย การประกวดภาพถ่ายความสุขเล็กๆ ของชาวหอพัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนถูกนำมาผลิตเป็นนวัตกรรม หรืองานสร้างสรรค์ของนิสิตอย่างน่าชื่นชม แถมยังถือเป็นเครื่องมือในการพัฒนานิสิตไปในตัวอย่างนิ่งเนียน ฝึกทักษะการมองโลกและชีวิต ฝึกทักษะการคิด การอ่านและการเขียนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไปทีละนิดๆ
ครับ,จากวันนั้นถึงวันนี้เรื่องราวอันเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรม หรืองานสร้างสรรค์ผ่านความคิดของนิสิตก็เดินทางมาร่วม ๔ ปีเศษ ผมเห็นการเติบโตและงอกงามในหลายเรื่อง ทั้งในมิติของการเป็นจดหมายเหตุชีวิต จดหมายเหตุองค์กร หรือแม้แต่พลังทางปัญญาของนิสิตทั้งที่เป็นผู้สร้างและผู้เสพ และที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือกลายเป็นกระบอกเสียงแห่งการประชาสัมพันธ์ความเป็นมหาวิทยาลัยไปสู่สาธารณะอย่างเหลือเชื่อ
และที่สำคัญก็คือ ทั้งผมและทีงาน “ไม่ได้ปล่อยให้ความฝันของใครบางคนเดินทางอยู่อย่างเดียวดาย” เพียงสื่อสารมายังผมและทีมงาน ความคิดและความฝันที่ว่านั้น จะได้รับการจัดแต่งเป็นผลงานภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมความคิดนิสิต มมส”
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกๆ ความฝันของทีมงานใน
“กองกิจการนิสิต” รวมถึงความฝันของชาว “กากะเยีย”
ที่ไม่ปล่อยให้
“ความฝันของนิสิต”
เดินทางไปอย่างเดียวดาย
และที่สำคัญขอขอบคุณสุทินฯ
ที่นำพาความฝันของตัวเองมาให้ผมและทีมงานได้ทำหน้าที่สื่อสารไปสู่สาธารณะ
สำหรับผู้อ่านนั้น ก็ไม่ต่างกัน เพราะท่านต่างก็กำลังทำหน้าที่ด้วยการเปิดใจรังสรรค์พื้นที่ให้ความฝันของใครๆ ได้มีที่เหยียบยืนเพื่อเติบโตและโบกบินด้วยเช่นกัน
หอมกลิ่นความฝันกลางฤดูฝน,
พนัส ปรีวาสนา
สิงหาคม ๕๔
นั่นคือคำนำที่ผมเขียนขึ้นในหนังสือรวมเรื่องสั้น ๗ เรื่องของนิสิต หลายต่อหลายเรื่องบอกเล่าเรื่องราวในรั้วมหาวิทยาลัย มีมุมชวนคิดชวนมองอยู่ไม่น้อย ผมไม่ได้เพ่งพินิจคุณค่าสารัตถะในทาง "วรรณศิลป์" จนลืมคุณค่าทางใจที่นิสิตพยายามสร้างสรรค์ออกมา...
ส่วนที่เหลืออีกหลายร้อยเล่มนั้น ผมจะส่งมอบไปยังห้องสมุดโรงเรียนรอบชุมชนมหาวิทยาลัยฯ และส่งมอบไปยังคณะต่างๆ เพื่อปลุกให้ความฝันของใครๆ ได้ตื่นขึ้นมาแสวงหาพื้นที่เหยียบยืนเฉกเช่นกับที่สุทินฯ ได้พา "หุ่นไล่กา ตุ๊กตาไล่ฝน" ได้แสวงหาพื้นที่เหยียบยืนอย่างมีตัวตน และสง่างาม -
หนังสือเล่มนี้ ได้เดินทางมาถึง "เชียงใหม่" เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ;)...
สวัสดีครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
แอบหลุดไปถึงเร็วจัง -อุตส่าห์เก็บใส่กระเป๋าจะหิ้วไปฝากด้วยตัวเองในกลางเดือนกันยายนโน่นแล้วนะ
คุณ แผ่นดิน ;)...
คือว่า มันหลุดมาอยู่ในร้านหนังสือน่ะครับ แต่ไม่หลุดมาถึงผมเลย
โปรดหิ้วใส่กระเป๋ามาด้วยครับ ... ผมรอรับด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งยวดครับ
ขอบคุณมากครับ ;)...
ขอบคุณแทนเยาวชนที่มีครูบาอาจารย์เป็นลมใต้ปีกเช่นนี้ค่ะ:)
เป็นหนังสือที่น่าอ่านยิ่งค่ะพี่ แล้วอาร์มจะหาอ่านได้จากที่ไหนค่ะเนี่ย ดูท่าทางแล้วจะไม่ได้ตกมาถึงมืออาร์มแน่ๆเลย ^^
พี่พนัสครับ...เป็นความโชคดีของมหาวิทยาลัยอย่างหนึ่งที่มีพี่คอยดูแล สร้างสรรค์งานด้านกิจการนิสิต ผมคิดไม่ออกว่าจะมีใครที่ไหนทำแบบนี้ได้บ้าง สมัยก่อนเราทำงานหนังสือกันด้วยปากกัดตีนถีบ ถ่ายเอกสาร เย็บเล่ม ใช้มีดกรีด ทุกครั้งที่รอยมีดกรีดเสมือนหนึ่งรอยตอกย้ำให้เราหนักแน่นและมุ่งมั่น ถามว่า เจ็บไหม อาจมีบ้าง ถามว่าปวดไหม อาจมีบ้างกับบางสิ่งอย่าง ทว่าถามว่าสุขไหม นั่นคือคำตอบทั้งหมด วันนี้ได้เห็นผลงานน้องนิสิตแล้วดีใจ อบอุ่นครับ เรื่องรูปเล่ม ออกแบบนั้นวางใจ กากะเยียแล้ว ฝากดูแลเรื่องต้นฉบับ การบรรณาธิการด้วยครับ เพราะเป็นหัวใจของหนังสือ เป็นเล่มแล้วต้องดีด้วย ผมเห็นหนังสือของเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งบ้านริมชี ความจริงเขาถนัดเรื่องสั้น แต่ทำไมมารวมเล่มกวีไม่รู้ ชื่อเล่มดีมาก ออกแบบสวยโดยกากะเยีย แต่เนื้อในพิมพ์ผิดเยอะมาก กลอนก็ผิดพลาดไปหมด อ่านแล้วปวดใจ หนังสือที่ดีต้องให้อะไรคนอ่านไม่มากก้น้อย พี่ๆ นักเขียนหลายคนพูดกับผมว่า เสียดายจริงๆ ครับ ขอบคุณพี่พนัสแทนน้องนิสิตที่ทำความฝัน ต่อยอดความฝัน ต่อยอดความคิดครับ ผ่านสารคามจะแวะไปเสวนาครับ คงเร็วๆนี้ครับพี่
ศรัทธา เชื่อมั่น
นกกวี
สวัสดีครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
หนังสือเล่มนี้ ไม่วางขายในร้านรวงที่ไหนหรอกนะครับ แจกจ่ายไปตามที่ต่างๆ เพื่อการเรียนรู้และเสริมแรงบันดาลใจให้กันและกัน ส่วนที่มอบไปให้กับเจ้าของเรื่องนั้น ก็ให้ไปเพื่อให้เจ้าตัวได้ใช้ประโยชน์ในการจัดหาทุนให้กับตัวเอง เป็นการต่อยอดความฝันของเขาไปในตัว ครับ
สวัสดีครับ พี่นงนาท สนธิสุวรรณ
วิธีคิดเช่นนี้ หลอกตัวเองไม่ได้เลยครับว่าเป็นความคิดฝันของตัวเองเหมือนกัน...
ดีใจที่เห็นความฝันของนิสิตได้มีพื้นที่ในการแสดงตัวตนอย่างสร้างสรรค์...
และถึงวันนี้ก็ยังเดินหน้าที่จะสร้างงานในทำนองนี้ต่อไป
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องอาร์ม
หนังสือไม่วางแผงครับ ให้ที่อยู่มาก็ได้นะครับ จะจัดส่งไปให้...
สวัสดีค่ะ พี่พนัส
หนูชอบมากๆเลยค่ะ หนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ในหุ่นไล่กา ตุ๊กตาไล่ฝน บางบทความเนื้อหาทำให้เด็กสาวผู้ไกลบ้านอ่านแล้ว ยิ่งคิดถึงบ้านคนทางบ้าน แต่ก็แอบดีใจนิดๆค่ะ เพราะว่าได้อ่านก่อนเพื่อนๆในกลุ่ม ก่อนในวัน งาน ลมหายใจปัญญาชน ก่อนเพียงแค่วันเดียวเอง ค่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้หนังสือเล่มนี้
ก็ตลกดีนะคะ ต้องได้ยืมไปยืมพี่เจ้าหน้าที่ หอพัก มาถ่ายเอกสาร เก็บไว้
หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วทำให้ไม่ลืมความเป็นตัวตนของ หนูได้เลยทีเดียวค่ะ
ขอประวัติส่วนตัวของ คุณ สุทิน ทองสีเหลือง หน่อยได้ไหมค่ะ