ทั้งนี้ในชุมชนปางมะผ้ามีหลายชาติพันธุ์ และมีกลุ่มกิจกรรมเกิดขึ้นมากมาย เช่นที่บ้านแม่ละนาก็มีเกือบ 20 กลุ่มกิจกรรมตั้งแต่กลุ่มเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่ล้วนเกี่ยวพันโยงใยให้ได้สัมพันธ์และเรียนรู้กันตลอด แต่ละกลุ่มมีการจัดการของตนเอง มีการนัดเจอกันทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เรียกว่าทุกกลุ่มดำเนินการโดยอิสระแต่มีจุดร่วมกันคือยังต้องรักษาไว้ซึ่ง “อัตลักษณ์”ของชุมชนแต่ละแห่งในปางมะผ้า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเป็นปกติของคนที่นี่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น และสะท้อนความเข้มแข็งของชุมชนที่มีความรู้เป็นฐานและสามารถจัดการกับความรู้นั้นเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในประเด็นต่าง ๆ
(พี่หนาน แกนนำท่องเที่ยวชุมชนแม่ละนาพาทัวร์ในหมู่บ้านถูกใจบ้านไหนก็แวะคุยได้ ทุกคนพร้อมจะให้บริการความรู้แก่นักท่องเที่ยวเสมอ และที่ไม่ลืมคือพวกเขามักถามกลับว่ามาเห็นแล้วเป็นอย่างไร ประมาณว่าอยากได้ข้อแนะนำ)
คลังความรู้ของชุมชนในปางมะผ้า มีทั้งผู้สูงอายุที่เป็นทั้งแหล่งองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และผู้สนับสนุน ซึ่งความรู้ในตัวคนเหล่านี้ถูกดึงออกมาและร่วมกันจัดการโดยคนรุ่นกลาง ซึ่งมักรวมกลุ่มกันและจัดตั้งเป็นกลุ่มต่าง ๆ มีโครงการสร้างการบริหารจัดการชัดเจนเน้นการประชาคมสรุปร่วมกันในทุก ๆ เรื่อง มีการส่งต่อความรู้สู่รุ่นเยาวชนผู้สืบทอด เช่น การอบรมมัคคุเทศน์น้อย การสอนการเล่นลิเกไต การรำนก การอีดน้ำมันงาซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ขาดหายไปช่วงหนึ่งเกือบ 20 ปี “กิจกรรมหลากหลายที่เกิดขึ้นและปฏิบัติ”จึงเป็นกลไกของการสร้างและใช้ความรู้เพื่อการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยมี ศูนย์ประสานงานข้อมูลความรู้เพื่อการพัฒนา เป็นศูนย์กลางของการรวบรวมและส่งต่อความรู้ให้เกิดการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนโดยไม่ต้องยึดติดหรือรับความรู้จากภายนอกเพียงอย่างเดียว และไม่เป็นเพียงแหล่งความรู้ให้คนข้างนอกมานำออกไปโดยไม่คืนให้กับชุมชน ดังที่เคยเป็นมา
(พี่จอมจันทร์ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรพาเราขึ้นมาดูเกษตรผสมผสานที่มีสารพัดพืชพรรณตั้งแต่นาข้าวไปจนถึงสวนผลไม้อยู่ในบริเวณแปลงเกษตรของพี่จอมจันทร์ประมาณ 15 ไร่ (เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยวัดเพราะเป็นพื้นที่เชิงดอยและเนินเขา)
นอกจากนี้ในแง่งามของการจัดการความรู้ที่เกิดขึ้นที่นี่แค่ในบริบทของคนที่เกี่ยวข้อง เราพบว่า ทีมนักวิจัยหลักซึ่งเป็นนักวิชาการจากภายนอกทำหน้าที่เป็นผู้คอยสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ โรงเรียน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ นักวิชาการสาธารณสุข พัฒนาการอำเภอ นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานอื่น ๆ ปล่อยให้ทีมนักวิจัยท้องถิ่น(ชาวบ้านตัวแทนชนเผ่าต่าง ๆ ) ไปทำงานกับชุมชน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ชุมชนสามารถนำความรู้ที่มีมาจัดการกับปัญหาและพัฒนาชุมชนได้อย่างยั่งยืน
ดังภาพรวมที่เห็นอันเป็นของผลการดำเนินงานที่ทำมาคือพบแนวทางที่ ชุมชนอยู่ร่วมกับดินน้ำป่าอย่างยั่งยืน ของดีชุมชนสืบทอดสู่เยาวชน มีเกษตรทางเลือกที่ยั่งยืนและพอเพียง มีการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือปลุกจิตสำนึกชุมชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่เป้าหมายของการจัดการความรู้ คือ สุขภาพองค์รวมของชุมชนพื้นที่ (กาย- ความคิด-จิตวิญญาณ) และแม้โครงการนี้จะจบลงแต่แกนนำเหล่านี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานต่อไปและมีการจัดการเพื่อให้ศูนย์ฯนี้เป็นศูนย์กลางของความรู้และการจัดการชุมชนในปางมะผ้าต่อไป ด้วยการดึงความร่วมมือจากหน่วยงาน /องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดกิจกรรมต่อเนื่องต่อไป
ในประเด็นต่าง ๆ ที่ได้ไปพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นหลักฐาน จากสื่อสิ่งพิมพ์ โบว์ชัวร์ แผ่นพับ จดหมายข่าว ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว (ทีมนักวิจัยชาวบ้านได้เรียนรู้การถ่ายทอดและการตัดต่อวีซีดีจากการอบรมและเรียนรู้ดัวยตนเองจนสามารถทำเองได้และมาสอนต่อกันในทีม) รวมทั้งการได้พบเจอพูดคุยกับเจ้าของความรู้ ผู้เฒ่าผู้แก่ และคนรุ่นสืบทอด ทำให้เห็นว่า การใช้ประโยชน์จากความรู้ในแต่ละด้านล้วนเชื่อมโยงกับศูนย์ประสานงานข้อมูลความรู้เพื่อการพัฒนา ซึ่งตั้งอยู่ที่ 86/1 หมู่ 3 บ้านวนาหลวง ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน รหัสไปรษณีย์ 58150 โทร.053-617005,053-617200
เป็นเรื่องเล่าที่ดีมากครับ เพราว่าเล่าเรื่องพี่น้องปางมะผ้า ขอบคุณครับ
ออกจับภาพ KM กันขนาดนี้เชียวหรือ???เห็นทีผมจะต้องชวนมาที่ปายอีกรอบแล้ว จะพาไปเดินป่าครับ
.................
กระบวนการทำงาน การจัดการความรู้ที่ชุมชนทำด้วยตนเองที่บ้านแม่ละนา เป็นธรรมชาติและมีกระบวนการที่น่าสนใจมากครับ
ด้วยความเข้มแข็งของกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ใหญ่ รวมทั้งเยาวชน ที่บ้านแม่ละนา ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน เป็นการสานสามวัยได้อย่างลงตัวและงดงาม
..............
ขอบคุณพี่ตุ่มและน้องแขกครับ ที่มาช่วยให้กำลังใจเรา
สวัสดีค่ะคุณสิงห์ป่าสัก
เราไปเห็นสิ่งดี ๆ ก็มีความสุขค่ะ
น้องเอก
ใช่แล้วค่ะ เรื่องราวของบ้านแม่ละนาเป็นการประสานร่วมกันของคนสามวัย และมีการจัดการที่ดีในแบบฉบับของตนเอง
ใครอยากไปเที่ยวปางมะผ้าถ้าให้ได้สัมผัสถึงความเป็นชุมชนแท้ ๆ ก็ต้องพักโฮมสเตย์ ที่นี่เขายังทำปฏิบัติท่องเที่ยว 12 เดือนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเขาอีกด้วย