ช่วง 9 โมงเช้า สามเณรทุกรูปก็เข้าไปหาพระอาจารย์ ท่านแจกหนังสือเจ็ดตำนาน และกำหนดให้ท่องจำบทสวดมนต์ต่าง ๆ โดยหาสถานที่ภายในวัดแล้วท่องจำ...เวลา 11. 00 น. มีเสียงกลองเพลดังมาก ๆ เป็นสัญญาณทั้งชาวบ้านและพระเณรมารวมกันที่ศาลา พระและเณรร่วมกันฉันเพลมีกำหนดถึงเที่ยงเท่านั้น...ต่อจากนี้ไปก็ได้แต่ดื่มน้ำจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ เราจึงได้ฉันภัตตาหารเช้าอีกครั้งวนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ ฮา ๆ เอิก ๆ
ผมบวชอยู่ไม่กี่เดือน...ก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นสามเณร 9 รูป และพระอีก 3 รูป หมู่บ้านนี้เคยเป็นเมืองเก่า...ดั้งเดิม...มาจากประเทศลาว...ผู้คนยังไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ...พึ่งห่างกันก็อยู่ในช่วงลาวเปลี่ยนการปกครองครับ..ผู้คนในหมู่บ้านนี้รัก...สามัคคีกันดีมาก...
สมดังผญาที่ว่า...ฮักหอมซุมแซงเซื้อเดรือเดียวกัน...ให้หลิงหลำกันเด้อ...พวกผองเฮาพี่น้องอย่าเมินหน้าหน่ายแหนง...ฮักแพงหอมห่อไว้ได้เป็นเพื่อนคราวพลอยแท้นา...พ้องพ่อผองภัยพาลได้เพิ่งพงค์พันธ์เซื้อ...เด้อ...นางเอย....
ช่วงบ่ายบางวันพวกเรานำถังใส่รถล้อเข็นไปตักเอาน้ำในบ่อ...ไกลวัดประมาณ 3 กิโลเป็นสำหรับดื่ม...บางวันพวกเราไปขอขี้ควายของชาวบ้านโดยเข้าไปตักถึงใต้ถุนบ้านเลย...เพื่อนำมาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้มีการปลูกผักในวัดด้วยครับ...
บางครั้งพระหนุ่ม ๆแอบทำว่าวมีเสียง...เวลาสมภารไม่อยู่ก็สั่งให้สามเณรถือเชือกว่าววิ่งออกไปกลางทุ่ง...พอว่าวติดลมบนแล้วก็ผูกเชือก
ไว้กับรั้ววัด...แล้วฟังเสียงมันดังเหมือนเสียงเครื่องบินเล็กเลยครับ...
หมู่บ้านนี้มีครอบครัวอยู่ประมาณ 500 หลังคาเรือน มี 2 วัด ผมอยู่วัดทุ่ง อีกวัดหนึ่งอยู่กลางป่า
เขาเรียกวัดรอยพระบาท เพราะมีเรื่องเล่าว่า 10 ปีก่อนที่ผมจะมาอยู่หมู่บ้านนี้...ในค่ำคืนฝนตกหนัก...รุ่งเช้าชาวบ้านขับเกวียนออกไปทุ่งนา...พอไปถึงกลางป่าก็เห็นต้นไม้ใหญ่ ๆหักโค่นลงหลายต้น...และที่สำคัญ...เกิดมีรอยเท้าใหญ่ ๆ 2 รอย ห่างกันเหมือนคนยักษ์สูงประมาณ 30 เมตร ก้าวเดินไป...ช่วงที่ผมไปดูครั้งแรก อยู่ริมทางเกวียน เป็นลักษณะรอยเท้าคน ยาวประมาณ 1 เมตร ลึกประมาณ 1 ฟุต ทั้ง 2 รอยครับ…มีสิ่งที่ผู้คนนำมาบูชาเยอะมาก ๆผมสงสัยและเข้าใจว่า...ฟ้าผ่า...เป็นหลุมลึก...หรือไม่ก็มีอุกกาบาต...ตกลงมา...และคนไปทำให้เกิดเป็นรอยขึ้นครับ...วันหนึ่งผมไปที่วัดป่าและเดินไปที่เกิดรอยนั้น...รอยกำลังเลือนลาง...
เหลียวช้ายแลขวาไม่เห็นมีใคร...ผมใช้ทั้งมือและไม้ไผ่ขุดรอยเท้าทั้งสองนั้น เพราะมันเป็นดินปนทรายครับ...ลึกกว่าเดิมสำเร็จ...ฮา ๆ เอิก ๆ ไม่บอกใคร...พึ่งมาบอกคุณนี้แหละ...
ปี 2538 ผมไปที่นั้นอีกที...เปลี่ยนแปลงไปมาก...คือมีพระอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนามาบูรณะทำศาลาเทปูนทับรอยพระบาทนั้น...แล้วป่าแถบนั้นหายไปหมด...ครับ...เสียดาย..ธรรมชาติ...
ชีวิตของสามเณรน้อย ๆ ทุก ๆวันพระ 15 ค่ำ เราหาดอกจำปามา 5 คู่ใส่พานมีเทียนไขสีขาวด้วยครับเราไปขอศีล 10 กับพระอาจารย์ บางวันช่วงบ่ายพระอาจารย์เรียกไป...เห็นท่านนอนหงายยื่น
แหนบเพื่อให้ผมถอนหนวดเคราและขนจั๊กแร้ด้วยครับ...ฮา ๆ เอิก ๆท่านเป็นหมอยาแผนโบราณ...ผมช่วยฝนยาให้...มีชาวบ้านมารับยามากครับ...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปราถนาดี
จาก...umiตอนที่ผมเป็น สามเณร ผมคิดย้อนกลับไปแล้ว ทำไมผมซนขนาดนั้นก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะผมยังเด็ก
มันทำให้ผมคิดว่า ผมทำแบบนั้นจะบาปหรือเปล่า ผมไม่เคยสำรวมเลยครับ วิ่งจีวรกระจาย ขึ้นต้นไม้ กระโดดน้ำ...(ยกเว้นยิงนก)
หนีเข้าไปเที่ยวในป่า แอบกินข้าวเย็น...
....
เฮ้อ เหนื่อนแทนเจ้าอาวาสเลยจริงๆ
มารายงานตัวตามความเคยชินของการมาเยือนที่ต้องทิ้งรอยคะ....
....
เรื่องเล่าสามเณรนี้อาจารย์..คงย้อยรอยไปนานหลายปีนะคะ...(แอบแซว)...
แต่ยังมีมโนภาพแจ่มชัดที่ผู้อ่านสัมผัสได้...จับได้แล้วคะว่าใครคือคนขุดรอยนั้น..(ฮาๆ..เอิกๆ...ตามอาจารย์คะ...)
กะปุ๋ม
สวัสดีครับ คุณจตุพร
เด็กซนคือคนฉลาดเมื่อโตขึ้นครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ
ส่วนจะบาปหรือเปล่า...คงเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยหลายอย่าง...โดยเฉพาะ...เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง
วะทามิ. ครับ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณขจิต
อาจจะยังไม่ฉายแววฉลาดออกมาขณะยังเป็นเด็กครับ...แต่ปัจจุบัน...มีใครที่ไม่รู้จัก...คุณครูขจิตบ้าง...
ยกมือขึ้นครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณ น.เมืองสรวง
ความลำบากสร้างคนให้มีคุณค่า...ครับ...ผมเห็น...คุณ...เขียนคำ..ไทดำ...ผมเคยฟังเพลงที่ว่า...สิบห้าปี...ที่ไทเฮาห่างแดนลาว...
ขอบคุณครับที่เราได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ...
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สว้สดีครับ คุณกะปุ๋ม
มากกว่า 15 ปีครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ
ความลับไม่มีในโลก...ครับ...
ขอบคุณครับ...นี่คุณกะปุ๋ม...อดีตสามเณร...นึกว่ามีแต่ผม...ฮา ๆ เอิก ๆ ขอชื่นชมเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคนครับ...ที่เคยเป็นนักบิน...ด้วยกันทั้งนั้น..ยังมีอีกมั๊ย.....
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
"ขอบคุณครับอาจารย์........เช่นกัน อาจารย์สอนอยู่ปัตตนี โอ๋..ไกลจังครับ....ได้ยินเพลงนี้.."ไทดำลำพัน" ก็อดคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ครับ
สวัสดีครับ คุณ น.เมืองสรวง
แก้ไข...ผมเป็นข้าราชการตำแหน่ง อาจารย์ สอน..
ป. ตรี และ ป. โท ทางด้านปรัชญาและศาสนา
ที่ มอ. ปัตตานี เริ่ม 1 ก.ค.2539 - 16 มี. ค. 2549 ครับ...ปัจจุบัน...ผมทำงานอยู่ ม. ทักษิณ สงขลา
ทำงานอยู่บนเกาะยอ...ครับผม
ดีครับ...บรรยากาศเก่า ๆ ก็ทำให้เราสุขใจได้...ฮา ๆ เอิก ๆ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
อาจารย์คะ....หากมีโอกาส...
กะปุ๋มจะไปขอ...ลปรร.ปรัชญา...และเรื่องเล่าอินเดีย
แบบ F2F ...กับอาจารย์นะคะ...ไปคราวก่อนได้แค่ผ่านหน้า ม.ทักษิณ....แต่ไปคราวนี้จะบุกถึง...เกาะยอเลยคะ....(อิอิ...)
กะปุ๋ม...
สวัสดีครับ คุณกะปุ๋ม
ด้วยความยินดียิ่งครับ...สิ่งไหนที่ผมรู้...ผมเข้าใจ...
จะถ่ายทอดให้ฟังครับ...
ด้วยไมตรีจิตรมิตรภาพ
จาก...umi