สะพานบวรมิตรภาพ


Dsc00987Dsc01002Dsc00997 วันนี้รู้สึกว่าเป็นวันที่ตนเองรู้สึกสบายในรอบหนึ่ง เดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องเร่งรีบกับงานตรงหน้า เลยอยากเล่าการเดินทางไปทำบุญเมื่อวันที่11-14 ส.ค ที่ผ่านมาได้ไปวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองบัวลำภูยังเป็นสำนักสงฆ์ ในหมู่บ้านเล็กๆติดเขตชายแดน ชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอดีต ผกค.ที่เข้ามอบตัว และทางราชการจัดสรรที่ทำมาหากินให้ สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งมาปีนี้เป็นปีที่ห้า ทางเข้าวัดต้องเดินตามสะพานเล็กๆยาว 200เมตรข้ามบึงน้ำใหญ่ สะพานที่ทำไว้ตอนทำสำนักสงฆ์ใหม่ๆพังก่อนเข้าพรรษา2-3เดือน ที่ผ่านมาชาวบ้านขาดการมาวัด พระท่านเกรงว่าถ้าไม่มีโอกาสได้ทำสะพานใหม่ชาวบ้านที่เริ่มเข้าวัดรักษาศีลจะขาดความต่อเนื่องและเลิกร้างไป เพราะหมู่บ้านนี้เป็นแหล่งอบายมุขหลายอย่าง ขาดหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจ พระท่านเป็นห่วงเยาวชนรุ่นหลัง ท่านมีเป้าหมายอยากให้ชาวบ้าน ลด ละ เลิกอบายมุข ซึ่งผู้เขียนมีโอกาสได้นั่งคุยกับท่านเรื่องนี้หลายครั้ง พระท่านพยายามหลายวิธีที่จะให้ชาวบ้านเข้าใจธรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และลดอบายมุขลงบ้าง ท่านพบอุปสรรคหลายประการ แต่ก็ไม่ท้อ ก่อนเข้าพรรษา 2-3 เดือน สะพานพัง ชาวบ้านบางส่วนที่เข้าวัดทำบุญ รักษาศีลขาดการมาวัด มีทางเดินเข้าวัดแต่ฝนตกเดินลำบากมาก พระไม่มีปัจจัยที่จะมาซ่อมสะพาน และอุปกรณ์การก่อสร้าง ชาวบ้านส่วนใหญ่อาชีพทำไร่ทำนา ฐานะยากจน แต่โชคดีมีคนที่มีจิตศรัทธาบริจาคไม้และอุปกรณ์การก่อสร้างทำสะพานให้ แต่คนที่จะทำต้องเป็น ชาวบ้านและพบว่าชาวบ้านมาช่วยกันทำ โดย พระไม่ได้สั่งให้ชาวบ้านมาช่วย ชาวบ้านทราบข่าวก็ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาช่วย ด้วยความอดทนเสียสละ ร่วมแรง ร่วมใจ สะพานยาวประมาณ 200เมตร น้ำลึกประมาณ8เมตร ไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้แรงงานชาวบ้านที่เสียสละเวลามาช่วยกัน การก่อสร้างเป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องก่อสร้างในน้ำ แต่สะพานก็เสร็จทันเข้าพรรษาพอดี …..วันที่ 13สค ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมและเดินข้ามสะพานเข้าไปวัด สะพานแข็งแรงมาก ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความเสียสละ อดทน ร่วมใจ และท้ายสุดความภูมิใจในผลงานของทุกคน พระท่านเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ทุกวันพระ จะมีชาวบ้านมาทำบุญ รักษาศีล และนอนค้างวัดวันพระละหลายๆคน ศาลาเล็กๆไม่พอนั่ง ตอนนี้ชาวบ้านกำลังช่วยทำศาลาใหม่ มาช่วยกันเองไม่มีค่าตอบแทนให้……ผู้เขียนสังเกตดูชาวบ้านทุกคนมีความสุขกับสังคมน้อยๆของเขาทุกคน

…..หมายเหตุผู้เขียนต้องขอสงวนสิทธิ์ในการเอ่ยชื่อจริงเพราะยังไม่ได้ขออนุญาตพระ และชาวบ้าน ….แต่อยากถ่ายทอดให้เห็นวิถีชีวิต ที่มีมานานของสังคมไทยคือ วัดกับบ้านเป็นสิ่งที่ขาดจากกันไม่ได้

คำสำคัญ (Tags): #วัดกับบ้าน
หมายเลขบันทึก: 45347เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2006 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
ใช่ลยนะคะ เห็นด้วยที่วัดและบ้านต้องเป็นพันธมิตรด้วยกัน ต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน และสิ่งสำคัญต้องสร้างสิ่งที่ทุก ๆคนได้เกิดจากความคิด และลงมือกระทำจากสิ่งที่คิด แม้จะมีอุปสรรคแต่ต้องพ่ายแพ้กับความตั้งใจจริงของผู้ที่มีจิตใจดี จริงจังและเห็นภาพในอนาคต-ปัจจุบัน(อย่างพระอาจารย์ที่คุณเล่ามาสู่กันฟังนะคะ)   ขอให้มาเยี่ยมที่ BLOG  http://gotoknow.org.warunee
     อยากตั้งชื่อบันทึกทึกนี้ใหม่จัง (ยิ้ม ๆ) ว่า "สะพานบวรมิตรภาพ" ก้ามข้ามไปสู่ความดี
     บวร คือ บ้าน วัด โงเรียน ครับ

ขอบคุณ ''EVERLASTING"ค่ะที่เข้ามาเยี่ยม ลปรร ความจริงที่แน่นอนพลังของความดีมีอานุภาพค่ะ ค่อยๆสะสมความดีทีละเล็กทีละน้อย  ถึงเวลาเขาจะส่งผลของเขาเอง ยังมีพระแท้ที่ช่วยสังคมและสืบทอดพระพุทธศาสนาอยู่อีกมากค่ะ ....จะเข้าไปเยี่ยมที่ BLOG นะค๊ะ ขอบคุณค่ะ

    ชื่อที่คุณชายขอบตั้งให้เหมาะมาก(หัวเราะ) ความหมายดีมาก  ขออนุญาตใช้ชื่อนี้นะคะ(ต้องขอเวลาให้น้องโอ๋ เปลี่ยนให้ค่ะตัวเองยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญการ สร้างBLOG เท่าใดนัก ขอบคุณค่ะ

ตามมาดูชื่อตัวเองครับผม และอยากบอกว่า

สะพานเชื่อมชูใจใฝ่ธรรมะ

เพื่อลดละอบายมุขทุกข์ทั้งหลาย

สะพานอื่นไม่อยู่ยั้งพังทลาย

สะพานใจสะพานกายไม่หน่ายธรรม

สถานที่บางทีก็ไม่ต้องใหญ่โตมากมาย แต่ยิ่งใหญ่ด้วยความรู้สึกของการให้ การเสียสละ เป็นเรื่องที่ยั่งยืนและอยากให้เกิดกับทุกแห่งครับ

ภาพสวย ธรรมชาติสดใสดีครับ 

   แก้ไขชื่อบันทึกแล้วค่ะ  คิดว่ายากง่ายนิดเดียว ...ขออนุญาตผอ.บวร ชื่อท่านปรากฎบนสะพานแล้วค่ะ  ท่านผอ. แต่งกลอนได้เฉียบขาดมาก (ปรบมือดัง)

       มือใหม่หัดใส่ภาพค่ะ อ.จตุพรขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท