คาถากันภัย
เราคงต่อต้านกระแสโลกาภิวัตน์ไม่ได้ แต่ถ้าใช้ปัญญารู้จักคิดวิเคราะห์ปรับใช้ให้เหมาะสม ก็จะช่วยรักษาความเป็นไทยในความเป็นสากลไว้ได้
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์ ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้านอื่น ๆ ทางวัตถุตามมาอีกมากมาย
แต่ความก้าวหน้าดังกล่าวก็มีผลกระทบต่อเยาวขนไทยที่พากันลอกเลียนแบบวัฒนธรรมต่างชาติ จนแทบจะไม่เหลือความเป็นไทยให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกาย การพูดจา การแสดงความเคารพผู้ใหญ่ ความกตัญญูรู้คุณ ความอ่อนน้อมถ่อมตน การรักนวลสงวนตัว เป็นต้น
การรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาอย่างขาดการวิเคราะห์และปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย เช่นปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การยกพวกตีกัน การแข่งรถ วัยรุ่นขายตัว การข่มขืน เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้คนในสังคมได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ประชาชนทั่วไปต่างหวั่นเกรงว่าสักวันหนึ่งภัยดังกล่าวอาจมีผลกระทบถึงตนเองหรือครอบครัวได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยที่สุภาพสตรีถูกข่มขืนนับเป็นภัยที่ปรากฏไม่เว้นแต่ละวัน และเป็นเรื่องที่สุภาพสตรีหวาดกลัวอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามติดตามจับกุมบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่ลดน้อยลง
ผู้ที่มีส่วนดูแลความสงบในสังคมก็พยายามหากลวิธีแก้ไขกันไป โดยเห็นว่าการปราบปรามอย่างเดียวคงจะแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้การป้องกันที่ต้นเหตุก่อน เช่น พระครูสีลวัฒนาภิรม วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ท่านบอกว่า ต้องแก้ไขที่ผู้ชาย โดยท่านสอนผู้ชายด้วยหลัก “10 อย่า” คือ
1) อย่าพึ่งยาเสพติด 2) อย่าเป็นมิตรกับคนชั่ว 3)อย่าทำตัวดื้อรั้น 4) อย่าขยันเที่ยวเตร่ 5) อย่าเกเรเพื่อนบ้าน 6) อย่าเกียจคร้านทำกิน 7) อย่าดูหมิ่นพ่อแม่ 8) อย่าทำแน่ว่าไม่ตาย 9) อย่าทำลายวัฒนธรรม 10 ) อย่าสุขสำราญจนลืมชาติไทย
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ เมื่อตอนเป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่น้อยหน้าได้ออกคาถากันภัยสุภาพสตรี “10 อย่า” เตือนหญิงสาวเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจมาถึงตัวคือ
1) อย่านุ่งกระโปรงสั้น 2) อย่าดื้อรั้นลองยา 3) อย่าพึ่งพาคนแปลกหน้า 4) อย่าคบหาเพื่อนไม่ดี 5) อย่าหลีกหนีพ่อแม่ 6) อย่าพ่ายแพ้ความฟุ่มเฟือย 7) อย่าเฉื่อยแฉะเที่ยวเตร่ 8) อย่าเกเรไม่กลับบ้าน 9) อย่าเผาผลาญเงินทอง 10) อย่ามัวแต่มองเพื่อนชาย
หญิงสาวทุกคนถ้าไม่อยากให้ภัยถึงตัวก็พึงตระหนัก 10 อย่า ไว้ด้วย
แต่ความก้าวหน้าดังกล่าวก็มีผลกระทบต่อเยาวขนไทยที่พากันลอกเลียนแบบวัฒนธรรมต่างชาติ จนแทบจะไม่เหลือความเป็นไทยให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกาย การพูดจา การแสดงความเคารพผู้ใหญ่ ความกตัญญูรู้คุณ ความอ่อนน้อมถ่อมตน การรักนวลสงวนตัว เป็นต้น
การรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาอย่างขาดการวิเคราะห์และปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย เช่นปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การยกพวกตีกัน การแข่งรถ วัยรุ่นขายตัว การข่มขืน เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้คนในสังคมได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ประชาชนทั่วไปต่างหวั่นเกรงว่าสักวันหนึ่งภัยดังกล่าวอาจมีผลกระทบถึงตนเองหรือครอบครัวได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยที่สุภาพสตรีถูกข่มขืนนับเป็นภัยที่ปรากฏไม่เว้นแต่ละวัน และเป็นเรื่องที่สุภาพสตรีหวาดกลัวอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามติดตามจับกุมบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่ลดน้อยลง
ผู้ที่มีส่วนดูแลความสงบในสังคมก็พยายามหากลวิธีแก้ไขกันไป โดยเห็นว่าการปราบปรามอย่างเดียวคงจะแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้การป้องกันที่ต้นเหตุก่อน เช่น พระครูสีลวัฒนาภิรม วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ท่านบอกว่า ต้องแก้ไขที่ผู้ชาย โดยท่านสอนผู้ชายด้วยหลัก “10 อย่า” คือ
1) อย่าพึ่งยาเสพติด 2) อย่าเป็นมิตรกับคนชั่ว 3)อย่าทำตัวดื้อรั้น 4) อย่าขยันเที่ยวเตร่ 5) อย่าเกเรเพื่อนบ้าน 6) อย่าเกียจคร้านทำกิน 7) อย่าดูหมิ่นพ่อแม่ 8) อย่าทำแน่ว่าไม่ตาย 9) อย่าทำลายวัฒนธรรม 10 ) อย่าสุขสำราญจนลืมชาติไทย
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ เมื่อตอนเป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่น้อยหน้าได้ออกคาถากันภัยสุภาพสตรี “10 อย่า” เตือนหญิงสาวเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจมาถึงตัวคือ
1) อย่านุ่งกระโปรงสั้น 2) อย่าดื้อรั้นลองยา 3) อย่าพึ่งพาคนแปลกหน้า 4) อย่าคบหาเพื่อนไม่ดี 5) อย่าหลีกหนีพ่อแม่ 6) อย่าพ่ายแพ้ความฟุ่มเฟือย 7) อย่าเฉื่อยแฉะเที่ยวเตร่ 8) อย่าเกเรไม่กลับบ้าน 9) อย่าเผาผลาญเงินทอง 10) อย่ามัวแต่มองเพื่อนชาย
หญิงสาวทุกคนถ้าไม่อยากให้ภัยถึงตัวก็พึงตระหนัก 10 อย่า ไว้ด้วย
คำสำคัญ (Tags): #จี้ใจได้สาระ#สาระน่ารู้
หมายเลขบันทึก: 44626เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2006 08:20 น. ()ความเห็น (2)
คาถา "10 อย่า" มีประโยชน์มากค่ะ เอาไว้เตือนลูกเตือนหลานดีมากเลยค่ะ...ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
บัณฑิตกฎหมายรองานราชการ
ดีมากคะที่มีคาถากันภัยของท่านผบ.ตร.โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานทำให้ดำรงตนได้คะ